ขอบสนามรู้ไว้ใช่ว่า! 7 สิ่งน่ารู้...ก่อนดูเอเชี่ยน คัพ 2019

จริงๆ วันนี้ (11 ธ.ค.61) ผมควรจะไปอยู่ที่สนามราชมังฯ เพื่อรอเชียร์ทีมชาติไทย ในนัดชิงชนะเลิศซูซูกิ คัพ นัดแรก ในการเจอกับเวียดนาม ไม่อยากจะคิดเลยว่าบรรยากาศมันจะสุดยอดแค่ไหน แต่ช่างมันเถอะสุดท้ายมันไม่เกิดขึ้นแล้ว มาว่ากันที่ทัวร์นาเม้นท์ต่อไปดีกว่า กับศึก "เอเชี่ยน คัพ 2019"

อีกประมาณสองสามสัปดาห์ทีมชาติไทยของเราก็จะมีคิวลงทำการแข่งขันฟุตบอลอีกหนึ่งรายการ นั่นก็คือศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย หรือ "เอเชี่ยน คัพ 2019" รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งทีมชาติไทยของเราไม่ได้สัมผัสรายการนี้มาแล้วกว่า 11 ปี ด้วยกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้ลงเตะเอเชี่ยน คัพ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 ที่เราเป็นเจ้าภาพร่วมกับอีก 3 ชาติในอาเซียนอย่าง มาเลเซีย,เวียดนาม และ อินโดนิเซีย ซึ่งครั้งนั้นเราก็จอดแค่รอบแรก และจะว่าไปรายการนี้เราก็ไม่เคยไปได้ไกลหว่ารอบแรกเลย ครั้งนี้จึงมีความคาดหวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอนาคตของกุนซือทีมช้างศึกอย่าง (มิโลวาน ราเยวัช) เรื่องของทีมชาติไทย การเตรียมต่างๆ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันในโอกาสต่อไป รอเฮียวัชแกประกาศรายชื่อ 30 คนออกมาก่อนวันศุกร์นี้ คงจะมีอะไรให้เหลาอีกเยอะ พูดถึงฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ จริงๆ ก็มีเกร็ดน่ารู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกัน ก่อนที่จะได้ดูและเชียร์กันเต็มๆ ในช่วงต้นปีหน้านี้ ว่าแล้วไปดูสิ่งน่าสนใจในเอเชี่ยน คัพ 2019 กันหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อเป็นความรู้ก่อนทัวร์นาเม้นท์จริงจะมาถึง

1.เจ้าภาพยูเออี

เจ้าภาพในการแข่งขันครั้งนี้คือ "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ยูเออี" เป็นชาติอาหรับในตะวันออกกลางที่หลายคนคงรู้แล้วว่าเป็นประเทศต้นๆ ของโลกนี้ที่รวยมหาศาล แน่นอนว่าเอเชี่ยน คัพ หนนี้จะต้องมีอะไรๆ ที่พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ แน่นอน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งที่สองของ ยูเออี ในการเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยน คัพ ครั้งแรกเมื่อปี 1996 โดยในครั้งนี้จะเปิดสนามกันในวันที่ 5 ม.ค.นี้ และจะชิงชนะเลิศกันในวันที่ 1 ก.พ.62

2.ถ้วยใบใหม่

เอเชี่ยน คัพ 2019 ครั้งนี้ได้มีการจัดทำถ้วยแชมป์ใบใหม่ขึ้นมาแทนใบเก่าที่ใช้มาอย่างยาวนานกว่า 59 ปี กับการแข่งขันทั้งหมด 16 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยถ้วยใบใหม่นี้สั่งทำจากประเทศอังกฤษ เป็นเงินแท้ทั้งหมด ความสูง 78 ซม. แบะมีน้ำหนักถึง 15 กิโลกรัม โดยการออกแบบแสดงถึงความเป็น 5 ภูมิภาคของเอเชีย โดยนำกลีบดอกบัวมาเป็นต้นแบบในการจัดทำถ้วยใบนี้ ดูมีความสวยและอลังการงานสร้างมาก

3.จำนวนทีมเพิ่มขึ้น

อีกอย่างนึงที่เปลี่ยนแปลงใหม่ก็คือจำนวนทีมเข้าร่วมแข่งขัน จากเดิม 16 ทีมเพิ่มมาเป็น 24 ทีม ซึ่งมีทีมอะไรบ้างก็ตามภาพเลย

4.ระบบการแข่งขัน/เข้ารอบ

สำหรับระบบการแข่งขันในรอบแรกก็ตามสากลนิยมเลยคือ กลุ่มละ 4 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมด โดยทีมแชมป์และรองแชมป์กลุ่มเข้ารอบสองโดยอัตโนมัติ ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือทีมอันดับสามของแต่ละสายก็ยังมีลุ้น โดยจะเอาอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีมจาก 6 กลุ่ม เข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วย เรียกได้ว่าเป็นโอกาสดีเลยที่ทีมชาติไทยจะได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสองได้เป็นครั้งแรก จากนั้นก็จะเป็นการแข่งขันแบบน็อคเอาท์ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

5.ทีมชาติไทยอยู่ สาย A

โดยทีมชาติไทยของเราอยู่ร่วมสายเอ กับเจ้าภาพยูเออี, บาห์เรน และ อินเดีย โดยมีโปรแกรมรอบแรก ดังนี้ 6 ม.ค.62 ไทย พบ อินเดีย 10 ม.ค.62 ไทย พบ บาห์เรน 14 ม.ค.62 ไทย พบ ยูเออี

6.ผลงานทีมช้างศึกในอดีต

ทีมชาติไทย ได้เข้าร่วมฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ ทั้งหมด 6 ครั้ง ครั้งนี้เป้นครั้งที่ 7 โดยครั้งแรกเมื่อปี 1972 ซึ่งเราเป็นเจ้าภาพ ตอนนั้นยังเหมือนเป็นการเชิญทีมมาร่วมแข่งขันอยู่มีทั้งหมด 6 ชาติ โดยทีมชาติไทยได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะไปชนะจุดโทษกัมพูชา 5-3 คว้าที่สามในปีนั้น , ครั้งที่สองปี 1992 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทีมช้างศึกตกรอบแรก ,ครั้งที่ 3 ปี 1996 ที่ประเทศยูเออี เหมือนเดิมเราตกรอบแรก ,ครั้งที่สี่ปี 2000 ที่เลบานอน เหมือนเดิมตกรอบแรก ,ครั้งที่ห้าปี 2004 ที่ประเทศจีน เป็นครั้งแรกที่เพิ่มทีมเป็น 16 ทีม ซึ่งไทยก็ตกรอบแรกเหมือนเดิม และครั้งล่าสุดเมื่อปี 2007 ที่เราเป็นเจ้าภาพร่วม ก็ตกรอบแรกเหมือนเดิมจ้า

7.ทำเนียบแชมป์เอเชี่ยน คัพ

ปิดท้ายกันที่เรื่องของทำเนียบแชมป์เอเชี่ยน คัพ กันดีกว่า ญี่ปุ่น 4 สมัย (1992,2000,2004,2011) อิหร่าน 3 สมัย  (1968,1972,1976),ซาอุดิอาระเบีย 3 สมัย (1984,1988,1996) เกาหลีใต้ 2 สมัย (1956,1960) อิสราเอล 1 สมัย (1964), คูเวต 1 สมัย (1980), อิรัก 1 สมัย (2007), ออสเตรเลีย 1 สมัย (2015)  

มูซาชิ