logo-heading

เข้าวินคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน ประจำฤดูกาล 2019-20 นี้ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ บาเยิร์น มิวนิค ภายหลังเก็บคะแนนทิ้งห่างผู้ตามอย่าง ดอร์ทมุนด์ แบบไม่เหลือฝุ่น

ซึ่งการคว้าแชมป์ครั้งนี้ยังเป็นการซิวแชมป์ลีก 8 สมัยซ้อนของพวกเขาอีกด้วย ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราเลยจะรวบรวมไทม์ไลน์ของทัพ "เสือใต้" ว่าระหว่างเส้นทางกว่าจะประสบความสำเร็จนี้พวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง จะหนักหนาขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลย

เสริมทัพก่อนเปิดซีซั่น

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว (2018-19) ต้องบอกว่า บาเยิร์น มิวนิค ต้องเสียแข้งระดับซีเนียร์ออกจากทีมไปพร้อมๆ กันถึง 3 คนนั้นก็คือ อาร์เยน ร็อบเบน, ฟร้องค์ ริเบรี่ และ ราฟินญ่า ที่ต่างแยกย้ายไปตามทางของแต่ละคน รวมไปถึงการปล่อย มัตส์ ฮุมเมลส์ กลับไปร่วมทัพเก่าอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เรนาโต้ ซานชซ ที่ถูกขายขาดไปให้ ลีลล์ ที่ค่าตัว 20 ล้านยูโร ส่วนทางฝั่งขาเข้าบอร์ดบริหารของ "เสือใต้" ก็เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียวไล่ตั้งแต่ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ที่ไปสอยมาจาก สตุ๊ดการ์ท ด้วยจำนวน 35 ล้านปอนด์ นอกจากนั้นยังไปจ่ายค่าฉีกสัญญาของ ลูคัส แอร์น็องเดซ จาก แอต.มาดริด ด้วยราคา 80 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อนักเตะแพงที่สุดของสโมสรอีกด้วย นอกจากนั้นทีมก็ไปยืม 2 แข้งมากประสบการณ์อย่าง อิวาน เปริซิซ (อินเตอร์ มิลาน) และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (บาร์เซโลน่า) มาผนึกกำลังในแนวรุกให้ยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม niko kovac

ออกสตาร์ทอย่างยอดเยี่ยม

ถึงแม้ว่าการเปิดหัวนัดแรกในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาล 2019-20 จะไม่ค่อยสวยงามด้วย 3 คะแนน เพราะทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2-2 แต่ทว่าหลังจากนั้นผลงานของลูกทีม นิโก้ โควัช ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น และไล่ถล่มตาข่ายคู่แข่งเป็นว่าเล่นไล่ตั้งแต่ บุกไปถล่ม ชาลเก้ 3-0, เปิดบ้านขย้ำ ไมนซ์ 6-1 ก่อนบุกไปเก็บ 1 คะแนน จากถิ่นของทีมฟอร์มแรงอย่าง แอลเบ ไลป์ซิก ในนัดที่ 4 ของฤดูกาล ก่อนที่ในอีก 2 นัดถัดมาพวกเขาก็จะเก็บ 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะเหนือ เอฟซี โคโลญจน์ และ พาเดอร์บอน เท่ากับว่าผ่าน 6 นัดแรกของซีซั่นนี้ทัพ "เสือใต้" เก็บไปได้ 14 คะแนน พร้อมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแต่เพียงผู้เดียว และยังคงไม่พ่ายแพ้ให้กับทีมใด

จุดเปลี่ยนสำคัญ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการออกสตาร์ท 6 นัดแรกของ บาเยิร์น มิวนิค ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมในระดับหนึ่ง แต่ทว่าดูเหมือนจุดเปลี่ยนของพวกเขาจะมาอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่ตั้งตัวกันแทบไม่ทัน เพราะพลันที่ลงสนามนัดที่ 7 ความพ่ายแพ้ก็มาเยือนพวกเขาจนได้นั้นก็คือการเล่นในบ้านพ่ายให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-2 หลังจากนั้นก็สดุดต่อเนื่องด้วยการบุกไปเสมอกับ เอาก์สบวร์ก 2-2 ก่อนที่จะแก้ตัวได้สำเร็จด้วยชัยชนะเหนือ ยูเนียน เบอร์ลิน 2-1 ซึ่งต้องบอกว่าสถานการณ์ในทีมตอนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ และมีข่าวลือหลุดออกมาว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือหลังนักเตะเริ่มไม่พอใจกับวิถีทางของ นิโก้ โควัช สักเท่าไหร่ แน่นอนว่าข่าวดังกล่าวมันเหมือนตอกย้ำด้วยสกอร์ภายหลังลงเล่นเกมนัดที่ 10 ในการบุกไปเยือน แฟร้งเฟิร์ต เพราะในเกมดังกล่าว "เสือใต้" แพ้เละเทะด้วยสกอร์ 5-1 ซึ่งนั้นเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ นิโก้ โควัช จนสุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไป "ผมคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสโมสรในตอนนี้ ผลการแข่งขัน รวมไปถึงวิธีการเล่นของเราในนัดล่าสุดทำให้ผมต้องมีการตัดสินใจดังกล่าว" ถ้อยคำบางส่วนของ โควัช หลังกลายเป็นเพียงอดีตกับ บาเยิร์น มิวนิค hansi flick

ฮานซี่ ฟลิค รักษาการ ก่อนได้รับสัญญายาว

เชื่อว่าตอนแรกๆ ที่ทาง บาเยิร์น มิวนิค ได้แต่งตั้งให้ ฮานซี่ ฟลิค ขึ้นมารักษาการนั้นแฟนบอลส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้รู้จัก หรือขชื่อขิงเขาอาจไม่ได้คุ้นหูมากเท่าไหร่ โดย ฟลิค เข้ามาทำงานกับทัพ "เสือใต้" ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฏาคม ปี 2019 ซึ่งตำแหน่งของเขาก็คือการเป็นมือขวาให้กับ นิโก้ โควัช แน่นอนว่าด้วยผลงานในช่วงขัดตาทัพดูมีแววพาทีมกลับไปเฉิดฉายได้ทางบอร์ดบริหารก็เลยจัดการประกาศเซ็นสัญญา พร้อมขึ้นรับตำแหน่งกุนซือแบบถาวร ซึ่งสาเหตุสำคัญของมาจากการทำทีมที่เน้นไปที่ฟุตบอลเกมรุกที่จัดจ้าน ในสไตล์คล้ายกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โอเคล่ะมันอาจมีช่วงกระท่อนกระแท่นไปบ้างแพ้ 2 นัดติดช่วงเกมลีกนัดที่ 13 และ 14  แต่มันก็แค่ลมมรสุมเล็กน้อย เพราะหลังจากนั้นมันก็ไม่มีทีมไหนที่จะมาปราบพวกเขาได้อีกเลย

ไร้พ่าย 18 นัด และสถิติยังดำเนินต่อไป

นับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ที่ บาเยิร์น มิวนิค บุกไปพ่าย โบรุสเซีย มึนเซ่นกลัดบัค ด้วยสกอร์ 2-1 โดยเกมนัดเท่ากับนัดที่ 14 ของศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ซึ่งจวบจนเกมล่าสุดพวกเขาก็สะกดคำว่า "พ่ายแพ้" ไม่เป็นอีกเลย เป็นจำนวน 18 นัดติดต่อกันแล้ว โดยในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นชัยชนะ 17 นัด สดุดเสมอกับ แอลเบ ไลป์ซิก เพียงนัดเดียวเท่านั้น (0-0) ซึ่งจุดนี้เองทำให้พวกเขาสามารถเร่งสปีดแซงทีมนำพวกเขาจนก้าวขึ้นมาคว้าถามแชมป์ไปครองได้สำเร็จ และยังคงลุ้นสร้างสถิติต่อไปในอีก 2 เกมทีเหลือของฤดูกาล  แน่นอนเครดิตตรงนี้ส่วนหนึ่งต้องยกให้กับ ฮานซี่ ฟลิค แบบเต็มๆ เพราะการเข้ามาของเขาได้เปลี่ยนแปลงพี่เสือตัวนี้ให้กลับมาแข็งแกร่งแบบไร้เทียมทานอีกครั้งด้วยระยะเวลาเพียงไม่นาน นอกจากนั้นนี่ยังเป็นโทรฟี่แชมป์แรกของเขาในฐานะเฮดโค้ชอีกด้วย บาเยิร์น

แชมป์ 8 สมัยซ้อน

ย้อนกลับไปตั้งแต่ฤดูกาล 1963-64 ยังไม่เคยมีสโมสรไหนที่สามารถกวาดแชมป์ลีกแบบรวดเดียว 8 ปีซ้อน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของศึกบุนเดสลีกา และ บาเยิร์น มิวนิค เพราะที่ผ่านมาทัพ "เสือใต้" มักทำได้มากที่สุดนั้นก็คือ 3 สมัยซ้อน และแน่นอนในฤดูกาลหน้าพวกเขายังคงถูกยกเป็นเต็ง 1 ที่จะมีโอกาสเถลิงบัลลงก์แชมป์ และพร้อมยืดสถิติเป็นแชมป์ 9 สมัยซ้อน

- เปา ขอบสนาม -

ติดตามไลน์ขอบสนามเพิ่มเติม เพิ่มเพื่อน
logoline