logo-heading

รวบรวมประเด็นสำคัญหลัง โรม่า เขี่ย บาร์เซโลน่า ตกรอบ

"หมาป่าแห่งกรุงโรม" โรม่า สร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ โดยเอาชนะ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่จาก ลาลีกา สเปน ได้ถึง 3-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 สกอร์รวม 2 นัด โรม่า ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกฎอเวย์โกล มาดูกันว่าเราได้เรียรู้อะไรจากเกมนี้กันบ้าง 1. เหลือแต่เพียงความผิดหวัง แม้ทางด้าน บาร์เซโลน่า จะนำโด่งจ่าฝูงลาลีกา และจ่อเข้าใกล้คว้าแชมป์ลาลีกาไปทุกที แต่การตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งที่เอาชนะมาก่อนตั้ง 4-1 ถือเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ อีกทั้งยังโดนทีมจากอิตาลีเขี่ยตกรอบ ในชณะที่คู่ปรับตลอดกาลร่วมลีกอย่าง เรอัล มาดริด กลับเอาชนะยอดทีมอิตาลีได้ในการบุกไปเล่นยังตูริน ซึ่งแทบจะลอยลำเข้ารอบไปแล้ว ยิ่งทวีความเจ็บช้ำให้แก้ทัพอาซูลกราน่า ก่อนหน้าความพ่ายแพ้กับ โรม่า ในนัดนี้ บาร์เซโลน่า อยู่ในเส้นทางระหว่างคว้า3 แชมป์เพื่อเป็นเกียรติประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่สถิติดังกล่าวก็หยุดอยู่ที่เดิม พวกเขาทำได้แค่กลับไปทำหน้าที่ในลีก และคว้าถ้วยในประเทศให้สำเร็จเท่านั้น 2. วันที่เทพพระเจ้าไม่จุติ บาร์เซโลน่า มีผลงานนอกบ้านในทัวร์นาเม้นต์นี้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก เมื่อดูจากสถิติ 7 เกมเยือนหลังสุดย้อนไปถึงฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาพ่ายแพ้ไปถึง 3 เกมและแพ้อีก 3 นัด ยิงได้เพียง 2 ประตูเท่านั้น และผลการแข่งขันที่ทำให้ว่าที่แชมป์ลาลีกา ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 9 ครั้งหลังสุดทั้งหมดนั้นเป็นเกมที่ ลิโอเนล เมสซี ไม่สามารถทำประตูได้แทบทั้งสิ้น (ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อินเตอร์ มิลาน, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส, โรม่ และ แอตเลติโก มาดริด 2 ครั้ง) 3. คู่หูคู่ทุกข์ในยุโรป แตะหลัก 100 นัด ลิโอเนล เมสซี กับ อันเดรียส อิเนียสต้า สร้างสถิติเป็นนักเตะในทีมเดียวที่ลงสนามร่วมกันใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แตะหลัก 100 นัดเมื่อทั้งสองลงเล่นด้วยกันอีกครั้งในเกมนี้ โดย เมสซี กับ อิเนียสต้า เคยคว้าแชมป์ยุโรปในสนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก ของ โรม่า มาแล้วเมื่อปี 2009 ที่พวกเขาคว้าชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศไปได้ทว่าเกมกับ หมาป่าแห่งกรุงโรม ในนัดนี้เป็นนัดสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้ลงเล่นด้วยกันในถ้วย บิ๊กเอียร์ ฤดูกาลนี้ และอาจจะเป็นนัดสุดท้ายที่ทั้งคู่จะเล่นด้วยกันเลยก็ได้ เมื่อ อิเนียสต้า ออกมาแย้มว่า เกมยุโรปในค่ำคืนที่ผ่านมาอาจเป็นเกมสุดท้ายของเขากับ บาร์เซโลน่า 4. เอดิน เชโก้ ตัวแสบของ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลุนญ่าผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาได้โดยการเสียประตูไปเพียง 3 ลูก และยังโดนเจาะไข่แดงในลาลีกา ไปเพียง 16 ลูกจากการแข่งขัน 31 นัด มากกว่า แอตเลติโก มาดริด แค่ทีมเดียวเท่านั้นที่โดนไป 15 ลูก นับว่าภายใต้การนำของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กลายเป็นทีมที่มีแนวรับแข็งแกร่งเป็นลำดับต้น ๆ ของยุโรป แต่ทว่าเมื่อต้องรับมือกับกองหน้ายักษ์ใหญ่ชาวบอสเนีย แนวรับของ บาร์ซ่า ก็พังทลายตั้งแต่เริ่มเกมไม่กี่นาที ตามด้วยการเรียกจุดโทษของ เชโก้ ให้ทีมได้ประตูที่ 2 และพลิกกลับมาเข้ารอบสำเร็จ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ บัลเบร์เด้ กังวลอย่างมากกับความอันตรายของหอกรายนี้ แต่ท้ายที่สุดก็หยุดเขาไม่อยู่ 5. เด รอสซี ผู้สานต่อตำนานเจ้าชายหมาป่า สัญญาฉบับปัจจุบันของ ดานิเอเล่ เด รอสซี จะหมดลลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลหน้าหลังจากรับใช้ทัพจัลโลรอสซี่มาอย่างยาวนานถึง 18 ปี กาลเวลาอาจทำให้เขาร่วงโรยไปตามวันทว่าเลือดนักสู้ความเป็นหมาป่าในตัวยังมีอยู่เต็มเปี่ยม แม้ว่าในนัดแรกเขากลายเป็นแพะที่ต้องมารับผิดชอบจากการทำเข้าประตูตัวเองเช่นเดียวกับ มาโนลาส แต่วันนี้กัปตันทีมวัย 34 ปีทำแอสซิสต์ในประตูเบิกร่องของทีมจากสถิติจ่ายบอลคีย์พาส 2 ครั้ง ก่อนที่จะเป็นผู้สังหารจุดโทษเป็นประตูที่ 2 ของทีม ก่อนจบด้วยหนึ่งในการคัมแบ็คที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ลีก อีกทั้งยังเป็นการพา โรม่า ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline