logo-heading

ลิเวอร์พูล สามารถถอนแค้น เบิร์นลี่ย์ ได้สำเร็จ หลังจากเปิดบ้านเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 หลังจากซีซั่นก่อน หงส์แดง แพ้คาบ้านให้คู่แข่งรายนี้ ถูกหยุดสถิติไร้พ่ายแอนฟิลด์ 68 นัด ต้องบอกว่าจริงๆเกมนี้ไม่ควรจบสกอร์แค่ 2 ลูก เพราะลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีโอกาสมากมาย แต่ก็จบกันไม่คม ขณะที่ เดอะ คลาเร็ตส์ ก็เกือบทำเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน แมตช์นี้มีอะไรต้องพูดถึงไปติดตามกันครับ

- เบิร์นลี่ย์ ทำเซอร์ไพรส์ เกือบขึ้นนำ ลิเวอร์พูล

เชื่อว่าสาวก ลิเวอร์พูล หลายคน ก็คงมั่นอกมั่นใจ ในการเปิดถิ่นแอนฟิลด์ พบกับ เบิร์นลี่ย์ น่าจะเก็บ 3 คะแนน ได้ไม่ยาก แต่กระนั้น เบิร์นลี่ย์ ก็ไม่ใช่หมูในอวย ที่จะให้ใครมาเคี้ยวเล่นๆ เพราะในช่วงต้นเกมมีช็อตที่สาวก หงส์แดง ต้องสะดุ้งโหยงเหมือนกัน เมื่อ เบิร์นลี่ย์ ได้โยนยาวเข้ามาในกรอบเขตโทษ ลิเวอร์พูล สกัดกันไม่ดี มาเข้าทางคู่นักเตะ "เดอะ คลาเร็ตส์" ได้ซัดด้วยซ้าย บอลผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตู หงส์แดง ไปแล้ว แต่ทว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อ่านจังหวะขาด ถอยไปปิดเสาไกล ช่วยบังไม่ให้ลูกนี้เสียประตู ก่อนที่ไลน์แมนจะตีธงล้ำหน้า ว่าผู้เล่น เบิร์นลี่ย์ ล้ำไปตั้งแต่จังหวะแรก เท่านั้นยังไม่พอ ยังคงเป็น เบิร์นลี่ย์ ที่มีโอกาสจะแจ้งมากกว่า คราวนี้มีช็อตชิ่ง วัน-ทู โดย ดไวท์ แม็คนีล ใช้สปีดเล่นงาน เทรนท์ อาร์โนลด์ วิ่งไปสุดเส้นหลัง ก่อนจะครอสอันตรายเข้ามาตรงเสาแรก มีทาง คริส วู้ด โฉบมาโขกเต็มหัว แต่ยังดีที่ อลิสซอน ดักทางรอเซฟไว้อยู่แล้ว

- ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ จาก โชต้า คนดีคนเดิม

หลังจากปล่อยให้ เบิร์นลี่ย์ ได้มีโอกาสลุ้นทำประตู คราวนี้ ลิเวอร์พูล ก็เดินหน้าบุกใส่ทีมเยือนบ้าง ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขายังไม่ได้โหมหนักอะไรมากมาย เป็นช็อตที่ขึ้นเกมมาทางด้านซ้าย นาบี เกอิต้า จ่ายสั้นๆให้กับ คอสตาส ซิมิกาส โดยไม่มีผู้เล่น เบิร์นลี่ย์ วิ่งเข้ามากดดันเลยสักคนเดียว  ทำให้ ซิมิกาส มีเวลาคิด มีเวลาทำ ได้ตั้งป้อมครอสเข้าไปในกรอบเขตโทษ ตรงจุดนัดพบมี ดิโอโก้ โชต้า ยืนอยู่ ก่อนที่ โชต้า จะโชว์ความจมูกไว วิ่งโฉบตัดหน้าแนวรับ เบิร์นลี่ย์ ขึ้นโขกสะบัดเล่นทาง ชนิดที่ นิค โป๊ป หมดสิทธิ์เซฟ เป็นประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 นาที 17 ปลดเปลื้องความกดดันได้อย่างรวดเร็ว

- VAR ริบสกอร์ ลิเวอร์พูล

VAR ยังคงเป็นของแสลงสำหรับ ลิเวอร์พูล เหมือนเดิม เพราะหลังจากนำ 1-0 ไปแล้ว พวกเขาสามารถส่งบอลเข้าไปซุกตาข่าย เบิร์นลี่ย์ ได้อีกครั้ง โดยเป็นการบุกจู่โจมแบบสายฟ้า ต่อบอลกันอย่างรวดเร็ว ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ จ่ายบอลตัดแนวรับคู่แข่งแบบเหนือชั้น ให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่วิ่งตัดเข้ามารับบอลในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่ บังโม จะเลือกแปด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลสวนตัว นิค โป๊ป เข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด วิ่งไปดีใจกับสาวก เดอะ ค็อป ในถิ่นแอนฟิลด์ แบบเรียบร้อยเสร็จสรรพ แต่แล้วก็ต้องดีใจเก้อ เพราะ VAR ฟ้องว่า ซาลาห์ ล้ำหน้าไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น มีกราฟฟิคตีเส้นให้เห็นชัดเจน ดังนั้นลูกยิงของ ซาลาห์ จึงถูกริบสกอร์ ลิเวอร์พูล ยังคงนำอยู่แค่ 1-0 เท่านั้น และ จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

- ต้นครึ่งหลัง หงส์แดง เกือบโดนอีกครั้ง เมื่อ เบิร์นลี่ย์ ส่งบอลซุกตาข่าย

ต้นครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ก็เกือบโดน เบิร์นลี่ย์ เล่นงาน พอถึงต้นครึ่งหลัง หงส์แดง ก็เกือบจะโดนทีเด็ด เบิร์นลี่ย์ อีกครั้ง โดยเป็นลูกทุ่มทางฝั่งขวา แม็ทธิว โลว์ตัน เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้กับ แอชลี่ย์ บาร์นส์ วิ่งเข้ามาฮอร์ส ยิงแสกหน้า อลิสซอน เข้าไปซุกตาข่าย เป็นประตูตีเสมอ 1-1 !!! อย่างไรก็ตาม แฟนบอล เบิร์นลี่ย์ ต้องผิดหวัง ขณะที่สาวก เดอะ ค็อป เป่าปากด้วยความโล่งใจ เมื่อ แอชลี่ย์ บาร์นส์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก เพราะกองหลัง ลิเวอร์พูล เลี้ยงไลน์ไว้อยู่แล้ว ทำให้จังหวะนี้ เบิร์นลี่ย์ ไม่ได้ประตู และ ยังคงเป็น หงส์แดง ขึ้นนำอยู่ 1-0

- เบิร์นลี่ย์ ลงยันต์มหาอุต หงส์แดง ยิงยังไงก็ไม่เข้า

เมื่อ เบิร์นลี่ย์ ไม่ได้ประตูตีเสมอ เหมือนปลุกให้ ลิเวอร์พูล ต้องโฟกัสกับเกมมากขึ้น คราวนี้พวกเขาบุกใส่คู่แข่งเป็นพายุ เพื่อหวังจะซัดประตูที่ 2 ให้ได้ เพราะการนำแค่ 1 เม็ด มันอาจเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดได้เสมอ แต่ไม่ว่า ลิเวอร์พูล จะมาแบบไหน เข้าทำอย่างไร ก็ไม่อาจยิงประตูเพิ่มได้เลย  มีทั้งจังหวะที่ ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุม บอลมาตกถึง ฟาน ไดค์ ได้แปบอลแฉลบหน่อยๆ ทาง ซาดิโอ มาเน่ พยายามจะวิ่งเข้ามาเปลี่ยนทาง แต่เหมือนแค่สะกิดเท่านั้น ทำให้บอลมันกลิ้งหลุนๆถ่างเสาออกไปแค่ไม่กี่คืบเท่านั้น ต่อมาจังหวะนี้ หงส์แดง ควรจะได้สุดๆ เมื่อพวกเขาเปิดบอลเข้าในกรอบเขตโทษ เหมือนว่า โม ซาลาห์ กับ เทรนท์ อาร์โนลด์ จะไปกั๊กจังหวะแย่งบอลกันเอง แต่ยังไม่เสียจังหวะ เพราะบอลเป็นใจมาเข้าเท้าซ้าย บังโม ได้ยิงกลางประตูในกรอบเขตโทษ บอลกำลังพุ่งเสียบเสา ชนิดที่ นิค โป๊ป ยืนขาตายไปแล้ว แต่ทว่า ดไวท์ แม็คนีล สไลด์ตัวดักบอลก่อนข้ามเส้นไว้ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ช่วยให้ทีมยังไม่เสียประตูที่ 2 อีกช็อตเป็นของ ซาดิโอ มาเน่ ทำเซอร์ไพรส์ ไม่จ่ายบอลให้กับ ซาลาห์ ที่เติมมาโล่งๆด้านขวา ก่อนไขว้หลังเกี่ยวบอลเข้าเท้าซ้าย ซัดเองเต็มแรง บอลมันไม่หนีตัว นิค โป๊ป มากนัก ยังล้มตัวปัดบอลเอาไว้ได้ ช่วยเซฟให้ เบิร์นลี่ย์ ยังคงตามหลังแค่ลูกเดียวเท่านั้น

- กว่าลูก 2 จะมา เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น สำนวนนี้สามารถใช้กับนักเตะ ลิเวอร์พูล ได้เลยครับ เพราะต่อให้จะยังเจาะแนวรับ เบิร์นลี่ย์ ไม่เข้า ก็ไม่มีย่อท้อ และ คราวนี้ต้องชื่นชมการวางบอลยาวของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่วางบอลจากแดนตัวเอง เปลี่ยนไปทางขวาให้กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ อย่างแม่นยำ เรียกว่าเปลี่ยนจากโดนกดดันพื้นที่ ได้เปรียบทันที จากนั้น เอลเลียตต์ ถ่ายบอลเร็วมาให้กับ เทรนท์ อาร์โนลด์ ที่หุบเข้ามาตรงกลาง ก่อนจะตวัดเร็วต่อให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนจะโชว์ความใจเย็น แต่งบอลด้วยอกหนึ่งจังหวะ และ ไม่ปล่อยให้บอลตกถึงพื้น วอลเล่ย์สวนตัว นิค โป๊ป เข้าไปเลย เป็นประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-0 และ เป็นประตูแรกของ ซาดิโอ มาเน่ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้

- ท้ายเกมบอลเปิดแลก

ถึงแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะขึ้นนำ 2-0 โอกาสเก็บ 3 คะแนน แบบเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้น เบิร์นลี่ย์ ก็ยังไม่ยอมยกธงขาว หวังได้ประตูตีไข่แตก เพราะอย่างน้อยๆก็อาจจะมีความหวังสร้างปาฏิหาริย์ ซึ่งทาง หงส์แดง ก็อยากยิงเม็ด 3 เพื่อปิดจ็อบเหมือนกัน แต่กระนั้นก็ยังคงติดบล็อคผู้เล่น เบิร์นลี่ย์ หรือไม่ก็ยิงไม่ผ่านมือ นิค โป๊ป กระทั่งมาถึงช่วงทดเจ็บ เจย์ โรดริเกซ เอาชนะแนวรับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ หลุดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ แต่ทันใดนั้น อลิสซอน ก็ออกมาบีบมุมอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกยิงของ "เจย์ โร" ไปติดตัวของ พ่อหมี ที่ป้องกันเอาไว้ได้ ช่วยให้ หงส์แดง รักษาคลีนชีต พร้อมกับเก็บ 3 คะแนน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว

ฮาย ฮาวดี้

logoline