จบลงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกระหว่าง แอตเลติโก มาดริด ที่เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 1-0 จากประตูชัยของ ซาอูล นิเกซ ตั้งแต่ช่วง 4 นาทีแรก
โดยภายหลังจบเกมก็ได้มีประเด็นมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้ ขอบสนาม เราจะนำเสนอ 6 ผู้ชนะ และผู้แพ้ จากเกมการแข่งขันในนัดนี้ ซึ่งจะมีใครบ้างที่ชนะ และใครบ้างที่ต้งปรับปรุงแก้ไข ไปติดตามกันได้เลยผู้ชนะ : ซาอูล นิเกซ
ค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมของมิดฟิลด์ชาวสเปน ภายหลังเป็นผู้กระทุ้งประตูชัยให้ทีมตั้งแต่ช่วง 4 นาทีแรกของเกมการแข่งขัน แต่นอกเหนือจากนั้นประโยชน์ในเกมของเขาถือว่าเป็นอาวุธลับของกุนซือ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดเกมในแดนกลาง เพราะสถิติหลังเกมได้บอกว่า ซาอูล แท็คเคิล ชนะถึง 3 ครั้ง, ตัดบอลได้ 2 ครั้ง และดวลชนะคู่แข่งได้อีก 3 ครั้ง ซึ่งตัวเลขที่กล่าวมาถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียวกับตำแหน่งมิดฟิลด์ นอกจากนั้นอีกหนึ่งสถิติหลังจบเกมนี้คือเมื่อใดที่ ซาอูล จัดการลั่นสกอร์ให้ทัพ "ตราหมี" ไม่ว่าจะเป็นรายการแข่งขันไหน พวกเขาจะไม่พบเขอกับความพ่ายแพ้เลยตลอด 36 นัด โดยแบ่งเป็นชนะ 34 นัด และเสมอ 2 นัด
ผู้แพ้ : โมฮาเหม็ด ซาลาห์
เป็นอีกเกมที่ โม ซาลาห์ โชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำไว้ แต่ส่วนนึงต้องชื่นชมทางฝั่ง แอต.มาดริด ที่จัดการ และบีบให้แข้งของ "หงส์แดง" โดยเฉพาะ ซาลาห์ เล่นได้ยากมากขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าแทบไม่ได้กระดิกไปไหนเลย มันก็เลยทำให้พิษสงของเขานั้นถูกลักพาตัวออกจากสนามไป ซึ่งจากแท็คติกดังกล่าวที่ทาง ซิเมโอเน่ เอามาหยุดยั้ง ซาลาห์ นั้น ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสสัมผัสบอลเพียง 36 ครั้ง รวมไปถึงการผ่านบอลที่ทำได้ตำกว่ามาตรฐานถึง 67% ซึ่งก็อย่างที่บอกว่าเครดิตที่ควรได้รับคำชมไปเต็มๆ คือ ซิเมโอเน่ และลูกทีมของ และถ้านัดเกมนัดสองที่ แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ยังคงหวังที่จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็ต้องจัดการ และแก้ไขกับปัญหาเหล่านี้ให้ได้ผู้ชนะ : ดิเอโก้ ซิเมโอเน่
บ่อยครั้งที่ แอต.มาดริด จะถูกกล่าวหาติดกับรูปแบบการเล่นของ ซิเมโอเน่ มากเกินไป แต่ทว่าเมื่อเกมสำคัญมาถึง "เอล โชโล่" ก็แสดงให้เห็นถึงกึ๋นของเขาเองแล้วว่าสามารถวางแทคติกที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกทีมลงไปสู้กับแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ได้อย่างน่าโค้งหัวคำนับ ทั้งการชิงเล่นเกมบุกก่อน และมาประสบความสำเร็จได้ประตูในช่วง 4 นาทีแรก ซึ่งหลังจากได้ประตูที่ต้องการก็ปรับมาตั้งรับแบบเต็มรูปแบบ แต่ทว่าเป็นการเล่นเกมรับที่สามารถควบคุมเกมได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีการเอาตัวรอดจากการถูกผู้เล่นทีมเยือนเข้าบีบเพรสซิ่งอย่างหนักได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากเกมรับที่เปรียบเสมือนนำรถบัสมาจอดไว้แล้ว เกมโต้กลับของพวกเขาตามแท็คติกถือว่าน่ากลัวมากพอควร แต่เกมนัดที่ 2 ณ แอนฟิลด์ มันไม่ง่ายแน่นอนเพราะเหล่าแข้ง "ตราหมี" จะถูกเสียงเชียร์ และบรรยากาศที่น่าเกรงขามกดดันอย่างจงหนัก ซึ่งเรื่องนี้ ซิเมโอเน่ เองนั้นแหละที่เป็นคนกระตุ้น และเพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวนักเตะ เพื่อผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ
ผู้แพ้ : ซาดิโอ มาเน่
ซาดิโอ มาเน่ พึ่งหายจากอาการบาดเจ็บ และกลับมาลงสนามให้ทีมในฐานะตัวสำรองไปแล้วในเกมกับ นอริช เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าการได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเขายังคงขาดอะไรบางอย่างไป ที่ดูเหมือนยังไม่พร้อมแบบ 100% มากนัก นอกจากนั้นเขายังดูล่อแหลมการกับโดนใบแดงอันเชิญออกจากสนามเสียเหลือเกิน เพราะ มาเน่ โดนใบเหลืองตั้งแต่ช่วง 30 นาที แรก ทำให้เขากลายเป็นเป้าของนักเตะเจ้าบ้านในการปั่นป่วนเพื่อขอใบเหลืองที่ 2 ทำให้ในช่วงครึ่งหลัง คล็อปป์ เลยจัดการเปลี่ยนตัวออกและส่ง ดิว็อค โอริกี้ ลงสนามไปแทน ทำให้ มาเน่ ต้องรอล้างแค้น และสังหารประตู แอต.มาดริด ในเกมนัดหน้าเลยผู้ชนะ : โธมัส ปาร์เตย์
ไม่ใช่แค่เพียง ซาอูล เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยอดเยี่ยมในตำแหน่งกองกลางแต่ โธมัส เองก็ทำหน้าที่ได้อย่างน่าปรบมือให้เสียเหลือเกิน โดยในเกมนี้เจ้าตัวแท็คเคิลเอาชนะไปได้ถึง 6 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่มากที่สุดเหนือผู้เล่นทุกคนในสนาม นอกจากนั้นยังชนะดวลลูกกลางอากาศ 3 ครั้ง และถูกเลี้ยงผ่านเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าวิธีการเล่นของ โธมัส อาจดูเหมือนเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานไปบ้าง แต่มันก็ทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายมากขึ้น เกมรับไม่ได้รับหน้าที่หนักจนเกินไป เรียกได้ว่าเป็นผึ้งงานของทีมอย่างแท้จริง