ช่วงเวลานี้ฟุตบอลไปในทิศทางไหนก็มีแต่เรื่องของความบ้าเห่อ อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทยคนปัจจุบัน
อาจเป็นเพราะด้วยความเป็นคนใหม่ของวงการลูกหนังไทย ทำให้ได้รับการจับตามองจากประชาชีลูกหนังไทย ทั้งผู้บริหารทีม, นักเตะ, ผู้สื่อข่าวและแฟนบอล อย่างไรก็ดีนิชิโนะ ก็ไม่ใช่ผู้วิเศษจะปลุกเสกทีมชาติไทยได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทุกอย่างต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
นอกจากนี้การเข้ามาของนิชิโนะ น่าจะช่วยให้นักเตะที่เล่นในเจลีกให้ได้รับความสนใจจากเจลีกมากขึ้น เพราะคุณพี่พึ่งจะแนะนำให้นักบอล 1 รายชาวบราซิเลี่ยนได้ไปสัมผัสประสบการณ์ลูกหนังในประเทศญี่ปุ่น
ขอบสนามขอนำเสนอ 4 นักบอลต่างชาติที่ใช้เวลาลูกหนังไทยเป็นใบเบิกทางไปสู่การโลดแล่นในเจลีก ของประเทศญี่ปุ่น
1.ลูเคี่ยน
หัวหอกเทคนิคดีแถมยังมีความเร็วสูงจากเมืองหลวงของประเทศบราซิล ผู้ที่ไร้โอกาสได้ลงเล่นฟุตบอลลีกสูงสุดในบ้านเกิด เขาไต่เต้าจากลีกระดับล่างของบ้านเกิด จนได้ไปเล่นฟุตบอลในดิวิชั่น 1 ของเกาหลีใต้ กับ 3 สโมสร บูช็อน, ปูซาน ไอปาร์ค และ อันยาง ก่อนจะโดนพัทยา ยูไนเต็ด ดึงตัวมาล่าตาข่ายในเมืองไทย เมื่อปี 2018
ลูเคี่ยน โชว์ความสามารถในการหาพื้นที่จบสกอร์ได้ยอดเยี่ยม เขาขนสกิลที่มีทั้งหมด จบยิงไป18 ประตูในไทยลีก จากนั้นจึงตัดสินใจบอกลาทีมเก่า ไปรับเงินเดือน 7 แสนบาท กับชลบุรี หมอนี่คือความหวังใหม่ของสโมสร 4 เดือนกับทีมใหม่ เขาไร้ปัญหาในการปรับตัว จบไทยลีกเลกแรก ทำไปถึง 11 ประตู จากการลงเล่น 13 เกม
จนกระทั่งการมาดูเกมในสนามของอากิระ นิชโนะ ที่ชลบุรี เปิดบ้านชนะบุรีรัมย์ 1-0 กุนซือสายเลือดบูชิโด บอก"โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ว่าลูเคี่ยน สามารถย้ายไปเล่นในเจลีกได้สบาย จากนั้นเขาจึงแนะนำให้ทีมเจลีกมาเช็คผลงาน ลูเคี่ยน และเป็นทางจูบิโล่ อิวาตะ แสดงความสนใจขอซื้อนักเตะไปร่วมทีม แม้ช่วงแรกฉลามชลจะไม่อยากขาย แต่เมื่อสัญญากำลังจะหมด แถมตัวแข้งบราซิเลี่ยน อยากไปเล่นในลีกที่สูงกว่าสุดท้ายลูเคี่ยน จึงกลายเป็นสินค้าส่งออกชิ้นล่าสุดจากไทยลีกที่ได้ไปเจลีก
2.อันแดร์สัน ดอส ซานโตส
เซ็นเตอร์แบ็คร่างยักษ์ชาวบราซิเลี่ยนแข้งนอกยุคแรกบุรีรัมย์ พีอีเอ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ที่เข้ามาสร้างความแข็งแกร่งหลังบ้านทีมดังอีสานใต้ช่วงปี 2010 การจับคู่กับเอควาล่า เฮอร์มันส์ ทำให้เซราะกราวขยับไปสู่การเป็นแชมป์ไทยลีกปี 2011 หลังจากนั้นเขาไม่ได้รับการต่อสัญญาและถูกปล่อยตัวไปให้ชลบุรี ในซีซั่น 2012
เมื่อย้ายสำมะโนครัวมายังแดนบูรพา ดอส ซานโตส เสียเวลา1 ปีไปกับการพักฟื้นตัวจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะได้สตาร์ทลงเล่นอย่างจริงจังๆกับสโมสรในปี 2013 ตลอดระยะเวลาที่รับใช้ทีมฉลามชล หมอนี่คือหัวใจสำคัญในเกมรับเขาเหมือนกำแพงด่านสุดท้ายของทีมก่อนถึงหน้าปากประตู กล้าได้กล้าเสียบู๊หนักถึงลูกถึงคนทุกเม็ด น่าเสียดายที่ตลอดการลงเล่นกับชลบุรี เขาไม่อาจช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้เลย ก่อนจะตัดสินใจอำลาทีมเมื่อจบซีซั่น 2016 เมื่อได้รับข้อเสนอจากชิมิสุ เอส พัลส์ ทีมในเจลีกเพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยการคว้ารองแชมป์ในเจทู
ชีวิตในดินแดนซามูไรของ ดอส ซานโตส ไม่ได้ง่ายดายเหมือนไทยลีก เขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบริเวณกล้ามเนื้อ แม้จะกลับมาลงสนามช่วยทีมได้กลางซีซั่น 2017 แต่เขาไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมได้มากเท่าไหร่หนักและโดนดร็อปออกจากม้านั่งสำรองอยู่บ่อยๆ สถิติ 10 เกมเจลีก พร้อมกับ 1 แอสซิสต์ จากการที่ชนะกัมบะ โอซาก้า ไม่เพียงพอจะทำให้กองหลังรายนี้ได้ไปต่อกับสโมสรและโดนปล่อยกลับมาเล่นในไทยลีกกับสุพรรณบุรี เอฟซี ในปี 2018
3.ชูเลียโน่ มิเนโร่
แนวรุกหน้าหล่อจากริโอ เดอ จาเนโร เขาคือ1 ในผู้เล่นบราซิล ชุดแชมป์โลก ยู-17 ปี ในปี2003 อย่างไรก็ดี มิเนโร่ ขาดความสม่ำเสมอในการเล่น จนส่งผลให้ไม่สามารถต่อยอดไปสู่การเล่นบอลระดับสูงได้
ช่วงกลางปี 2014 ชลบุรี เซ็นสัญญากับ มิเนโร่ เข้าสู่ทีม แค่การประเดิมสนามนัดแรกในไทยลีก ไอ้หนุ่มรายนี้เบิกสกอร์แรกได้ทันที ช่วยให้สโมสรบุกไปชนะราชบุรี มิตรผล 3-1 จากนั้นเขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลฉลามชลอย่างรวดเร็ว ชั้นเชิงลูกหนังของเขาช่วยเกมรุกฉลามได้มหาศาล
หลังใช้ชีวิตฟุตบอลในเมืองไทยได้ 18 เดือน มิเนโร่ ได้ข้อเสนอจากคาชิว่า เรย์โซล ดึงตัวไปร่วมทีม ทว่าเขาไม่สามารถปรับตัวกับสไตล์การเล่นในเจลีกได้ หมอนี่ทำได้แค่ซ้อมไปวันๆเท่านั้น และสุดท้ายก็โดนยกเลิกสัญญากับทีมดังของฮิตาชิในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2016
4.อิรฟาน บัชดิม
ช่วงต้นปี 2013 ชื่อเสียงที่โด่งดังของไทยลีก ดึงดูดเหล่าพ่อค้าแข้งลูกครึ่งจากย่านอาเซียน ที่พยายามหาโอกาสมาทดสอบฝีเท้า และอิรฟาน บัชดิม ลูกครึ่งดัตซ์-อินโดฯ หิ้วสตั๊ดมาคัดตัวกับชลุบรี ก่อนจะได้รับสัญญา 2 ปี เขาโชว์ฟอร์มเยี่ยมในเกมแรกที่พบกับบีอีซี เทโรศาสน ทำ 1 ประตู แต่จากนั้นความไม่สม่ำเสมอในสนามรวมถึงฝีเท้าการเล่นที่เป็นรองผู้เล่นไทยในตำแหน่งมิดฟิลด์ริมเส้น ส่งผลให้หลุดออกจากทีมชุดใหญ่ฉลามชล ในยุคของ"โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล และถูกปล่อยตัวไปให้ศรีราชา ยืมตัว
เมื่อจบฤดูกาล 2013 ชลบุรี ปล่อยให้นักเตะไปทดสอบฝีเท้าที่ญี่ปุ่น ในโครงการที่เจลีก เปิดโอเพ่นให้นักเตะไร้สังกัดได้มาทดสอบฝีเท้า เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อมองหาทีมที่สนใจและเป็นทาง เวนท์ฟอเรท โคฟุ ทีมโซนหนีตายเจลีก ที่เงินทุนน้อยสุดในลีกตอนนั้น ที่ดึงแข้งอิเหนาไปร่วมทีม
ทว่าชั้นเชิงลูกหนังของเขา เมื่อไปเล่นร่วมกับผู้เล่นเวนท์ฟอเรท เขายังเป็นรองในเรื่องความเข้าใจเกมรวมถึงสปีดบอลที่จะช้ากว่าคนอื่นๆอยู่ก้าว 1 เสมอ สุดท้ายมีส่วนร่วมเพียงแค่ 5 เกมเจลีก และถูกปรับตัวออกจากทีมก่อนจะโดนคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ดึงตัวไปร่วมทีม 2 ปี กับการได้ลงเล่นแค่ 7 เกมในระดับเจลีก 2 มันแสดงให้เห็นเลยว่าหมอนี่ ชั้นเชิงลูกหนังยังดีไม่พอจะได้ลงเล่นบนแผ่นดินญี่ปุ่น เมื่อสิ้นสุดสัญญากับทีมคอนซะ เขาจะหอบเสื้อผ้ากลับมาเล่นฟุตบอลกับบาลี่ ยูไนเต็ด
เอ็มเร่
[email protected]
