logo-heading

ควันหลงจากเกม ทีมชาติไทย เฉือนเอาชนะ ทีมชาติเลบานอน ไปได้ 2-1 ทำให้ "ช้างศึก" ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ทีมชาติอิรัก ได้สำเร็จ ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ 2023 

โดยระหว่างเกมที่เพิ่งจบลงไปถือว่าน่าสนใจมากๆ เลย มีหลายเรื่องให้พูดถึงหลังชัยชนะที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่นักของทัพช้างศึก 

อย่างแรก น่าสนใจทีมชาติไทยกับแผนยืนหลัง 3 คน : หลังเห็น 11 ผู้เล่นตัวจริงเอาตรงๆ ก็ไม่ได้เกินกว่าที่คาดไว้เท่าไหร่ โดยมีแค่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คนเดียวเท่านั้นที่พลิกโผเข้ามา แต่ระบบการยืนน่าสนใจตรงที่ มาโน่ โพลกิ้ง ใช้แผนหลัง 3 คน พร้อมด้วย 2 วิงแบ็ก สำหรับ 3 กองหลังประกอบไปด้วย กฤษดา กาแมน , พรรษา เหมวิบูลย์ และ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ พร้อมกับขยับเอา ธีราทร บุญมาทัน มาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางอย่างสมบูรณ์แบบ 

 

 

 

อย่างที่สอง ครึ่งแรกหนักบุกฝั่งขวา แต่ประตูมาจากฝั่งซ้าย : อันนี้น่าสนใจตรงนี้การทำเกมบุกของ ทีมชาติไทย ในครั้งแรกมากกว่า 80 % มาจากฝั่งขวาของ นิโคลัส มิคเกลสัน เกือบทั้งหมด เพราะเขาคือนักที่หวือหวาและสร้างเกมรุกริมเส้นได้อย่างน่าประทับใจ ผิดกับทางฝั่งซ้ายที่ บดินทร์ ผาลา ดูเหมือนจะโดนสั่งให้ไม่ต้องเติมเกมขึ้นไปสูงมากนัก ทำให้เราเห็นเกมรุกทางขวาน้อยพอสมควร แต่สุดท้ายกลายเป็น "น้อย" แต่ "มาก" กับประตูขึ้นนำ 1-0 ที่มาจากทางฝั่งซ้ายของ บดินทร์ ผาลา 

 

ต่อมา ครึ่งหลังจุดเปลี่ยน เลบานอน มาดีเกินคาด : สำหรับจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้อยู่ที่ครึ่งเวลาหลังเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะตั้งแต่กลับมาเล่นจนถึงช่วงเวลาที่ตีเสมอ 1-1 เลบานอน เหมือนไปเติมพลังมาเต็ม ทั้งบี้ ทั้งบุก และเป็นทีมที่เล่นได้ดีกว่า ไทย อย่างชัดเจนจนในที่สุดก็ตีเสมอได้ แถมได้บดต่อเนื่องจนเกือบทำประตูขึ้นนำได้ จนกระทั่งฝนตกลงมาเสมือนมาช่วย ช้างศึก เพราะมันช่วยทำให้เกมรับของไทยงานเบาลง และทางฝั่ง เลบานอน ก็ค่อยๆ เล่นยากขึ้นจนทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนเดิม 

อีกข้อคือ ธีรศิลป์ แม้จะเงียบๆ แต่ยังมีประตู : สำหรับประตูชัยของเราในวันนี้น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ได้อีกครั้งว่ากองหน้าทีมชาติไทยเบอร์ 1 ยังคงเป็น ธีรศิลป์ แดงดา เหมือนเดิม แม้ในวันที่เขาเองก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไร แถมยังออกลูกเงียบด้วยซ้ำ โดยเฉพาะครึ่งหลังที่หายไปจากการมีส่วนร่วมกับเกมเลย แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นฮีโร่จนได้ประกับประตูที่โหม่งให้ทีมชาติไทยขึ้นนำ 2-1 และชนะไปด้วยสกอร์นี้ 

 

และสุดท้าย นิคโก้ คู่ควรกับคำว่า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ข้อสุดท้ายหลังได้ยินเสียงประกาศของโฆษกสนามที่บอกว่า ธีรศิลป์​ แดงดา เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนัดนี้ แต่เอาตรงๆ รู้สึกว่าตำแหน่งนี้น่าจะเป็นของ นิโคลัส มิคเกลสัน แบ็กขวาพลังล้นผู้นี้มากกว่าที่ทั้งเล่นตั้งแต่จนจบเกม ทั้งที่วิ่งขึ้น วิ่งลง ตลอด 90 นาทีได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ที่สำคัญเขายังมีส่วนร่วมกับเกมเยอะมากๆ โดยเฉพาะช็อตสุดท้ายที่เปิดให้ พี่มุ้ย ยิงเข้าไปเป็นประตูชัยและเป็นสกอร์ให้ทีมชาติไทยชนะ 2-1 ดังนั้นถ้าเทียบกันแล้วภาพรวมของ นิคโก้ คู่ควรกับคำว่า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จริงๆ 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline