ได้เวลาฟุตบอลไทยลีกกลับมาโม่แข้งกันอีกแล้วในวันพุธที่ 28 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นเกมกลางสัปดาห์ครั้งแรกในฤดูกาล 2018 นี้ เมื่อบอลลีกกลับมาเตะ เราก็มาว่ากันที่เรื่องน่าสนใจในไทยลีกกันอีกครั้ง หลังติดตามทีมชาติกันมาเยอะแล้วในคิงส์ คัพ
วันนี้จะขอว่าด้วยเรื่องของนักฟุตบอลที่ถูกโค้ชจับเปลี่ยนตำแหน่ง โดยแต่ละคนนั้นมีตำแหน่งถนัดหรือตำแหน่งอาชีพของตัวเองอยู่แล้ว อย่าง กองหลัง กองกลาง กองหน้า บางคนอาจจะเป็นแบ็ก เป็นปีก เป็นน่อง เป็นสะโพก แสสสส ไม่ใช่ละ บางคนเป็นหน้าต่ำ หน้าเป้า ก็ว่ากันไป
แต่ในโลกของฟุตบอลไม่ว่าคุณจะเล่นตำแหน่งไหนก็ตาม บางทีอาจจะไม่ประสบความสำเร็จกับตำแหน่งนั้นๆ และเพื่อโอกาสการได้ลงสนามก็ต้องยอมเปลี่ยนตำแหน่งตัวเอง หรือเป็นความบังเอิญที่พอไปเล่นตำแหน่งใหม่แล้วดันดีขึ้นมา บางคนก็แจ้งเกิดขึ้นมาในตำแหน่งใหม่นี้
วันนี้เรารวบรวมมาได้ 8 คน ที่ถูกโค้ชจับไปเล่นในตำแหน่งใหม่ที่ไม่ใช่ตำแหน่งอาชีพเริ่มต้นในการค้าแข้ง บางคนถูกเปลี่ยนมาหลายฤดูกาลแล้ว บางคนก็เพิ่งจะมาถูกเปลี่ยนตำแหน่งในฤดูกาลนี้ มีใครกันบ้างไปดูกัน
ศนุกรานต์ ถิ่นจอม (กองกลาง เป็น แบ็กซ้าย)
คนแรกที่นำเสนอคือ ศนุกรานต์ ถิ่นจอม กองกลางวัย 24 ปี จากรั้วกิเลนผยอง จริงๆ แล้วในรายของ "เจ้าเกมส์" อาจจะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งแบบถาวรเหมือนกับคนอื่นๆ ที่จะกล่าวต่อไป แต่เป็นการถูกจับไปเล่นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า ใครที่เป็นแฟนบอลเมืองทองฯ หรือว่าติดตามบอลไทยมาหลายปี ก็คงจะรู้ดีว่า นักเตะร่างเล็กรายนี้เป็นมิดฟิลด์ตรงกลาง หรือภาษาในแผนฟุตบอลก็คือ (MC) เป็นกองกลางเชิงสูง เทคนิคดี ขยัน จ่ายบอลแม่น แถมยิงไกลได้เฉียบคมด้วย อันนี้เป้นฟอร์มสมัยที่อยู่กับอาร์มี่ ยูไนเต็ด นะครับ ไม่นับฟอร์มกับเมืองทองเพราะไม่ค่อยได้ลงสนาม
มาในปีนี้ช่วงมีโอกาสได้ลงสนามไปสองเกมถ้าผมจำไม่ผิด คือเกมพบแอร์ฟอร์ซ และเกมพบเชียงราย ซึ่งทั้งสองแมตช์นี้ ศนุกรานต์ ถูกโค้ชแบน อดีตกุนซือกิเลนผยอง จับไปให้ยืนเป็นแบ็กซ้าย เพื่อดัน พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ขึ้นมาเล่นเกมรุกทางกราบซ้ายมากขึ้น จะว่าไปสองเกมนั้นเจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ดี อาจจะไม่เนียนเหมือนแบ็กทั่วไป แต่ในยามจำเป็นก็ถือว่าเอาไปเล่นแบ็กซ้ายได้ไม่เขอะเขิน แต่ถ้าจะให้ยืนประจำคิดว่าคงไม่เวิร์ค แถมจะเสียของด้วย ยังไงแล้วเจ้าเกมส์ ก็คงต้องรอโอกาสของตัวเองต่อไป เชื่อว่าในอนาคตน่าจะเป็นกำลังหลักของทีมได้ ใครไม่เคยเห็นฝีเท้าเต็มๆ ลองไปหาคลิปสมัยอยู่กับอาร์มี่ เมื่อปี 2016 ดู ปีนั้นเป็นตัวหลักและเล่นได้สะเด่ามาก
ประวีณวัช บุญยงค์ (เซ็นเตอร์ เป็น กองกลางตัวรับ)
คนต่อมาข้ามเขาไปไม่ได้ ประวีณวัช บุญยงค์ ที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยืมตัวมาจากบีจี เพื่อแก้ปัญหาในเกมรับหลัง CT14 บาดเจ็บ เกมแรกที่เจอกับราชบุรี ประวีณวัช ก็ลงเล่นในตำแหน่งสามปราการหลังตัวกลางร่วมกับ ตูเนซ และ พรรษา แถมทำได้ดีด้วย เกมรับบุรีรัมย์แข็งแกร่งมาก แต่ในครึ่งถูกดันให้ขึ้นมาเล่นกองกลางตัวรับหน้าแผงแบ็กโฟร์ กลับทำได้เนียนตามาก และจากเกมรุกที่ตื้อๆ ของบุรีรัมย์ใน 45 นาทีแรก ก็ทำให้เกมไหลลื่นขึ้น
เพราะ จักรพันธ์ ขึ้นไปเล่นเกมรุกได้อย่างอิสระ และสุดท้ายทีมก็ได้ประตูและชนะไปในเกมนั้น จากนั้นมาก็เหมือน บันโดวิช จะติดใจ จับกองหลังทีมชาติไทยรายนี้ไปเล่นเป็นตัวรับอยู่ตลอด แทนที่จะใช้ ยู จุน ซู ดาวเตะกิมจิที่ซื้อมาแทน โก ซุล กิ แต่เล่นตำแหน่งนั้นได้ไม่เนียนตา เลยถูกถอยไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แทน และเหมือนว่า ประวีณวัช ก็จะค้นพบตำแหน่งใหม่ของตัวเองด้วยเหมือนกัน และกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมปราสาทสายฟ้าไปเสียแล้ว
ปัง ซึง ฮวาน (กองหน้า เป็น กองกลาง)
นักเตะต่างชาติคนเดียวที่ติดมาในโผก็คือ ปัง ซึง ฮวาน ที่อดีตนั้นเป็นกองหน้ามาก่อนตั้งแต่เล่นอยู่ในบ้านเกิดเกาหลีใต้ รวมทั้งช่วงที่ย้ายมาค้าแข้งเมืองไทยใหม่ๆ กับกิเลนผยอง ในฤดูกาล 2013 จากนั้นก็ย้ายไปแอร์ฟอร์ซ ย้ายไปกลับบ้านก็เล่นกองหน้ามาตลอด จนกระทั่งมาอยู่กับราชนาวี เมื่อฤดูกาล 2017 ก็ถูกน้าฉ่วย จับไปเล่นเป็นกองกลางบ้าง บางนัดนี่ลงไปยืนเซ็นเตอร์ฮาร์ฟก็มี แถมทำได้ดีด้วย
มรในฤดูกาลนี้ วิริยะ เผ่าพันธ์ กุนซือตะหานน้ำก็จับ ปัง ยืนในตำแหน่งกองกลางตัวรับคู่กับ เกรียงไกร พิมพ์รัตน์ ซึ่งกลายเป้นคู่กลางที่ลงตัวและทำให้เกมรับราชนาวี เสียประตูยาก ปัง มีจุดเด่นที่การแย่งบอล เข้าบอลหนัก และจ่ายบอลยาวได้ดี จึงถูกจับให้มาเล่นตรงนี้ แต่สิ่งที่หายไปจากตัวเขาก็คือวิญญานของความเป็นเพชรฆาตที่ตอนนี้ได้หลุดไปเดี่ยวๆ ยิงจ่อๆ ก็ดีนยิงไปเป็นซะอย่างนั้น
ชญาวัต ศรีนาวงศ์ (กองหน้า เป็น กองกลาง)
นักเตะรายนี้เป็นที่รู้จักสำหรับแฟนบอลไทยเมื่อครั้งถูกเรียกไปติดทีมชาติชุดปรีโอลิมปิก เมื่อปี 2015 และก็มีเหตุการณ์เตะจนรองเท้าขาดถ้าจำกันได้ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ชญาวัต เล่นอยู่กับพีทีที ระยอง ซึ่งยืมตัวมาจากเมืองทองฯ อีกที ตอนนั้นเป็นกองหน้าตัวเป้า เล่นดีด้วยจนถูกเรียกไปติดทีมชาติ
แต่ไปๆ มาๆ ในฟุตบอลปรีโอลิมปิกถูกจับไปเล่นเป็นกองกลางตัวรับ แล้วก็ทำผลงานโดดเด่นมาก จนเมื่อกลับมาจากทีมชาติเจ้าตัวก็เหมือนจะไม่ได้เล่นเป็นกองหน้าอีกเลย จนมาอยู่กับพัทยา ยูไนเต็ด นี่แหละ ซึ่งตอนนี้ก็กลายเป็นดาวเตะสารพัดประโยชน์ไปแล้วเล่นได้ทั้งกองกลางตัวรับ กองกลางตัวรุก กองหน้ากึ่งปีก กองหน้าตัวต่ำ กองหน้าตัวเป้า และช่วงนี้ก็กำลังฟอร์มดีกับโลมาน้ำเงินด้วย
นฤพล พุฒซ้อน (กองกลาง เป็น เซ็นเตอร์)
เหมือนทีมชาติไทยกำลังจะได้เซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวใหม่เข้ามาเป็นตัวเลือกอีกคนในตำแหน่งแผงหลัง ที่ดูจะมีให้เลือกใช้งานน้อย หมายถึงตัวประสิทธิภาพนะ ไอ้คนเล่นได้มันมีเยอะ แต่เล่นแล้วดีหาได้น้อยในทีมชาติ ในรายของ นฤพล แต่เดิมก็เป็นกองกลางตัวรับนี่แหละ โดดเด่นกับบีบีซียู เมื่อสองฤดูกาลก่อน จนบุรีรัมย์ ก็ซื้อไปเป็นอะไหล่ในปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ค่อยได้ลงสนามในลีกสูงสุดเท่าไหร่ สุดท้ายเป้นสุพรรณบุรี ที่ไปสอยตัวมาในซีซั่นนี้
แต่แทนที่สุพรรณบุรี จะใช้งานดาวเตะลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ในตำแหน่งถนัดก็คือกองกลาง แต่ อเดบาโย่ กุนซือช้างศึกยุทธหัตถีจับเขาไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ คู่กับ แอนเดอร์สัน ดอส ซานโตส แล้วกลายเป็นจุดลงตัวที่กลมกล่อม ตอนนี้สุพรรณบุรี กลายเป็นหนึ่งในสองทีมที่เสียประตูน้อยสุดในลีกแค่ 3 ตุงเท่านั้น บางทีถ้า ราเยวัช เห็นลองเรีกไปใช้งานในทีมชาติดูบ้างก็ได้นะครับ
ศุภชัย ใจเด็ด (กองหน้า เป็น กองกลาง)
ดาวเตะดีกรีทีมชาติไทย ชุดยู21 ก็ติดมาในโผของเราเหมือนกัน ซึ่งจริงๆ ตำแหน่งของ ศุภชัย ก็ยังเป็นกองหน้าอยู่นั่นแหละ แต่ตอนลงเล่นให้ต้นสังกัดบุรีรัมย์ มักจะถูกส่งลงไปเป็นสำรองในตำแหน่งกองกลาง บางทีลงไปเป็นตัวรับ คอยวิ่งไล่บอลด้วยซ้ำ ดูแล้วปีนี้ ศุภชัย ก็น่าจะมีโอกาสลงสนามมากขึ้น แม้จะเป็นสำรอง แต่ก็เป็นสำรองลำดับต้นๆ ของทีม โดยเฉพาะในเกมเอเชีย
ชนานันท์ ป้อมบุบผา (กองหน้า เป็น กองกลางตัวรุก)
คนต่อมาคืออดีตกองหน้าทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ ซึ่งล่าสุด อเดบาโย่ จอมเปลี่ยนตำแหน่งนักเตะก็จับเอา "เจ้าทู" ไปเล่นเป็นกองกลางตัวรุกหรือเพลย์เมกเกอร์ในทีมสุพรรณบุรี เกมล่าสุดยิงประตูได้ด้วย ก่อนหน้านี้ ชนานันท์ หายไปพักใหญ่ช่วงเปิดฤดูกาลเพราะติดภารกิจเรื่องราชการทหาร แต่ตอนนี้ก็กลับมาลงเล่นให้สุพรรณได้แล้ว ในตำแหน่งใหม่ของตัวเอง ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปจะทำได้ดีแค่ไหนกับตำแหน่งนี้ และจะถูกจับให้เป็นเพลย์เมกเกอร์แบบยาวๆ หรือไม่ หรือแค่ชั่วครั้งชั่วคราว
ธนาสิทธิ์ ศิริผลา (ปีก เป็น กองกลาง)
ปิดท้ายกันที่ "เต๋าดินโญ่" ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ที่เรารู้ดีว่าเจ้าตัวนั้นดังมาจากการเล่นในตำแหน่งปีกขวา หรือบางที่ก็ถูกโยกไปเล่นทางซ้ายบ้าง แต่ตำแหน่งถนัดก็คือปีกขวา แต่ในฤดูกาลนี้ ก็ถกจับไปเล่นเป็นกองกลางตัวรุกอยู่หลายเกมในช่วงที่ ชนานันท์ ไม่อยู่ ดูเหมือนว่าสุพรรณบุรี จะขาดเพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม ทำให้ต้องจับคนนู้นคนนี้ไปเล่นในตำแหน่งดังกล่าว แต่ก็ยังไม่มีใครที่ทำได้ดีแบบเข้าตา ดูแล้วเลกสองตามแท็คติกของ อเดบาโย่ ควรจะไปหากองกลางอาชีพมาเป็นคนปั้นเกมซะใหม่ เกมรุกจะได้มีความอันตรายมากกว่านี้
จะว่าไปแล้วก็มีนักเตะหลายคนที่ถูกจับเปลี่ยนตำแหน่ง บางคนก็ได้ดิบได้ดี บางคนก็เปลี่ยนแล้วแต่ไม่ดีขึ้นก็มีเหมือนกัน บรรดานักเตะที่ถูกจับเปลี่ยนตำแหน่งและยังเล่นได้ดีอยู่ตอนนี้ก็มีอย่าง ปิยพล ผานิชกุล,ทริสตอง โด,มิก้า ชูนวลศรี พวกนี้
ส่วน 8 คนที่กล่าวไปแล้วนั้น บางคนก็ถูกจับเปลี่ยนตำแหน่งถาวร บางคนก็แค่ครั้งคราว แต่ทั้งหมดจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไป
ชิชาริเต่า
