เวิล์ด คัพ 2018 บนดินแดนม่านเหล็กเปิดฉากฟาดแข้งกันเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนครึกครื้นทั่วรัสเซีย เสียงเชียร์และชัยชนะอันท่วมท้นของลูกหลานชาวมอสโกว์ ที่มีชัยเหนือทีมจากตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอาระเบีย บ่งบอกถึงเวลาแห่งการชิงชัยโทรฟี่อันทรงเกียรติเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทัวร์นาเมนต์ระดับโลก โรมรันเตะกันราว 1 เดือนเศษ ย่อมทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังแผ่นดินหมีขาว ชนิดไม่ต้องสงสัย ฟุตบอลไทยลีก ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเวิล์ด คัพ ก็ลงทำการแข่งตามโปรแกรมปกติ แต่จะว่าไปแล้วลูกหนังเบอร์ 1 แดนสยาม เคยเป็นสถานีที่เหล่าแข้งต่างแดนมากมาย ที่เคยไปโลดแล่นในทัวร์นาเมนต์เยาวชนโลกมาแล้ว ทั้งระดับ 17 และ 20 ปี มาแล้ว
และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในห้วงเวลานี้ขอบสนามขอหยิบยก 10 แข้งนอกโปรไฟล์หรูไทยลีก ผู้ผ่านสังเวียนเยาวชนเยาวชนโลก อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้ เนื้อหาทั้งหมดอยู่ด้านล่าง เชิญเลื่อนเมาท์คลิกอ่านได้เลย
1.แฟร้งค์ อาเชียมปง
ดาวเตะความเร็วสูงจากกาน่า เดินทางมายังประเทศไทยแบบที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ด้วยวัย 17 ปี ก่อนที่จะสถาปนาตัวเองเป็นผู้เล่นสุดแสนอันตรายในไทยลีก จนผู้เล่นเกมรับไทยลีกหลายๆสโมสร เหน็ดหนื่อยในการวิ่งไล่ตาม เขาคือสตาร์ดังยุคแรกของทีมปราสาทสายฟ้า ที่ประสบความสำเร็จกวาดแชมป์ในแดนสยามถึง 5 รายการ ในระหว่างปี 2011-12
ผลงานที่โดดเด่นกับบุรีรัมย์ จนถูกเรียกติดทีมชาติใหญ่กาน่า รวมถึงไปโลดแล่นเยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ตุรกี เมื่อปี 2013 อาเชียมปง ปักหลักเล่นทางกราบซ้าย ในตำแหน่งริมเส้นอันคุ้นเคย พร้อมกับช่วยทีมบ้านเกิดจบอันดับ 3 ทัร์นาเมนต์ดังกล่าว โดยที่ลงเล่นทั้งหมด 7 เกม และกระทุ้งไป 2 ประตู
ปัจจุบัน อาเชียมปง ย้ายจากอันเดอร์เลชท์ไปร่วมทีมเทียนจิน เต๋อด้า ในไชนีส ซุปเปอร์ลีกเป็นการถาวรแล้ว
2.ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์
ดาวยิงจอมเก๋าชาวเฟรนช์แมน ที่ปัจจุบันสวมหมายเลข 10 พ่วงด้วยปลอกแขนกัปตันทีมชัยนาท ฮอร์นบิล น่าจะเป็นแข้งโปรไฟล์หรูในไทยลีกในชาร์ตนี้ เนื่องจากมาพร้อมตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าและดาวซัลโวเยาวชน 17 ปีที่ตรินิแดดและโตเบโก เมื่อปี 2001 เนื่องจากเด่นมันอยู่คนเดียวในทัวร์นาเมนต์ โชว์ความโหดตะบัน 9 ลูกในรายการนี้
ปงโกลล์ กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนด้วยความหวังเป็นสายเลือดใหม่ในตำแหน่งศูนย์หน้าทีมตราไก่ ก่อนจะถูกดูดไปร่วมรังแอนฟิลด์ แต่กลับไม่สามารถสร้างความประทับใจจนขยับไปเป็นศูนยหน้าตัวหลักลิเวอร์พูล แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2005
ปงโกลล์ พเนจรไปเล่นฟุตบอลทั่วทุกมุมโลก เรเครติโบ อูเอลบา, แอตเลติโก มาดริด, เรอัล ซาราโกซ่า, สปอร์ติ้ง ลิสบอน, แซงต์ เอเตียน, รอสตอฟ, ชิคาร์โก้ ไฟเออร์ แต่ก็ไม่ได้เปรี้ยงปรางอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับความสำเร็จเมื่อครั้งเป็นเยาวชนทีมชาติฝรั่งเศส
3.มาริโอ อบรานเต้
อดีตแนวรับชาวสแปนิชของกิเลนผยอง ชุดแชมป์ไทยลีกปี 2016 คือปราการหลังพันธ์ดุในวงการฟุตบอลสเปนมาช้านาน จากเด็กฝึกหัดทีมตราหมี สู่ผู้เล่นเรอัล บายาโดลิด, อูเอลบา, เกตาฟ่า,เรอัล เบติส
แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า มาริโอ อบรานเต้ เคยติดทีม“ลา โรฆิต้า” ไปโม่แข้งเยาวชนโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีที่ประเทศนิวซีแลนด์ ในปี 1999 ร่วมกับเปเป้ เรน่า, มิเกล อาร์เตต้า,เฟอร์นันโด นาบาร์โร่ ซึ่งโคจรมาร่วมสายเดียวกับทีมชาติไทยในกลุ่มบี
อบรานเต้ ปักหลักเป็นตัวจริง ได้เล่นแค่ 2 เกมกับกาน่าและเม็กซิโก เท่านั้น ส่วนเกมนัดส่งท้ายที่แข้งสเปนน้อย บุดขยี้ทีมชาติไทย 6-0 เขาไม่ได้มีส่วนร่วมเนื่องจากทีมกอดคอตกรอบไปพร้อมกับเยาวชนจากแดนสยามนั้นเอง
ปัจจุบัน อบรานเต้ ยังมีไฟในการเล่นฟุตบอล ล่าสุดย้ายไปค้าแข้งกับแอตเลติโก ซาน หลุยส์ ทีมระดับดิวิชั่น 2ของเม็กซิโก
4.คาลิฟ่า ซิสเซ
ดาวเตะที่เกิดในฝรั่งเศส แต่เลือกรับใช้สัญชาติมาลี คือแข้งสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้แทบทุกตำแหน่งในเกมรับ ทั้งเซ็นเตอร์แบ็ค และกองกลางตัวรับ จนวันหนึ่งจากแข้งดีกรีพรีเมียร์ลีกกับเรดดิ้ง ได้มาสัมผัสกลิ่นไอเพลงแข้งแดนสยามกับ ยาวนาน 4 ปี กับ 3 สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส และโปลิศ เทโร
คาลิฟ่า ซิสเซ เคยไปผจญภัยเยาวชนโลก 20 ปีที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อปี 2003 มาแล้ว และได้ประจันหน้ากับอันเดรส อิเนียสต้า, เซร์คิโอ การ์เซีย, ฆวนฟราน, คาร์ลอส เตเบซ, ปาโบล ซาบาเลตต้า, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ที่เป็นคู่แข่งในรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว
5.เซซินัลโด้
ดาวเตะความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลโปรตุเกส เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน เนื่องจากเป็นดาวรุ่งจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ตีคู่เติบโตมาพร้อมกับนานี่ แต่พอเอาเข้าจริง เซซินัลโด้ ห่างจากจากเพื่อนรักที่ไปได้ดิบได้ดีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผิดกับตนเองที่ต้องจากบ้านเกิด มาโชว์ฝีเกือกที่เมืองไทยกับสมุทรสงคราม เอฟซี เมื่อปี 2011 ตามด้วยการย้ายไปร่วมทีมแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล และตราด เอฟซี
ผลงานในลีกไทยโดยรวมไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันนอกเหนือจากการช่วยทีมทัพฟ้า คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก เมื่อปี 2013
เซซินัลโด้ เคยอยู่ในฝอยทอง ชุดไปลุยเยาวชน 20 ปีที่ประเทศแคนาดา เมื่อปี 2007 มาแล้ว ซึ่งในทีมชุดนั้นมี รุย ปาตริซิโอ มือกาวหมายเลข1ของทีมชุดใหญ่, ฟาบิโอ โคเอนเตรา แม้ทีมชุดนั้นจะไม่ถึงฝัน ร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ปราชัยต่อชิลี0-1 ของอาร์ตูโร่ วิดาล
6.ชูเลียโน่ มิเนโร่
เพลย์เมกเกอร์หน้าหล่อชาวเมืองริโอ เดอ จาเนโร ผู้เคยเป็นจอมทัพปั้นเกมรุกให้ชลบุรี เอฟซี อยู่18 เดือน จนเกือบช่วยทีมดังทิศบูรพาเข้าใกล้แชมป์ไทยลีก เมื่อปี 2014 จนฝีเท้าไปเข้าตาคาชิว่า เรย์โซลในเจลีก และได้ย้ายไปร่วมทีมดังในญี่ปุ่น
มิเนโร่ เป็นเด็กฝึกหัดสโมสรฟลูมิเนนเซ่ และขยับเข้าสู่ทำเนียบเยาวชนทีมเซเลเซา อย่างรวดเร็ว จนถูกเรียกติดทีมไปลุยเวิลด์ คัพ 17 ปีที่ประเทศฟินแลนด์ เมื่อปี 2003
แม้ทัพบราซิล ชุดนี้จะประสบความสำเร็จ ครองแชมป์ในครั้งนี้ แต่มิเนโร่ กลับไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากเท่าไหร่ เนื่องจากตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ที่เขาถนัดนั้น ตกเป็นของ เอเดอร์สัน จอมทัพหมายเลข 10 ที่บดบังรัศมีเขานั้นเอง
7.ดาบิด โรเชล่า
แนวรับกัปตันทีมหน้าตาคมเข้มจากสโมสรการท่าเรือ คนปัจจุบันคืออดีตแข้งดาวรุ่งชื่อดังในวงการฟุตบอลสเปน เนื่องจากเป็นนักฝึกหัดสโมสรเดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า จนขยับไปติดทีมเยาวชน ลาโรฆ่า จนได้ไปโลดแล่นฟุตบอลเยาวชนโลก 17 ปีที่โดนโสมขาว เมื่อปี 2007
กระทิงดุเยาวชนชุดนั้นมีสตาร์ดังมากมาย เช่น ดาบิด เด เกอา, โบยาน เกร์กิช,ฟราน เมริด้า, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, อิ๊กนาซิโอ กามาโช่, ยาโก้ ฟัลเก้
โรเชล่า ปักหลักคุมเกมรับ 7เกมตั้งแต่นัดแรกไปจนถึงรอบชิงดำกับไนจีเรีย ทว่ากระทิงน้อยชุดนั้น จบด้วยการคว้ารองแชมป์ แม้แพ้ในการจุดโทษ 0-3 หลังเสมอในเวลา 90 นาที 0-0
8.ลี โฮ
กองกลางตัวรับจากดินแดนอารีดัง ผู้ที่กลับมาเป็นแข้งตัวหลักให้เอสซีจี เมืองทองอีกครั้งในช่วงเลก2 ไทยลีก หลังได้รับความไว้วางใจจาก ราโดวาน เคอร์ซิซ อีกครั้ง
ลี โฮ เคยติดทีมโสมขาวชุดลุยเยาวชนโลก 20 ปีที่ยูเออี เมื่อปี 2003 มาแล้ว เขาปักหลักสวมเสื้อหมายเลข8 บัญชาการเกมรับหน้าแผงหลังแบ็คโฟร์ ถึง 4 เกม จนนำทีมไปรอบ 16 ทีมสุดท้าย อย่างไรก็ดีไฮไลท์ของเกาหลีใต้ชุดนั้น คือการดับซ่าเยอรมนี ในรอบแบ่งกลุ่ม 2-0
หลังแจ้งเกิดจากทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ดาวเตะเมียสวย ก็ขยับสู่ทีมชุดใหญ่เกาหลีใต้ จนได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2006 รอบแบ่งกลุ่มที่เยอรมนี 3 นัด และได้ดิบได้ดีไปเล่นกับเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในเวลาต่อมา
9.แฟรงค์ โอฮันด์ซ่า
สไตรเกอร์ร่างยักษ์จากแคเมอรูน ผู้ที่มาเริ่มโปรไฟล์นักเตะอาชีพหนแรกในชีวิตกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2011 ด้วยที่รูปร่างกํายําบึกบึนแข็งแกร่งตามแบบฉบับผู้เล่นจากกาฬทวีป ทำให้ปีแรกของ โอฮันด์ซ่า ในไทยลีก เขาสามารถตะบันไปถึง 19 ประตู ช่วยนักรบปราสาทสายฟ้า เข้าป้ายแชมป์ไทยลีก
ในช่วงกลางปี 2011 โอฮันด์ซ่า ถูกเรียกติดหมอผีน้อย ไปลุยเวิลด์ คัพ 20 ปี ที่โคลัมเบีย เขายื่นค้ำแดนหน้าพร้อมเสื้อหมายเลข 9 ก่อนจะมาตะบัน 1 ประตูในเกมรอบ 16 ทีมกับเม็กซิโก ทว่าเกมดังกล่าวคงไม่อยู่ในความทรงจำหมอนี่ เนื่องจากซัดจุดโทษพลาด จนมีส่วนทำให้แคเมอรูน ตกรอบในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว
หลังจากนั้นชีวิตของโอฮันด์ซ่า ไม่เคยเข้าใกล้ทีมชุดใหญ่แคเมอรูน อีกเลย และกลายเป็นแข้งพเนจรไปเรื่อย ทั้งกรอยเธอร์ เฟือร์ธ, อิราคลิส,เอ็นเค เซสเว็ตต์, ไฮจ์ดุ๊ก สปลิต จนมาลงเอยเสินเจิ้น เอฟซี ทีมระดับ ไชนีส ลีก วัน
10.โดมินิค อดิเยียห์
เจ้าของรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของเยาวชนโลก 20 ปี 2009 ณ ดินแดนไคโร ประเทศอียิปต์ โทษฐานที่นำกาน่าคว้าแชมป์ พร้อมทั้งกระหน่ำไป 8 ประตูในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว จน 1 ปีถัดมา มิโลวาน ราเยวัช กุนซือกาน่าในเวลานั้น เรียก โดมินิค อดิเยียห์ เข้าสู่ทำเนียบทีมชาติไปลุยเวิลด์ คัพ ที่แอฟริกาใต้
จากแข้งนอกสายตาแปรเปลี่ยนดาวรุ่งพุ่งแรงน่าจับตามองในเวลานั้น อดิเยียห์ เฉิดฉายในเวิลด์ คัพ จนโดนเอซี มิลาน ดึงตัวไปร่วมทีมเมื่อปี 2010 ทว่าอุปสรรคมากมายในตำแหน่งเกมรุกที่อุดมไปด้วยสตาร์สตาร์ดังของรอสโซเนรี่ ทำให้ต้องไปอพยพย้ายไปเล่นในลีกของเซอร์เบีย,ยูเครน, คาซัคสถาน ก่อนจะมาค้าแข้งในไทย กับนครราชสีมา
อดิเยียห์ อาจจะไม่ใช้กองหน้าตัวจบสกอร์ยิงประตูถล่มทลาย แต่เขาคือขวัญใจของแฟนบอลสวาดแคท ตลอดระยะเวลา 3 ปีครึ่ง ปัจจุบัน กลายเป็นฟรีเอเยนต์ไร้สังกัด ท่ามกลางข่าวลือว่าจะย้ายไปพัทยา ยูไนเต็ด หรือไปเล่นฟุตบอลลีกระดับล่างของประเทศอังกฤษ
เอ็มเร่
