logo-heading

ฟีฟ่า และเอเอฟซี ออกมาประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าโปรแกรมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 ในช่วงเดือนมีนาคม และ มิถุนายนนี้ จะถูกเลื่อนออกไปก่อน และจะกำหนดวันแข่งขันใหม่อีกครั้ง ซึ่งเราจะมาดูกันว่า สำหรับทีมชาติไทยของเรานั้นจะกระทบ หรือมีผลดีผลเสียแะไรบ้าง

ตอนนี้ฟุตบอลในเอเชียและอาเซียน ต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กันถ้วนหน้า สำหรับไทยลีกของเราก็ถูกเลือนโปรแกรมออกไป 45 วัน ขณะที่โปรแกรมทีมชาติล่าสุดฟีฟ่าและเอเอฟซี ก็ออกมาประกาศเลื่อนไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เดิมในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ทีมชาติไทยของเราจะมีโปรแกรมสำคัญที่จะเปิดบ้านรับมืออินโดนิเซีย ซึ่งจะเป้นเกมนัดที่ 6 ของรอบคัดเลือกรอบนี้ โดยอิเหนานั้นหมดลุ้นเข้ารอบไปแล้ว จณะที่ทีมช้างศึกของเรา ก็ขึ้นอยู่กับผลงานในเกมนี้แหละ ว่าจะได้ไปต่อและมีลุ้นในอีก 2 เกมสุดท้ายหรือไม่

เรื่องของการเลื่อนโปรแกรมออกไปนั้น ทุกคนทราบสาเหตุดีอยู่แล้ว ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย และเพื่อความปลอดภัยของทุกคนและทุกฝ่าย โปรแกรมจึงต้องถูกเลื่อนไปก่อน

ดังนั้นเรื่องของความปลอดภัย เรื่องของไวรัสโควิด เราจะไม่พูดถึงในเรื่องนี้ เพราะยังไงแล้วการเลื่อนโปรแกรมออกไปมันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ความปลอดภัยต้องมาก่อน แต่ที่มาเขียนเรื่องนี้ ก็แค่อยากจะวิเคราะห์ดูว่าสมมติไม่เกี่ยวกับไวรัสโควิด แล้วโปรแกรมทีมชาติต้องถูกเลื่อนไปแบบนี้ มันจะกระทบอะไรบ้าง

ย้อนกลับมาที่สถานการณ์การลุ้นเข้ารอบของทีมชาติไทย หลายคนคงจะลืมไปแล้วว่าผลงานทีมช้างศึก ใน 5 เกมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และมีลุ้นแค่ไหน เราย้อนไปดูตารางคะแนนกันก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไร เลื่อนเกมคัดบอลโลก "ทีมช้างศึก" ได้หรือเสียมากกว่ากัน จากตารางคะแนน ทีมชาติไทยของเราอยู่อันดับที่ 3 เหลือโปรแกรมอีก 3 นัด คือเจอ อินโดนิเซีย, ยูเออี และ มาเลเซีย ตามโปรแกรมเดิมก็จะเตะครบกันในวันที่ 9 มิ.ย. ที่เราจะได้คำตอบทั้งหมด แต่เมื่อโปรแกรมถูกเลื่อนออกไปแบบนี้ มันก็ยังบอกไม่ได้ว่าโอกาสเข้ารอบของทีมชาติไทยจะมีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตามโปรแกรมเดิมที่เราจะเจออินโดฯ ในเกมต่อไปวันที่ 26 มี.ค.นี้ เราเล่นในบ้าน ตามฟอร์มก้มีโอกาสชนะสูง น่าจะเก็บสามแต้มได้ไม่อยาก ขณะที่อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน มาเลเซีย อันดับสองจะต้องไปเยือนยูเออี ซึ่งเราต้องลุ้นให้คู่นี้แบ่งแต้มกันไปถึงจะส่งผลดีกับทีมชาติไทยที่สุด เพราะเราจะขึ้นไปอยู่ที่ 2 แซงมาเลย์ ขึ้นไป และก็จะนำห่างยูเออี 4 เกม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเกมที่เราจะออกไปเยือนยูเออี 4 มิ.ย.63 เราก็จะกดดันน้อยลง แต่โอกาสลุ้นแชมป์กลุ่มคงยาก แต่ถ้าบุกไปชนะได้ อันนี้ก็ได้ลุ้นแน่นอนถึงนัดสุดท้าย สิ่งที่พยายามจะสื่อก็คือ แน่นอนละว่าไอ้โปรแกรมวันที่ 26 นี้มันต้องเลื่อนออกไปแน่นอน แล้วสมมติว่าสถานการณ์โลกมันดีขึ้น ช่วงเดือนมิถุนายน สามารถกลับมาเตะกันได้ แล้วเราต้องไปเจอกับยูเออี ก่อน แล้วถ้าไม่ชนะ สถานการณ์จากที่มีลุ้นอาจจะหมดลุ้นไปเลยก็ได้ แต่หาก มิ.ย.กลับมาเตะได้ แล้วโปรแกรมกลับมาเริ่มกันที่นัดอินโดฯ ใหม่ อันนี้ก็โอเค ไม่ได้ไม่เสีย ก็ว่ากันไปตามโปรแกรมที่เหลือ แต่ถ้าหากถึงเดือน มิ.ย. ก็ยังกลับมาเตะไม่ได้ และต้องไปเตะกันช่วงเดือนตุลาคมที่ปิดฤดูกาลไทยลีกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นมันจะเป็นอย่างไร และการต้องมาเตะรัวๆ สามแมตช์ติด มันจะโอเคหรือไม่ และเดียว พ.ย.-ธ.ค. ก็จะมีซูซูกิ คัพ อีก มันก็จะกลายเป็นว่าโปรแกรมทีมชาติไปอัดแน่นช่วงปลายปีทั้งหมด มันอาจจะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จสักกะรายการก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลื่อนโปรแกรมออกไป มองอีกมุมนึงก็ส่งผลดีกับทีมชาติไทยของเราเหมือนกัน หนึ่งเลยคือ 4 นักเตะไทยของเราที่เล่นอยู่ญี่ปุ่น ก็ไม่ต้องมีปัญหาว่าจะมาเตะได้ไม่ได้ ถึงวันที่กลับมาแข่งขันตามโปรแกรมทุกคนก็คงจะกลับมาร่วมซ้อมและลงเตะได้ไม่มีปัญหา ขณะที่อีกเรื่องนึงก็คืออาการบาดเจ็บของนักเตะทีมชาติไทยของเรา ที่ตอนนนี้มี 2 รายที่ถ้าเตะตามโปรแกรมเดิม อาจจะยังไม่พร้อมลงสนาม อย่างในรายของ เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่กำลังเรียกความฟิตอยู่ และอีกคนคือ สุภโชค สารชาติ ที่เพิ่งจะคิ้วแตกต้องเย็บกันไป 19 เข็ม ดังนั้นการที่โปรแกรมช่วงนี้ถูกเลื่อนออกไป ก็ทำให้ทั้งสองคนได้มีเวลาพักเต็มที่ เพื่อให้กลับมาพร้อมที่สุด เมื่อโปรแกรมกลับมาทำการแข่งขันกันได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลื่อนโปรแกรมออกไป มันก็กระทบกันไปทุกทีม แต่ถ้าจะให้ทุกอย่างเป็นใจกับทีมชาติไทย และโอกาสเข้ารอบของเรายังมีลุ้นอยู่ ก็ขอให้กลับมาเตะโดยเริ่มจากการที่เราเจอกับอินโดฯ เหมือนเดิม

แต่ไม่ว่ามันจะกลับมาเตะเมื่อไหร่ ต้องเจอกับใคร ยังไงเราก็ต้องสู้เหมือนเดิม คือถ้าคิดจะเข้าไปเล่นรอบ 12 ทีมสุดท้าย มันก็ต้องผ่านไปให้ได้ทุกสถานการณ์ ถูกปะครับ!!

logoline