logo-heading

เชื่อว่าปีนี้คงมีแต่ความทรงจำดีดีให้เหล่าเดอะค็อปได้จดจำ วันนี้ขอบสนามจะพาไปไล่เรียง 10 โมเม้นต์เด่น ๆ ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ก่อน ลิเวอร์พูล จะผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

1. เริ่มใหม่อีกครั้ง หลังจากต้องผิดหวังในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยพ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเพียง 1 คะแนนเท่านั้น กลายเป็นทีมที่เก็บได้ถึง 97 แต้ม แต่ไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่รอคอยมาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด พรีเมียร์ลีก คือถ้วยที่เหล่าเดอะค็อปอยากสัมผัสมากที่สุด ลิเวอร์พูล ต้องทิ้งความผิดหวังเอาไว้และเดินหน้าต่อ โดยพวกเขาประเดิมฤดูกาลใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม 2019/2020 ถล่ม นอริช ซิตี้ ไปขาดลอย 4-1 เก็บ 3 คะแนนได้อย่างสวยหรูในการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 2. การบาดเจ็บของ อลิสซอน ก่อนหน้าที่จะเริ่มฤดูกาลใหม่ ลิเวอร์พูล ได้เซ็นสัญญา อาเดรียน ซึ่งเป็นนักเตะไร้สังกัดหลังหมดสัญญากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาร่วมทีมแบบฟรีค่าตัว แทนที่ ซิมง มิโญเล่ต์ ที่ย้ายออกไป โดยมอบสัญญา 2 ปี จนถึงปี 2021 และถือเป็นโชค โอกาส และวาสนาของ อาเดรียน ที่เพิ่งย้ายเข้ามาร่วมทีม เจ้าตัวได้โอกาสลงสนามเฝ้าเสาเป็นตัวจริงหลังจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์ ได้รับบาดเจ็บในเกมพรีเมียร์ลีก เปิดฤดูกาล พบ นอริช ซิตี้ ก่อนกลายเป็นฮีโร่ช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ โดยในฤดูกาลนี้ อาเดรียน ได้ลงทำหน้าที่แทน อลิสซอน 18 เกมรวมทุกรายการ ก่อนเป็นขุนพลชุดประวัติศาสตร์แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ ลิเวอร์พูล เป็นอีกหนึ่งแข้งที่อาจไม่ใช่ตัวหลัก แต่ปิดทองหลังพระ ช่วยพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกอีกราย อาจจะไม่ได้เพอร์เฟ็คต์แต่มาช่วย ลิเวอร์พูล ได้ทันเวลา เพราะไม่มีเขาหลายเกมในลีก ลิเวอร์พูล อาจจะทำแต้มหล่นไปแล้ว 10 โมเม้นต์เด่นของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ 3. คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ แชมป์ที่ 2 ของปี 2019 ลิเวอร์พูล ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กลับมาเยือนอิสตันบูลอีกครั้ง โดยรอบนี้เป็นการแข่งขัน ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ พบกับ เชลซี แชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก โดย ลิเวอร์พูล ได้ฮีโร่ในเกมนี้ก็คือ อาเดรียน นั่นเอง เขากลายเป็นฮีโร่ของเกม หลังโชว์เซฟจุดโทษ พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2019 ดวลจุดโทษชนะ เชลซี ไปได้ 5-4 หลังในเวลา 120 นาที เสมอกัน 2-2 นับเป็นแชมป์รายการนี้สมัยที่ 4 ของสโมสร ก่อนเดินทางกลับมาสู้ในศึก พรีเมียร์ลีก ต่อ 4. ราชาการคัมแบ็ก ในเกมพบ แอสตัน วิลล่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2019 ลิเวอร์พูล เกือบทำแต้มหล่น แต่ทว่าเป็น ซาดิโอ มาเน่ ที่มาทำประตูชัยในนาทีสุดท้ายช่วยให้ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก เก็บชัยชนะสุดตื่นเต้นเหนือ แอสตัน วิลล่า 2-1 ใน พลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังในตอนแรก ถือเป็นครั้งที่สองในหนึ่งสัปดาห์ที่ ลิเวอร์พูล กลับมาชนะได้ จากเป็นฝ่ายตามหลังและนำจ่าฝูงต่อไป ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น พวกเขาเพิ่งคัมแบ็กแบบเดียวกันในเกมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยโดนนำเร็วแต่พลิกมาแซงชนะได้ 2-1 ที่แอนฟิลด์ 5. แชมป์สโมสรโลก ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ พรีเมียร์ลีก จะฟาดแข้งกันถี่ยิบ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เองมีโปรแกรมที่หนักกว่าชาวบ้าน เพราะต้องเดินทางไป กาตาร์ เพื่อทำศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ขนาดถึงกับต้องแบ่งทีมเป็น 2 ชุด ให้ชุด U23 ลงเล่นในฟุตบอลถ้วยในประเทศ และชุดใหญ่เต็มอัตราศึกเดินทางไปลุยสโมสรโลกเลยทีเดียว แน่นอนว่าพวกเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมประกาศศักดาคว้าแชมป์สโมสรโลกสมัยแรกของสโมสรได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ ฟลาเมงโก้ ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 6. บ็อกซิ่งเดย์อันตราย สิ่งที่น่ากังวล คือการที่ ลิเวอร์พูล ต้องพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังเดินทางกลับมาจากการชิงแชมป์สโมสรโลก และเป็นการออกไปเยือนด้วย มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า เลสเตอร์ ซิตี้ นี่แหละจะมาดับซ่า ลิเวอร์พูล ซึ่งอาจจะแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลในเกมนี้ เพราะการเดินทางที่เหนื่อยล้า แต่ทว่าผลงานกลับตรงกันข้าม ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มสมกับเป็นแชมป์สโมสรโลกบุกไปดับฝัน เลสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 4-0 แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ฤดูกาลนี้พร้อมแล้วสำหรับการคว้าแชมป์ ก่อนผ่านบ็อกซิ่งเดย์ โดยไม่ทำแต้มหล่นเลยแม้แต่คะแนนเดียว นับเป็นฟอร์มที่สุดยอดของลูกทีม คล็อปป์ แฟน ลิเวอร์พูล ต่างมั่นใจว่าปีนี้แหละพวกเขาจะได้สิ่งที่ต้องการหลังรอคอยมายาวนาน 10 โมเม้นต์เด่นของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ 7. ผ่านแดงเดือดเพื่อเป็นแชมป์ เกมแดงเดือดในลีกเกมที่ 2 ของฤดูกาล ลิเวอร์พูล กลับมาเป็นฝ่ายเปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริตลอดกาลในลีก หลังจากที่นัดแรกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด กินกันไม่ลงเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มา 1-1 ซึ่ง ลิเวอร์พูล ยังคงฟอร์มร้อนแรง จบเกมเปิดรัง แอนฟิลด์ ทุบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 โดยได้ประตูชัยจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บ 3 คะแนนมี 64 แต้ม ทิ้งห่างรองจ่าฝูง เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปถึง 16 แต้ม และทิ้งห่าง แมนยู ที่อยู่อันดับ 5 มี 34 แต้มออกไปแล้ว 30 คะแนน เป็นสัญญาว่าฤดูกาลนี้พวกเขาไม่ได้มาลงเล่นเพื่อสุขภาพ แต่จะทำให้การรอคอยสิ้นสุดลง 8. โควิด ป่วน เข้าสู่เดือนมีนาคม ลิเวอร์พูล เปิดหัวเดือนด้วยการบุกไปพ่าย วัตฟอร์ด 0-3 เป็นความพ่ายแพ้หนแรกในฤดูกาลนี้ แต่ไม่มีผลอะไร พวกเขายังคงนำจ่าฝูงตารางคะแนน ก่อนที่เกมถัดมาจะมาคืนฟอร์ม เอาชนะ บอร์นมัธ ไปได้ 2-1 ในแอนฟิลด์ ขยับใกล้แชมป์ลีกไปทุกที เหลือเก็บอีกเพียง 6 คะแนนโดยไม่ต้องสนใจคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาก็จะเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่เกมกับ บอร์นมัธ กลายเป็นเกมลีกเกมสุดท้ายในเวลานั้น เนื่องจากการระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ยากจะควบคุม ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแบบรวดเร็ว เป็นเหตุให้ท้ายที่สุดฟุตบอลต้องหยุดเตะไปเป็นเวลา 3 เดือน ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นโมฆะ และไม่สามารถกลับมาแข่งขันต่อได้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเดือนมิถุนายน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ก็คัมแบ็กกลับมาเตะต่อได้ ลิเวอร์พูล กลับมาประเดิมสนามอีกครั้งในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ด้วยผลเสมอ แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไร แค่เลื่อนการฉลองแชมป์ออกไปจากเดิมเท่านั้น 10 โมเม้นต์เด่นของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ 9. ผลงานสุดสะเด่าที่ไม่มีคนดู ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมที่ 2 ในรอบ 3 เดือนหลังจากหยุดเตะไป ในสนามแอนฟิลด์ แบบไร้ผู้ชม แม้จะหยุดเตะไปนาน กลับมาทำได้เพียงเสมอ แต่เครื่องแค่ร้อนช้าเท่านั้น ลิเวอร์พูล กลับมาโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในแบบฉบับเครื่องจักรสีแดงร้อนแรงอีกครั้ง ด้วยการถล่ม คริสตัล พาเลซ ไปถึง 4-0 พร้อมกับการถือถ้วยแชมป์เอาไว้ข้างหนึ่ง การรอคอยใกล้สิ้นสุดลงไปทุกที ไม่ว่าโควิดก็ไม่สามารถมากั้นได้ 10. สิ้นสุดการรอคอย เดินทางมาถึงวินาทีประวัติศาสตร์ ทุกอย่างสิ้นสุดลง หลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปราชัยให้กับ เชลซี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ทันที โดยไม่มีอะไรมากั้น แม้ว่าจะเหลือการแข่งขันอีกถึง 7 นัด แต่ทว่าคะแนนของพวกเขาขาดจากอันดับที่ 2 อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียบร้อยแล้ว สิ้นสุดการรอคอย 30 ปี เหล่าเดอะค็อปทั้งที่อังกฤษและทั่วโลกต่างออกมาฉลองแชมป์กันอย่างยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่การระบาดของไวรัสยังไม่หมดไป ทำให้แฟน ลิเวอร์พูล ยังคงต้องรักษากฎและระยะห่างเอาไว้ฉลองได้ไม่เต็มที่นัก แต่ถึงแม้จะไม่เต็มที่กันมาก แต่ภาพที่ออกมาก็เป็นความยิ่งใหญ่ และโมเม้นต์สุดประทับใจคุ้มค่าแก่การรอคอยมายาวนาน 30 ปี ภาพน้ำตาของ คล็อปป์ กัปตันทีม ภาพความสุขของเหล่านักเตะที่ทุ่มเทมาตลอดทั้งฤดูกาล สร้างซีซั่นสุดพิเศษเพื่อแฟนบอล และพาสโมสรกลับมาผงาดบนบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดในอีกครั้ง และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของยุคเครื่องจักรสีแดงยุคใหม่ ภายใต้การนำทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พวกเขาไม่หยุดเพียงเท่านี้และพร้อมที่จะล่าแชมป์ต่อไปในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

logoline