logo-heading
ในช่วงที่ผ่านมาหลายคนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุภายในสโมสร บาร์เซโลน่า ซึ่ง ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์กัปตันทีม บาร์เซโลน่า ผู้ทรงอิทธิพล มักมีข่าวไม่ค่อยลงรอยกับ บอร์ดบริหาร บาร์เซโลน่า เท่าไหร่นัก เรียกว่าบางเรื่องเป็นปมขัดแย้งจนเป็นข่าวสะเทือนถึงบอร์ดบริหารเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ เมสซี่ เองพร้อมที่จะหักหน้าบอร์ดบริหารทุกเมื่อทุกเวลา เช่นเหตุการณ์ล่าสุดมีข่าวว่านักเตะบาร์ซ่าไม่ยอมลดค่าเหนื่อยและอยู่ในช่วงหารือตกลงกับบอร์ดในสถานการณ์การระบาดของไวรัส ล่าสุด ลิโอเนล เมสซี่ ก็เป็นแกนนำนักเตะโพสต์แถลงบน อินสตาแกรม ส่วนตัวก่อนสโมสรว่านักเตะ บาร์เซโลน่า ยอมลดค่าเหนื่อย 70% เพื่อให้เจ้าหน้าที่สโมสรทุกคนยังคงได้รับเงินค่าจ้างเต็มจำนวน เหมือนหักหน้าบอร์ดบริหารเลยทีเดียว วันนี้ขอบสนามจะพามาไล่เรียงไทม์ไลน์ทั้งหมดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ระหว่าง เมสซี่ และ บอร์ดบริหาร บาร์เซโลน่า ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงที่ผ่านมา เปิดประเด็นหักหน้า เมสซี่ vs บอร์ดบริหารบาร์ซ่า เปิดศึกกับ อบิดัล ประธานฝ่ายเทคนิคของ บาร์เซโลน่า คนปัจจุบันอย่าง เอริก อบิดัล ซึ่งเคยเล่นให้บาร์ซ่าร่วมกับ เมสซี่ ช่วงปี 2007-2013 ออกมาตำหนินักเตะผ่านสื่อเมื่อปลายเดือนมกราคมว่า ขุมกำลังชุดปัจจุบันมีนักเตะในทีมขี้เกียจ และไม่พอใจที่จะทำงานร่วมกับ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ จนเป็นเหตุให้ บัลเบร์เด้ โดนเด้งตกเก้าอี้ แต่ไม่ได้ระบุชื่อว่าดาวเตะรายนั้นเป็นใคร ความเห็นของอบิดัลสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับ ลิโอเนล เมสซี่ จนต้องออกมาสวนกลับผ่านสตอรีในอินสตาแกรมส่วนตัวอย่างดุเดือดว่า “ที่จริงแล้วผมไม่ชอบทำอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่ผมคิดว่าทุกคนต้องรับผิดชอบต่องานของตัวเอง และต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจ ซึ่งสำหรับนักฟุตบอลแล้วสิ่งนั้นก็คือการเล่นในสนาม พวกเราเป็นคนแรกที่จะยอมรับว่าเราเล่นได้ไม่ดีเอง คนที่เป็นผู้บริหารด้านกีฬาควรจะทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน และที่สำคัญที่สุดเลยคือต้องจัดการกับการตัดสินใจของตัวเองด้วย สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าเมื่อคุณพูดเกี่ยวกับนักเตะแล้ว คุณก็ควรจะพูดชื่อมาเลยดีกว่า เพราะมันเหมือนคุณเหมารวมกับทุกคน และทำให้ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงมันแพร่กระจายไปไกล” เมื่อ เมสซี่ ออกโรงเองแบบนี้ แน่นอนว่า โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสร บาร์เซโลน่า จึงไม่อาจอยู่เฉยได้ จัดการเรียกตัวอบิดัลเข้าพบเป็นการด่วน ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูว่า อดีตแบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสสมัยเป็นนักเตะ มีโอกาสสูงที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่ง แต่หลังจาก บาร์โตเมว กับ ออสการ์ กราอู ซีอีโอของสโมสรได้เรียก อบิดัล มาเคลียร์ใจนานกว่า 2 ชั่วโมง สุดท้ายการหารือก็จบลงด้วยดี หมายความว่า อบิดัลจะยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป โดนดิสเครดิต หลังจากเหตุการณ์เปิดศึกกับ อบิดัล ได้ไม่นาน มีรายงานว่า บาร์ซ่า ได้ว่าจ้างบริษัท พีอาร์ แห่งหนึ่ง ให้ดิสเครดิตอดีตกุนซือและนักเตะของทีม อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ ชาบี เอร์นานเดซ รวมถึง เคราร์ด ปิเก้ และ ลิโอเนล เมสซี่ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับ โจเซป บาร์โตเมว ประธานสโมสร ก่อนต่อมาพวกเขาจะรีบออกแถลงการณ์ปฏิเสธทันควัน ทั้งนี้ ลิโอเนล เมสซี่ เอง ก็รู้สึกถึงความแปลกในช่วงนี้แต่เขาเองไม่สามารถกล่าวอะไรได้มาก เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงมากนัก โดย เมสซี่ ออกมากล่าวว่า "ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมกำลังเดินทาง ตอนที่ผมกลับมา ผมค่อย ๆ ทราบเรื่องทีละนิด ประธานสโมสรบอกกับเราเหมือนที่เขาประกาศออกสื่อ ประกาศผ่านงานแถลงข่าว นั่นคือสถานการณ์ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ผมพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ผมมองว่ามันมีสิ่งแปลกเกิดขึ้นกับสโมสร แต่มันมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ เราจะต้องรอดูว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ บอกตามตรง เรื่องนี้มันดูแปลกสำหรับผม" ลิโอเนล เมสซี่ กล่าวกับ มุนโด เดปอร์ติโบ เปิดประเด็นหักหน้า เมสซี่ vs บอร์ดบริหารบาร์ซ่า เสียงแตก เหตุการณ์ที่ผ่านมาแบบแผลสด มีกระแสข่าวว่า บาร์เซโลน่า เสนอให้นักเตะหั่นค่าเหนื่อยในช่วงการแพร่ระลาดโควิด-19 ทั้งหมด 70% พอแนวคิดนี้นักเตะได้ทราบ แต่แข้งหลายคนมีความเห็นต่างกันไป 3 กลุ่ม กลุ่มแรก ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าทำไมต้องยอมสละรายได้ของตัวเอง ซึ่งนักเตะที่ไม่เห็นด้วยเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับท็อปของสโมสร จะได้รับผลกระทบมากที่สุดหากสโมสรลดค่าเหนื่อย อีกกลุ่มพร้อมสนับสนุนนโยบายของสโมสรอย่างเต็มที่ เชื่อว่า ลิโอเนล เมสซี่ เป็นหนึ่งในนักเตะที่เห็นด้วยกับสโมสรในการหั่นค่าจ้างลง 70 % ส่วนกลุ่มสุดท้าย ยังไม่ตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสโมสร อยากขอดูท่าทีของสมาพันธ์ฟุตบอลสเปนจะแก้ไขปัญหาอย่างไรมีรายงานว่ามีนักเตะเข้าไปเจรจากับลาลีกาเพื่อลดค่าเหนื่อยลง 10% ช่วงที่ฟุตบอลไม่สามารถกลับมาแข่งขันได้ แต่การเจรจายังไม่ได้บทสรุป พี่ใหญ่ออกโรง หลังจากมีกระแสข่าวเสียงแตก และดูเหมือนว่านักเตะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่นักกับสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้พี่ใหญ่อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีม ออกโรงโพสต์เองนักเลงพอโดยไม่ต้องรอแถลงการณ์สโมสรใจความว่า เหล่านักเตะในทีมพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยยินยอมพร้อมใจหั่นค่าเหนื่อยลง 70% และพร้อมช่วยเหลือในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานและเจ้าหน้าที่ทุกคนในสโมสรได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน จากนั้นเหล่านักเตะในทีมที่เหลือก็ทยอยโพสต์ตามว่าพร้อมใจหั่นค่าเหนื่อยลง 70% เพื่อช่วยเหลือสโมสร โดยแถลงการณ์ฉบับเต็มระบุว่า "ก่อนอื่นเราอยากจะชี้แจงว่าเรามีความต้องการเสมอที่จะลดค่าจ้าง เพราะเราเข้าใจเป็นอย่างดีว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และเราก็เป็นคนกลุ่มแรกเสมอที่คอยช่วยเหลือสโมสรเมื่อได้รับการร้องขอ บางครั้งเราก็ทำมันด้วยตัวเองด้วยซ้ำ เมื่อไหร่ที่เราคิดว่ามันจำเป็นหรือสำคัญ" "แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ที่ภายในสโมสรจะมีคนที่พยายามทำให้เราถูกเพ่งเล็ง และพยายามกดดันให้เราทำในสิ่งที่เรารู้ว่าจะต้องทำอยู่แล้ว ความจริงก็คือสิ่งที่มันล่าช้าเพราะ นั่นก็เพราะว่าเรากำลังหาวิธีที่จะช่วยสโมสร รวมถึงลูกจ้างในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ในส่วนของนักเตะนอกจากจะลดค่าจ้าง 70 % เราจะช่วยเหลือในส่วนอื่นด้วย เพื่อให้พนักงานของสโมสรสามารถได้รับเงินค่าจ้างเต็ม 100% ในช่วงสถานการณ์นี้" "ถ้าเราไม่ยอมออกมาพูดอะไรจนถึงตอนนี้ นั่นเป็นเพราะเราต้องการหาวิธีที่สามารถทำได้จริงในการช่วยเหลือสโมสร ซึ่งรวมถึงคนที่ได้รับผลกระทบที่สุดจากสถานการณ์นี้ด้วย เราไม่อยากจะหยุดส่งกำลังใจให้กับแฟนบอล บาร์เซโลน่า ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับช่วงเวลาที่ยากลำบาก รวมถึงทุกคนที่กำลังรออยู่ที่บ้านอย่างอดทนเราจะผ่านเรื่องนี้ไปโดยเร็วและเราจะผ่านมันไปด้วยกัน" ถือเป็นอีกดอกตอกหน้าบอร์ดไม่น้อยเลยทีเดียวกับประโยคที่ว่ามีคนในมักทำให้เราถูกเพ่งเล็งเสมอ ทั้งนี้ เมสซี่ เอง ก็เพิ่งสละเงินก้อนโตถึง 1 ล้านยูโร บริจาคให้กับโรงพยาบาลในเมือง บาร์เซโลน่า รวมถึงในประเทศบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติน่า นำไปใช้ต่อสู้กับ โควิด-19 เปิดประเด็นหักหน้า เมสซี่ vs บอร์ดบริหารบาร์ซ่า สยบข่าวลือ แน่นอนว่าพอ เมสซี่ ออกโรงแบบนี้ บาร์โตเมว จะอยู่เฉยได้อย่างไร ประธานสโมสร บาร์เซโลน่า ต้องออกโรงมาสยบข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดย ยืนยันว่า ลิโอเนล เมสซี ไม่เคยเกี่ยงที่จะลดค่าเหนื่อยเพื่อช่วยสโมสรจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 "เมสซี่ แจ้งเราตั้งแต่วันแรกว่าต้องลดค่าเหนื่อย ข้อเสนอนี้มาจากกัปตันทีมของเรา มันคือการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความรักมั่นต่อสโมสร บางครั้งนักเตะคงหงุดหงิดกับคำพูดของคนในสโมสรและนอกสโมสรที่ไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด แต่การเจรจานี้อยู่ภายใต้การดูแลของ ออสการ์ กราอู ส่วนผมไม่ได้ออกความเห็นอะไร" นั่นคือเหตุการณ์ทั้งหมดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากกระแสข่าวทั้งหมดมันก็ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำแม้ทางด้าน บาร์โตเมว จะปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่การกระทำทั้งหมดของทั้งทางด้าน เมสซี่ เอง รวมถึงบอร์ดบริหาร บาร์เซโลน่า ดูจะสวนทางกันเหลือเกิน นอกจากนี้ ลิโอเนล เมสซี่ ไม่เคยออกมาหนุนหลังบอร์ดบริหารชุดนี้เท่าไหร่นัก ล่าสุดที่ออกมาสนับสนุนคือออกมาสนับสนุนให้ บัลเบร์เด้ คุมทีมต่อ และยอมรับว่าเหล่านักเตะเองยังไม่ทุ่มเทมากพอ แต่ทว่าท้ายที่สุด บัลเบร์เด้ ก็โดนปลดออกจากตำแหน่ง ยิ่งจากเหตุการณ์ล่าสุดในสถานการณ์โควิดยิ่งย้ำชัดในเรื่องความแตกร้าวภายใน และทุกครั้งเป็น ลิโอเนล เมสซี่ ที่นำอยู่หนึ่งก้าวเสมอ แม้ไม่ได้มีการประกาศทางการ แต่ใครก็ดูออกว่าไม่ลงรอยกันชัดเจน สำหรับ บาร์โตเมว จะดำรงตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า ครบวาระ 6 ปีในต้นปี 2021 และเตรียมลงเลือกตั้งรักษาตำแหน่งประธาน บาร์ซ่า สมัย 2 ในปีหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ในอนาคต แต่ดูเหมือนคะแนนเสียงของเขาช่วงนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก คงต้องติดตามกันต่อไป

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline