ฟุตบอลลีกไทย เติบโตรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว พ่อแข้งมากมายหลากหลายสัญญาทยอยสู่แดนสยามชนิดไม่ขาดสายแทบทุกมุมโลก เช่นเดียวกันหลากหลายสโมสรพยายามหาของเล่นดีกรีลูกครึ่งไทย หรือแม้กระทั่งเด็กไทยที่เคยไปสัมผัสประสบการณ์ลูกหนังยังต่างแดน เพื่อใช้โควตาผู้เล่นไทยลงสนามในแต่ละเกม คือเทรนที่เราเห็นจนชินตา
ชาริล ชัปปุยส์, แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์, ทริสตอง โด, เควิน ดีรมรัมย์, ฟิลิป โรลเลอร์ คือกลุ่มแข้งเกรดพรีเมี่ยมที่แจ้งเกิดได้อย่างสง่างาม แต่ยังมีนักเตะประเภทโปรไฟล์เยี่ยม แต่มีสถานะตรงกันข้ามชื่อที่เอ่ยมาในข้างต้น
ทีมงานขอบสนามขอคัดสรร 13 แข้งไทยชื่อชั้นดี แต่ไม่รู้วันแจ้งเกิด ส่วนจะมีใครอยู่ในชาร์ตบ้างติดตามเนื้อหาทั้งหมดด้านล่างได้เลยครับ
1.ทศกร บุญเพ็ญ
เด็กมหัศจรรย์ผู้ที่เคยตกเป็นข่าวโด่งดังของหน้าหนังสือพิมพ์อังกฤษ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน หลังปฏิเสธเซาแธมป์ตัน แล้วเลือกเข้าสู่อะคาเดมี่เชลซี ตามด้วยเรดดิ้ง,ฟูแล่ม
“น้องเซียน” ทศกร บุญเพ็ญ กลับมาเป็นข่าวฮือฮาเมื่อ8ปีก่อน หลังกลายเป็นเยาวชนคนไทยคนแรกที่ได้ไปร่วมทัพเยาวชนเลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากวันนั้นข่าวคราวของวันเดอร์คิดส์ชาวไทยก็ค่อยๆหายเข้ากลีบเมฆทันที โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าครั้งหนึ่งเด็กที่เคยถูกประโคมข่าวเป็นเยี่ยงไร
จนกระทั่งไทยลีก 2 ฤดูกาล 2018 อาร์มี่ ยูไนเต็ด ใส่ชื่อ น้องเซียน อยู่ในทีมชุดใหญ่ ทว่าอุปสรรคมากมายทำให้ดาวรุ่งผู้เคยผ่านการฝึกซ้อมสโมสรดังมากมายในอังกฤษ ซ้อมกับทีมไปวันๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้สวมสตั๊ดลงสนามอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่
2.อเล็กซานเดอร์ ซีกฮาร์ท
กองกลางโปรไฟล์โคตรหรู เนื่องจากเคยเป็นเด็กฝึกหัดกับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ถึง 5 ปี แต่เมื่อเบียดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เสือใต้ไม่ได้ ทำให้ดาวเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เลือกไปเล่นในระดับเรจิโอนัลลิก้า หรือดิวิชั่น4 กับอุนเตอร์ฮัคกิ้ง อีก1ฤดูกาล
เมื่อโปรไฟล์หรูดีกรีเยี่ยมยอดขนาดนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงไม่รอช้าคว้าตัว ซีกฮาร์ท มาร่วมทีม ช่วงเลก2 แต่ชีวิตลูกหนังแดนปลาแดกไม่ได้สวยงามเหมือนที่เขาคิด 6 เดือนในถิ่นปราสาทสายฟ้ากลับแทรกซึมสู่การเป็นตัวหลักไม่ได้เลย ทำให้เมื่อมีข้อเสนอจากทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด เข้ามา ซีกฮาร์ท ไม่รีรอทันที
1 ปีครึ่งในถิ่นทรู สเตเดี้ยม ชีวิตการค้าแข้งของดาวเตะวัย 23 ปี แทบไม่ได้ต่างจากตอนอยู่ในทีมเซราะกราวเลย พิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ไร้จุดเด่นสร้างความแตกต่าง จนโอกาสในสนามเริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ จนแฟนบอลแข้งเทพบางคนแทบจะลืมไปแล้วว่า ซีกฮาร์ท ยังอยู่กับในปี 2018 อีกหรอเนี่ย
3.ยายาร์ คูนาธ
เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยตระเวนทดสอบฝีเท้ากับหลายสโมสรในไทยลีก เมื่อปี 2013 แต่ไม่มีชายตามองแม้แต่ครั้งเดียว จนซมซานกลับเมืองเบียร์ไปค้าแข้งในลีกระดับล่าง
จนกระทั่งต้นปี 2018 ยายาร์ คูนาธ ขอทดสอบฝีเท้ากับสวาดแคทร่วม 3 สัปดาห์ ก่อนจะได้รับสัญญา1 ฤดูกาล จากมิลอส โจซิค แต่โอกาสจำกัดจำเขี่ยได้ลงสนามเพียงแค่ 3 เกมก็พอจะบอกได้ว่า คูนาธ ยังดีไม่พอสำหรับไทยลีก ไม่ซิเขายังสู้เด็กสัญชาติไทยแท้ในทีมโคราช อย่างเอกชัย ฤทธิพันธ์ ที่เล่นในตำแหน่งปีกขวาเหมือนกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
4.ศุเมธี โคกโพธิ์
นายทวารเลือดเนื้อเชื้อไขไทยแท้ 100% ผู้ที่อพยพตามแม่บังเกิดเกล้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนี จนได้เรียนรู้วิถีชีวิตฟุตบอลแดนไส้กรอกมาเต็มที่ ศุเมธี คือตัวหลักของทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีของฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ทีมระดับลีกา2 ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมายังประเทศไทย จนได้รับการทาบทามให้มาช่วยทีมช้างศึกยู-19 ปี ในยุคของอนุรักษ์ ศรีเกิด เมื่อ3ปีก่อน
น่าเสียดายที่หลักฐานยืนยันสัญชาติไทยของ ศุเมธี ไม่ครบถ้วนจึงพลาดโอกาสครั้งสำคัญไป อย่างไรก็ดีปัญหาอาการบาดเจ็บหัวเข่า ทำให้ “โก้” เลือกกลับแดนสยาม และเป็นแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่มอบสัญญาให้แก่เขา เนื่องจากคุยกับมาโน่ โพลกิ้ง ได้ถูกคอกัน
ทว่าถึงจะมีโปรไฟล์ดี รูปร่างดี ไม่ได้หมายความจะได้รับการันตีตำแหน่งตัวจริงรวมถึงโอกาสในการเฝ้าเสาทีมชุดใหญ่ 1 ปีผ่านมา ในทีมแข้งเทพ “โก้” เป็นเพียงแค่ดาวรุ่งธรรมดาที่แทบไร้โอกาสลงสนาม แถมยังเบียดทัศดนัย กลมเกลี้ยง มือกาวตัวหลักในทีมชุดบีของแข้งเทพไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
5.กิตติพงษ์ ปลื้มใจ
ศูนย์หน้าไทยแท้ผู้ไปเติบโตแดนไกลถึงนอร์เวย์ กลายเป็นที่สนอกสนใจ ภายหลังจากเดินทางมาขอฝึกซ้อมกับทีมชาติไทย ในยุคของวินฟรีด เชฟเฟอร์ เมื่อปี 2011 แถมยังตะบันแฮตทริกในเกมอุ่นเครื่องอีกด้วย
3 ปีต่อมา กิตติพงษ์ ได้สังกัดแรกในเมืองสยามเมื่อเป็นทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาไปร่วมทีมเมื่อปี 2014 แต่กลับสอดแทรกสู่ทีมชุดใหญ่ไม่ได้ และถูกปล่อยไปให้สุรินทร์ ซิตี้ ยืมตัว ตามด้วยการพเนจรในลีกระดับล่าง เช่นสุโขทัย เอฟซี แพร่ ยูไนเต็ด ทว่าเขาอยู่ในสถานะที่ว่าความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏ
“พงษ์” พยายามขวนขวายกับโอกาสในการค้าแข้งในลีกบ้านเกิด ทั้งกับหนองบัซ พิชญ, ชัยนาท ฮอร์นบิล รวมถึงต้นสังกัดปัจจุบันอย่างอ่างทอง เอฟซี ทว่ากลับไม่สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
6.พิพัฒน์ แสงวงศ์
เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี ผู้หลงใหลไปกับเสน่ห์ของลูกบอลใบกลมตั้งตาวัยเยาว์ ได้รับการฝึกฝนในโครงการเรอัล มาดริด ฟาวเดชั่น จนได้รับชักชวนจากสต๊าฟฟ์โค้ช ให้ไปยังยุโรป จนได้ร่วมทัพสปอร์ติ้ง บราก้า ยู-19 ปี
อย่างไรก็ดีชีวิตของพิพัฒน์ ที่โปรตุเกสไม่น่าจดจำ เขาโดยกลั่นแกล้งสารพัดจากเยาวชนท้องถิ่น นอกจากนี้การฝึกซ้อมก็แทบจะไม่เคยได้บอลจากเพื่อนร่วมทีมเลยด้วยซ้ำ นั้นจึงทำให้เด็กหนุ่มรายนี้ เดินทางกลับเมืองไทยเพื่อหาโอกาสโลดแล่นฟุตบอลบ้านเกิด บางกอกกล๊าส คือทีมแรกที่ไปคัดตัว แต่ถูกหมางเมิน จนกระทั่งขอไปทดสอบฝีเท้ากับโปลิศ เทโร จนได้รับการเซ็นสัญญา
ทว่าด้วยดีกรีมากมายฤดูกาล 2018 พิพัฒน์ ถูกใส่ชื่ออยู่ในทีมเทโร ชุดบี ลงเล่นในระดับไทยลีก 4 แต่เขาแทบไม่ชนะใจรังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ในการเบียดลงตัวจริง เรียกง่ายๆว่าเขาสู้เด็กเยาวชนลูกหม้อในรั้วมังกรมังกรโล่เงิน แทบไม่ได้เลย จนบางทีดีกรีมากมายก็ไม่ช่วยอะไรเขาเลย
7.ปกเกล้า มีสติ
หนึ่งแข้งที่ไปฝึกฟุตบอลยังดินแดนฝอยทอง เหมือนกับพิพัฒน์ แสงวงศ์ เพียงแต่เจ้าหนูปกเกล้ามีดีกรี คือเป็นเด็กแข้งโรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี พ่วงด้วยเยาวชนของกิเลนผยอง เขาโดนทาบทามจากเอเยนต์รายหนึ่งที่มาหากินในเมืองไทย ไปหาสัมผัสประสบการณ์ลูกหนังประเทศโปรตุเกส กับ 2 สโมสรคือเบนฟิก้า และสปอร์ติ้ง บราก้า
ทว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ปกเกล้า ต้องคัมแบ็คแดนสยามเป็นเพราะเขาไม่ได้รับโอกาสในการเซ็นสัญญา จึงแพ็คกระเป๋ากลับบ้าน มีหลายสโมสรทาบทามเด็กจากจังหวัดปทุมธานีไปร่วมทีม ทั้งราชบุรี, เมืองทอง แต่เป็นเทโร ที่สวมบทปืนไวคว้าตัวไปครอง
แต่ชะตาชีวิตฟุตบอล 1 ปีในรั้วมังกรโล่เงิน ก็แทบจะไม่ต่างไปจากพิพัฒน์ คือมีบทบาทแค่สำรองในทีมชุดบี ระดับไทยลีก 4 เท่านั้น อาจจะเป็นเพราะรูปร่างที่เล็ก รวมถึงความไม่คุ้นชินวิถีลูกหนังแบบไทยๆ ทำให้โดนมองข้ามไปโดยปริยาย
ส่วน 6 แข้งโปรไฟล์เยี่ยมแต่ไม่รู้วันแจ้งเกิด คอลูกหนังขอบสนามรอติดตามพาร์ท 2 ได้ในวันพรุ่งนี้ครับ
เอ็มเร่
