16 ปีแห่งความหวัง! ย้อนเรื่องราวความเศร้า และเรื่องน่ายินดีของ ลีดส์ ยูไนเต็ด
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับเหล่าสาวก ลีดส์ ยูไนเต็ด กันก่อนเลยนะครับ สำหรับการได้เลื่อนชั้นกลับมายังลีกสูงสุดแห่งอังกฤษอีกครั้ง หลังร่วงหล่นไปอยู่ในลีกนานกว่า 16 ปี
ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวพวกเขาต่างต้องผ่านเรื่องราวมากมายทั้งสมหวัง และผิดหวังมาอย่างมากมาย ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยจะพาทุกท่านไปย้อนชีวิตของ “ยูงทอง” ตัวนี้กันหน่อยว่าต้องผ่านอุปสรรคอะไรบ้าง กว่าจะกลับมายืนในจุดเดิมนี้อีกครั้ง
ย้อนเรื่องราวฤดูกาลที่ตกชั้น
ชื่อของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่เริ่มต้นของศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งเรื่องราวระหว่างนั้นพวกเขาได้สร้างความยอดเยี่ยมไว้ได้อย่างมากมาย รวมไปถึงปลุกปั้นนักฟุตบอลขึ้นมาประดับวงการหลายคน จนกระทั่งเดินทางมาถึงฤดูกาล 2003-04 สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมันก็เกิดขึ้นจนได้
ลีดส์ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลด้วยอันดับ 19 เก็บได้ 33 คะแนน จาก 38 นัด แน่นอนพวกเขาต้องตกชั้นสู่ศึกเดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ อังกฤษ พร้อมน้ำตาของแฟนบอลผู้จงรักภักดี ซึ่งนั้นเปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของทีมจากยักษ์ใหญ่ของประเทศ สู่ทีมระดับล่างของอังกฤษแบบไม่ทันตั้งตัว นักเตะชื่อดังหลายคนจำเป็นต้องเก็บกระเป๋าย้ายออกจากทีมไม่ว่าจะเป็น อลัน สมิธ (ไป แมนฯ ยูไนเต็ด), เจมส์ มิลเนอร์ (ไป นิวคาสเซิ่ล), มาร์ค วิดูก้า (ไป มิดเดิลสโบรห์) หรือ พอล โรบินสัน (ไป ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์)
ชีวิตในลีกล่าง
อย่างที่บอกไปว่าพลันที่พวกเขามีอันต้องตกชั้นไปเริ่มต้นใหม่ในลีกระดับ 2 ของประเทศ ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา เพราะนอกจากจะต้องปล่อยแข้งชื่อดังออกไปเพื่อเอาเงินเข้าคลังสโมสร ทีมก็ต้องหานักเตะเกรดรองลงมาเพื่อแต่งเติมทีมให้กลับไปยืนในจุดเดิมให้ได้อีกครั้ง แต่ทว่าดูเหมือนสิ่งที่คิด สิ่งฝัน มันจะสวนทางกับชีวิตจริงเหลือเกิน
ชีวิตของเจ้า "ยูงทอง" ตัวนี้ดูเหมือนจะดำดิ่งมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะมีช่วงได้โอกาสเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นแต่นั้นเหมือนภาพลวงตาเสียมากกว่า เพราะเมื่อเวลาเดินผ่านไปถึงช่วงฤดูกาล 2006-07 วิกฤตครั้งใหญ่คือพวกเขามีต้องหล่นตกชั้นไปสู่ลีก วัน หรือลีกอาชีพระดับ 3 ของประเทศ ซึ่งพวกเขาต้องเวียนว่ายอยู่ในลีกนี้นานถึง 3 ฤดูกาล กว่าจะไต่เต้าขึ้นมาหายใจยัง เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ อีกครั้ง
ซึ่งนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาพวกเขาก็แทบไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้คำว่าพรีเมียร์ลีก ดีสุดคือการจบอันดับที่ 7 ก่อนที่การเข้ามาของ มาร์เชโล่ บิเอลซ่า ในช่วงปี 2018 ที่ทำให้พวกเขาได้พอลืมตาอ้าปากได้โอกาสเพลย์ออฟเมื่อฤดูกาลที่แล้วหลังจบที่ 3 แต่ต้องพลาดท่าให้แพ้ ดาร์บี้ อดเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดแต่ความพยายามนั้นยังคงเดินหน้าต่อไป
ขวบปีที่สุขสมหวัง
ภายหลังขยับเข้าใกล้กับเป้าหมายมากยิ่งขึ้น มาร์เชโล่ บิเอลซ่า กุนซือของทีมก็เดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ความหวัง และความฝันของทุกคนของสโมสรเป็นจริงสักที ซึ่งมันก็เป็นไปตามแผนงานทุกอย่างในช่วง 22 เกมแรกของซีซั่น ลีดส์ พ่ายแพ้ไปเพียง 3 นัดเท่านั้น พร้อมกันนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งพวกเขาไร้พ่ายติดต่อกันมากถึง 11 นัด ซึ่ง 7 จาก 11 นั้นคือการเก็บชัยติดต่อกัน
จนแล้วจนรอด 17 กรกฎาคม 2020 หลังความฝันที่ร่วมกันฝ่าฝันมานานมันก็บรรลุผล ลีดส์ ยูไนเต็ด การันตีการเลื่อนชั้นกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ 16 ปี ปิดฉากการรอคอยของแฟนบอล และบรรลุเป้าหมายที่ทุกคนต่างพยายามรวมใจกันไม่ว่าทีมจะอยู่ในสถานะไหน หรือว่าลีกอะไรลงเป็นที่เรียบร้อย
กว่าจะเจอคนที่ใช่
ย้อนกลับไปฤดูกาลที่พวกเขาตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกนั้นเกิดขึ้นจากฝีมือของ เอ็ดดี้ เกรย์ ซึ่งหลังจากวันนั้นจนกว่าจะกลับมายืน ณ จุดเดิมในวันนี้พวกเขาต้องผ่านการปรับเปลี่ยนกุนซือมากถึง 21 คน แบ่งเป็นกุนซือแบบถาวร 15 คน โดยเรื่องราวระหว่างนั้นกว่าจะมาเจอ บิเอลซ่า ทีมเคยผ่านมือกุนซือชื่อดังที่แฟนบอลรู้จักกันดีหลายคนไม่ว่าจะเป็น นีล วอคเนอร์ค, มาร์โก มิลานิช, สตีฟ อีแวนส์ หรือ แกรี่ มังค์
จนกระทั่งมาจนถึงมือขอ มาร์เชโล่ บิเอลซ่า ในช่วงซัมเมอร์ 2018 เชื่อว่าตอนนั้นที่ทั้งคู่ตกลงปลงใจกัน แฟนบอลหลายคนคงคิดสงสัยเหมือนว่าทำไมอาจารย์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้นี้ถึงกล้ามารับงานในลีกล่างแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวต่างรับงานสโมสรหนือทีมชาติชั้นนำมาทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ทีมชาติอาร์เจนติน่า, แอธ.บิลเบา, โอลิมปิก มาร์เซย์ หรือ ลาซิโอ และแน่นอนด้วยประสบการณ์แบบโชกโชน บิเอลซ่า ได้เสกให้สโมสรแห่งนี้เล่นฟุตบอลเกมรุกบุกอย่างสวยงาม พร้อมกับผลที่ออกมาเป็นที่ต้องการของทุกคน จะว่าไปแล้วสถานะของ บิเอลซ่า กับ ลีดส์ ในตอนนี้คงไม่ต่างจากฮีโร่ และอีกหนึ่งกุนซือระดับตำนานของสโมสร
เปลี่ยนเจ้าของถึง 5 คน
ในห้วงเวลาที่เจ้า "ยูงทอง" ต้องไปโลดแล่นอยู่ในลีกล่างพวกเขาต้องเปลี่ยนหัวเรือ หรือเจ้าของสโมสรมากถึง 5 คนด้วยกันประกอบไปด้วย เจอรัลด์ คราสเนอร์, เค็น เบตส์แมน, ซาลาห์ นูรุดดิน, มัสซิโม เซลลิโน่ จนกระทั่งมาอยู่ในมือของ อันเดรีย ราดริซซานี นักธุรกิจชาวอิตาลี ที่เจ้ามาฮุบกิจการของทีมช่วงปี 2017 ก่อนวางรากฐานบวกเงินลงทุนลองผิดลองถูก จนสามารถพาทีมก้าวขึ้นมายังจุดนี้ได้อีกครั้ง
สุดท้ายเชื่อว่าการกลับมาในครั้งนี้ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด น่าจะเรียกความทรงจำของแฟนบอลยุค 90 ได้เป็นอย่างดี จากเอกลักษณ์ที่สวยงามในอดีต รวมไปถึงความสำเร็จที่พวกเขาเคยรังสรคค์เอาไว้
แต่เหนือสิ่งอื่นใดนี่คือบทเรียนชั้นครูที่จะคอยบ่งบอกสโมสรต่างๆ ว่าต่อให้ยิ่งใหญ่ และชื่อเสียงมากมานขนาดไหนก็สามารถก้าวลงมาสู่จุดต่ำจุดได้ และแน่นอนวันที่ล้มลงกำลังใจจากผู้คนรอบข้างยังคงสำคัญเสมอ
- PAOLINHO (เปา ขอบสนาม) -