logo-heading
เป็นอันปิดฉากฤดูกาลที่สวยงามของ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากบุนเดสลีกา เยอรมัน หลังจากคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-0 ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ฤดูกาลนี้ หลังจากก่อนหน้านี้คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน, และ เดเอฟเบ-โพคาล มาครองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการค้าทริปเปิ้ลแชมป์ในหนนี้ ทำให้ เสือใต้ กลายเป็นทีมที่ 2 ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ 2 สมัยต่อจาก บาร์เซโลน่า อีกด้วย วันนี้ขอบสนามจะพาไปย้อนดูไทม์ไลน์ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล จนกระทั่งจบด้วยการเป็นเจ้ายุโรปของ บาเยิร์น มิวนิค ต้องบอกเลยว่าเส้นทางของพวกเขาในฤดูกาลนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย เส้นทางสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค เสริมทัพก่อนเปิดฤดูกาล ย้อนกลับไปเมื่อช่วงท้ายฤดูกาล 2018/19 บาเยิร์น มิวนิค ต้องเสียแข้งระดับซีเนียร์ออกจากทีมไปพร้อมกันถึง 3 คน ได้แก่ อาร์เยน ร็อบเบน, ฟร้องค์ ริเบรี่ และ ราฟินญ่า ที่ต่างแยกย้ายไปตามทางของแต่ละคน รวมไปถึงการปล่อย มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ กลับไปร่วมทัพเก่าอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เรนาโต้ ซานเชซ ที่ถูกขายขาดไปให้ ลีลล์ ที่ค่าตัว 20 ล้านยูโร ส่วนทางฝั่งขาเข้าบอร์ดบริหารของ บาเยิร์น มิวนิค ก็เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียวไล่ ตั้งแต่ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ที่ไปสอยมาจาก สตุ๊ตการ์ท ด้วยจำนวน 35 ล้านปอนด์ นอกจากนั้นยังไปจ่ายค่าฉีกสัญญาของ ลูกัส แอร์กน็องเดซ จาก แอตเลติโก มาดริด ด้วยราคา 80 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อนักเตะแพงที่สุดของสโมสรอีกด้วย ก่อนที่จะยืม 2 แข้งมากประสบการณ์อย่าง อิวาน เปริซิซ มาจาก อินเตอร์ มิลาน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จาก บาร์เซโลน่า มาผนึกกำลังในแนวรุกให้ยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม เส้นทางสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ได้ดี 6 นัดแรก ถึงแม้ว่าการเปิดหัวนัดแรกในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาล 2019/20 จะไม่ค่อยสวยงาม เพราะทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2-2 แต่ทว่าหลังจากนั้นผลงานของลูกทีม นิโก้ โควัช ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น และไล่ถล่มตาข่ายคู่แข่งเป็นว่าเล่นไล่ตั้งแต่ บุกไปถล่ม ชาลเก้ 3-0, เปิดบ้านขย้ำ ไมนซ์ 6-1 ก่อนบุกไปเก็บ 1 คะแนน จากถิ่นของทีมฟอร์มแรงอย่าง แอลเบ ไลป์ซิก ในนัดที่ 4 ของฤดูกาล ก่อนที่ในอีก 2 นัดถัดมาพวกเขาก็จะเก็บ 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะเหนือ เอฟซี โคโลญจน์ และ พาเดอร์บอน เท่ากับว่าผ่าน 6 นัดแรกของซีซั่นนี้ทัพ บาเยิร์น มิวนิค เก็บไปได้ 14 คะแนน พร้อมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแต่เพียงผู้เดียว และยังคงไม่พ่ายแพ้ให้กับทีมใด เส้นทางสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค ต้องพบกับจุดเปลี่ยนสำคัญ การออกสตาร์ท 6 นัดแรกของ บาเยิร์น มิวนิค ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมในระดับหนึ่ง แต่ทว่าดูเหมือนจุดเปลี่ยนของพวกเขาจะมาอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่ตั้งตัวกันแทบไม่ทัน เพราะเพียงแค่นัดที่ 7 ความพ่ายแพ้ก็มาเยือนพวกเขาจนได้นั้นก็คือการเล่นในบ้านพ่ายให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-2 หลังจากนั้นก็สดุดต่อเนื่องด้วยการบุกไปเสมอกับ เอาก์สบวร์ก 2-2 ก่อนที่จะแก้ตัวได้สำเร็จด้วยชัยชนะเหนือ ยูเนียน เบอร์ลิน 2-1 ซึ่งต้องบอกว่าสถานการณ์ในทีมตอนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ และมีข่าวลือหลุดออกมาว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือหลังนักเตะเริ่มไม่พอใจกับวิถีทางของ นิโก้ โควัช สักเท่าไหร่ แน่นอนว่าข่าวดังกล่าวมันเหมือนตอกย้ำด้วยสกอร์ภายหลังลงเล่นเกมนัดที่ 10 ในการบุกไปเยือน ไอน์ทรัค แฟร้งเฟิร์ต เพราะในเกมดังกล่าว เสือใต้ แพ้เละเทะด้วยสกอร์ 5-1 ซึ่งนั้นเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ นิโก้ โควัช จนสุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไป hansi flick ฮานซี่ ฟลิค ผู้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ เชื่อว่าตอนแรกที่ทาง บาเยิร์น มิวนิค ได้แต่งตั้งให้ ฮานซี่ ฟลิค ขึ้นมารักษาการนั้นแฟนบอลส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้รู้จัก หรือชื่อของเขาอาจไม่ได้คุ้นหูมากเท่าไหร่ โดย ฟลิค เข้ามาทำงานกับทัพ เสือใต้ ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฏาคม ปี 2019 ซึ่งตำแหน่งของเขาก็คือการเป็นมือขวาให้กับ นิโก้ โควัช แน่นอนว่าด้วยผลงานในช่วงที่ ฮานซี่ ฟลิค รักษาการกุนซือ ทำได้ยอดเยี่ยมดูมีแววพาทีมกลับไปเฉิดฉายได้ทางบอร์ดบริหารก็เลยจัดการประกาศเซ็นสัญญา พร้อมขึ้นรับตำแหน่งกุนซือแบบถาวร ซึ่งสาเหตุสำคัญของมาจากการทำทีมที่เน้นไปที่ฟุตบอลเกมรุกที่จัดจ้าน ในสไตล์คล้ายกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แม้มันอาจมีช่วงกระท่อนกระแท่นไปบ้างแพ้ 2 นัดติดช่วงเกมลีกนัดที่ 13 และ 14 แต่มันก็แค่ลมมรสุมเล็กน้อย เพราะหลังจากนั้นมันก็ไม่มีทีมไหนที่จะมาปราบพวกเขาได้อีกเลย Bayern ไร้พ่าย 18 นัดติด นับตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ที่ บาเยิร์น มิวนิค บุกไปพ่าย โบรุสเซีย มึนเซ่นกลัดบัค ด้วยสกอร์ 2-1 โดยเกมนัดเท่ากับนัดที่ 14 ของศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ซึ่งจวบจนเกมล่าสุดพวกเขาก็สะกดคำว่า พ่ายแพ้ ไม่เป็นอีกเลย เป็นจำนวน 18 นัดติดต่อกันแล้ว โดยในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นชัยชนะ 17 นัด สะดุดเสมอกับ แอร์เบ ไลป์ซิก เพียงนัดเดียวเท่านั้น ซึ่งจุดนี้เองทำให้พวกเขาสามารถเร่งสปีดแซงทีมนำพวกเขาจนก้าวขึ้นมาคว้าถามแชมป์ไปครองได้สำเร็จ และยังคงลุ้นสร้างสถิติต่อไปในอีก 2 เกมทีเหลือของฤดูกาล แน่นอนเครดิตตรงนี้ส่วนหนึ่งต้องยกให้กับ ฮานซี่ ฟลิค เพราะการเข้ามาของเขาได้เปลี่ยนแปลงพี่เสือตัวนี้ให้กลับมาแข็งแกร่งแบบไร้เทียมทานอีกครั้งด้วยระยะเวลาเพียงไม่นาน นอกจากนั้นนี่ยังเป็นโทรฟี่แชมป์แรกของเขาในฐานะเฮดโค้ชอีกด้วย บาเยิร์น กวาดแชมป์ในประเทศ ย้อนกลับไปตั้งแต่ฤดูกาล 1963/64 ยังไม่เคยมีสโมสรไหนที่สามารถกวาดแชมป์ลีกแบบรวดเดียว 8 ปีซ้อน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของศึกบุนเดสลีกา และ บาเยิร์น มิวนิค เพราะที่ผ่านมาทัพ เสือใต้ มักทำได้มากที่สุดนั้นก็คือ 3 สมัยซ้อน และแน่นอนในฤดูกาลหน้าพวกเขายังคงถูกยกเป็นเต็ง 1 ที่จะมีโอกาสเถลิงบัลลังก์แชมป์ และพร้อมยืดสถิติเป็นแชมป์ 9 สมัยซ้อนอีกด้วย ซึ่งหลังจากปิดฉากฤดูกาลเกมลีกด้วยการคว้าถาดแชมป์ พวกเขาก็เดินหน้ากวาดแชมป์ในประเทศอย่าง เดเอฟเบ-โพคาล มาครอง ด้วยการกระซวก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 4-2 ผงาดคว้าแชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล ได้สำเร็จ ถึงตรงนี้พวกเขากลายเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ เส้นทางสู่ทริปเปิ้ลแชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค ประกาศศักดาเจ้ายุโรป หลังจากสมหวังในการคว้าแชมป์ในประเทศ พวกเขาก็ลุยต่อในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งต้องบอกว่าเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาในรายการถ้วยนี้ ไล่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มที่เก็บได้ 18 แต้มเต็ม ก่อนรอบ 16 ทีมจะบุกไปถล่ม เชลซี ถึงถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ 3-0 และแม้ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคในเรื่องของ โควิด-19 แพร่ระบาด จนทำให้ฟุตบอลต้องหยุดพักและมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นแบบนัดเดียวจบก็ตาม ก็ไม่สามารถหยุดความแรงของ เสือใต้ ได้ หลังจากกลับมาเตะได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พวกเขาเขี่ย เชลซี ร่วงด้วยสกอร์รวม 2 นัด ถล่มทีมจากอังกฤษไป 7-1 จากนั้นพวกเขาก็เดินหน้าตบยักษ์ใหญ่ ลาลีกา สเปน อย่าง บาร์เซโลน่า ไป 8-2 ก่อนที่จะถล่ม โอลิมปิก ลียง 3-0 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ  ในรอบชิงชนะเลิศ บาเยิร์น มิวนิค เฉือนชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-0 แม้จะมีประตูเกิดขึ้นเพียงประตูเดียวในรอบชิงชนะเลิศ แต่เป็นเกมที่สนุกสุดมันส์เปิดเกมรุกแลกกันสนุกคุ้มค่าการรอคอยของแฟนบอล นั่นทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ไร้พ่ายและเก็บชัยชนะได้ทุกเกมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประกาศศักดาคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 อย่างยิ่งใหญ่ ตอกหน้าการโดนแฟนบอลบางส่วนที่มักบอกว่า บุนเดสลีกา เป็นลีกบอท แต่พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งจริง ๆ และคู่ควรกับการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ ยินดีด้วยอีกครั้งกับ ทริปเปิ้ล แชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทางไลน์
logoline