logo-heading

หรือว่าเส้นทางการลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล จะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ?
จากความพ่ายแพ้ในศึก เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ต่อ เอฟเวอร์ตัน 0-2 ในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ในการลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ดูยากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ เพราะพวกเขาจะตามหลังทีมจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล ถึง 3 คะแนน บวกกับประตูได้เสียที่เป็นรองถึง 15 ประตู

อีกทั้งยังมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ 1 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่าถึง 2 นัด ถ้าหาก พลพรรคเรือใบสีฟ้า บุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ ไบรท์ตัน ในคืนนี้ได้สำเร็จ พวกเขาจะแซงหน้าขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ทันที

ว่าแล้ว ขอบสนาม จะพามาวิเคราะห์ปัญหาของ ลิเวอร์พูล ว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง และต้องทำอย่างไรถึงจะพาพวกเขากลับสู่ลู่ทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

[ เกมรุกฝืดเคือง ]

ปัญหาแรกที่เห็นได้ชัดในช่วงหลังเลยก็คือ การจบสกอร์ที่ไม่เฉียบขาดของผู้เล่นในแนวรุก โดยในเกมที่พ่าย เอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสง้างประตูถึง 23 ครั้งเข้ากรอบ 7 ครั้ง ค่า xG สูงถึง 2.08 แต่เปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นมาเป็นประตูไม่ได้เลย

และปัญหา "ความคม" ไม่ได้เกิดขึ้นกับเกมเมื่อคืนเป็นเกมแรก เพราะเกมที่พ่ายคาบ้านต่อ คริสตัล พาเลซ 0-1 พวกเขาก็มีโอกาสทำประตูถึง 21 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง ค่าสูงถึง xG 2.81 

โดยสถิติของทั้งสองเกมที่ ลิเวอร์พูล ปราชัยต่อคู่แข่งใน พรีเมียร์ลีก มันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล ขาดความคมในการจบสกอร์อย่างหนักหน่วง

นอกจากนี้สองนักเตะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงหลังคงหนีไม่พ้น ดาร์วิน นูนเญซ และ โม ซาลาห์ ที่อยู่ดีๆฟอร์มดรอปลงไปดื้อๆ

ดาวเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา มีพัฒนาการดีขึ้นจากฤดูกาลที่แล้วอย่างชัดเจน แต่ทว่า 5 เกมหลังสุด พี่แกกลับถูกวิญญาณสากกะเบือเข้าสิงร่างซะอย่างงั้น ทำไปได้เพียงแค่ประตูเดียว แถมยังโยนโอกาสทองทิ้งไปแบบน่าเสียดายแทบทุกเกม 

ไม่เว้นแม้แต่ บังโม ที่เป็นดั่งความหวังในการจบสกอร์ของทีมกลับปืนฝืดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะ 7 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ ซาลาห์ ทำประตูได้เพียง 2 ประตูเท่านั้น และทำประตูจากลูก open play ไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว โดย 2 ประตูดังกล่าวได้มากจากการยิงจุดโทษ

[ เกมรับหละหลวม ]

นอกจากเกมรุกจะมีปัญหาแล้วเกมรับเองก็มีปัญหาไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน เพราะตลอด 7 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เสียประตูทุกเกม 

โดยในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ถูกคู่แข่งยิ่งขึ้นนำไปก่อนถึง 15 ครั้ง มันชี้ให้เห็นว่าพวกเขามีปัญหาอย่างหนักในเรื่องของเกมรับ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกมรุกของ ลิเวอร์พูล มาช่วยกลบจุดอ่อนจุดนี้เอาไว้ ทำให้เราอาจมองข้ามในเรื่องนี้กันไป

แต่เมื่อเกมรุกมีปัญหาทำให้แผลเกมรับของ ลิเวอร์พูล ถูกแสดงให้เห็นออกมาชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ภายใต้การคุมบังเหียนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นที่ ลิเวอร์พูล ตามหลังคู่แข่งมากกว่า นั่นก็คือเมื่อซีซั่นที่แล้ว ที่เกิดขึ้นถึง 16 ครั้ง นั่นหมายความว่าในอีก 4 นัดที่เหลือของฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำลายสถิติเดิมค่อนข้างสูงเลยทีเดียว หากยังไม่รีบแก้ไขในเรื่องของเกมรับ

[ ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ]

ปัญหาต่อมาคงหนีไม้พ้นเรื่องของผู้เล่นบาดเจ็บ เพราะตลอดซีซั่นนี้นักเตะ ลิเวอร์พูล มักถูกอาการบาดเจ็บพรากไปแทบทุกสัปดาห์

นักเตะที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นอย่าง ดิโอโก้ โชต้า ก็มักจะถูกโรคเดี้ยงเล่นงานอยู่เสมอ โดยเจ้าตัวพลาดโอกาสในการลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ไปมากถึง 19 เกมด้วยกัน

ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่ลุมล้อมทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่สามารถจัดทีมที่ดีที่ตัวเองมีลงสนามอย่างต่อเนื่อง และต้องแก้ปัญหาด้วยการดันผู้เล่นดาวรุ่งลงมาแก้ขัดอยู่บ่อยครั้ง
 

ยิ่งในช่วงท้ายฤดูกาลนักเตะที่แบกร่างกายมามาตั้งแต่ต้นซีซั่นต้องพบเจอกับอาการล้าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว บวกกับโปรแกรมที่ค่อนข้างสำคัญ ทำให้การโลเตชั่นเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น และต้องยิ่งมาเจอกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเข้าไปอีก คงเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่น้อยเลยทีเดียว

[ เส้นทางลุ้นแชมป์ยังพอมีหวังไหม? ]

หากพูดถึงเส้นทางการลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ในอีก 4 นัดที่เหลือ ต้องบอกตามตรงว่ามันเป็นไปได้ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะนอกจากจะต้องชนะในอีก 4 เกมที่เหลือยังต้องลุ้นให้ทั้ง อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ พลาดด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งทาง Opta ได้ทำนายผลว่าใครจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก จากเดิมที่ ลิเวอร์พูล มีโอกาส 13.2% แต่หลังจากที่บุกไปแพ้ เอฟเวอร์ตัน ทำให้โอกาสในการเป็นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล เหลือเพียง 2.7% เท่านั้น 

โดยในคืนนี้ แมนฯ ซิตี้ ต้องออกไปเยือน ไบรท์ตัน ที่กำลังลุ้นพื้นที่ไปเล่นฟุตบอลยุโรป ซึ่งไม่ใช่งานง่ายสำหรับ ซิตี้ แน่ๆ แต่ขึ้นชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เวลาอยู่ในช่วงสำคัญที่ไรพวกเขามักไม่พลาด

ส่วน อาร์เซน่อล จะมีคิวที่จะต้องยกพลบุกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่แค้นตลอดกาล ในคืนวันอาทิตย์นี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะสะดุดในเกมนี้ เพราะ สเปอร์ส คงไม่ยอมให้ อาร์เซน่อล เป็นแชมป์แน่ๆ

และที่สำคัญ ลิเวอร์พูล จะต้องออกไปเยือน เวสต์แฮม ในวันเสาร์นี้ หาก พลพรรคหงส์แดง ไม่สามารถคว้า 3 แต้มกลับบ้านมาได้ ต้องบอกว่าประตูสู่แชมป์ พรีเมียร์ลีก แทบจะปิดลงทันที

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline