logo-heading

จบไปเรียบร้อยสำหรับศึกบิ๊กแมตซ์ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สัปดาห์นี้ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเจอกับ อารืเซน่อล ซึ่งผลที่ออกมาก็ถือว่าพลิกล็อคเล็กๆ "ไอ้ปืนใหญ่" สามารถบุกมาสยบ "ปีศาจแดง" ได้ถึงถิ่น 1-0 ประตู ส่วนประเด็นที่น่าสนใจในกมนี้จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลย

การจัดทีม

  เกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจใช้ระบบ 4-3-1-2 ที่ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้ โดยหวังจะเน้้นเกมตรงกลางให้แน่น ต่อบอลกันตรงกลางไม่ต้องออกช้างมากมาย ซึ่งใช้ ปอล ป็อกบา เล่นร่วมกับ เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่กำลังท้อปฟอร์ม หน้าต่ำก็เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดส สอดประสานกับคู่กองหน้า มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็มาแบบกึ่งรับกึ่งสู้ดูเชิง จะ 3-4-3 ก็ไม่ใช่ จะ 5-4-1 ก็ไม่เชิง แต่ตัวความหวังก็คือ 3 ประสาน โอบาเมยอง, วิลเลี่ยน และ ลากาแซตต์ แต่เอาจริงๆ ที่เซอร์ไพร้ส์คือกองกลาง การจับคู่กันของ โธมัส ปาร์เตย์ กับ เอลเนนี่ แม่งดีเชี่ยๆ ต่างคนต่างขยันวิ่งไล่บู๊ดุดันเพรสซิ่ง  

อาร์เซน่อล เริ่มต้นได้ดีกว่าชัดเจน

  ซึ่งไอ้กองกลาง 2 ตัวนั้นที่ที่บอกไปนี่แหละคือจุดที่ทำให้ อาร์เซน่อล เริ่มต้นเกมได้ดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจน แม้จะมาในฐานะผู้มาเยือน แถมสถิติการมาเยือนที่นี่ก็ไม่ดีด้วย เพราะหากย้อนกลับไป 13 ครั้งหลังสุดที่ทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" บุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่เคยได้ชัยชนะกลับไปเลย แพ้ 8 เสมอ 5 เรียกได้ว่าเป็นบอลแพ้ทางชัดๆ ทว่าเกมนี้พี่แกมาสู้เต็มที่วิ่งไล่บู๊บดบี้จน ผีแดง ไปแทบไม่เป็น ครึ่งแรกครองบอลได้ดีกว่า หาโอกาสจะแจ้งได้แจ่มแจ๋วกว่า เข้าทำได้ดีกว่า เรีกยได้ว่าเหนือกว่าเจ้าบ้านแทบทุกกระบวนท่าขาดก็แค่ประตูขึ้นน้ำเท่านั้น

ครึ่งหลังหนังคนละม้วน

  เชื่อเลยว่าจบครึ่งแรก แฟนผีเกิน ร้อยละ 80 ต้องตะโกนด่าพ่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แน่ๆ เพราะแม่งจัดทีมส้นตีนอะไรก็ไม่รู้แผนมั่วซั่วไปหมด แล้วคุณพี่ก็เดินออกมาสั่งการอยู่ไม่กี่ทีแล้วก็กลับไปนั่งดูจออีกเหมือนเดิม มันช่างน่าหมั่นไส้ซะจริงๆ ทว่าช่วง 10-20 นาทีแรกของครึ่งหลัง โซลชา ก็ซื้อใจแฟนผี กลับมาได้อีกครั้ง เพราะโชว์กึ๋นเปลี่ยนแท็คติกกลับไปเล่น 4-2-3-1 ขยับ กรีนวู้ด มาเล่นปีกขวา ถ่าง ป็อกบา ไปเล่นทางซ้าย ซึ่งมันทำให้เกมไหลลื่นดูดีมากขึ้นจากครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด บุดอัดซัดใส่ ปืใหญ่ จนตั้งรับแทบไม่ทัน ทว่าจากรูปเกมที่มันกำลังดีๆ มีทรงอยู่มันก็เริ่มมาแย่ก็ตอนที่ โซลชา ตัดสินใจเปลี่ยน เฟร็ด ออก แล้วส่ง มาติช ลงมาเล่นแทน ซึ่งมันคือการเปลี่ยนตัวตามตำแหน่ง กึ่งไปทางเน้นรับมากขึ้นด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆ มันควรจะส่งตัวรุกหรือทำอะไรก็ได้ให้ อาร์เซน่อล ที่กำลังขวัญเสียเห็นว่า "กูเอานะ กูจะบุกใส่มึงละนะ" แต่การเปลี่ยน มาติช ลงมามันเหมือนกับแบบ เออโอเคยอม เสมอละกัน จบๆ ไป แต่มันกลายเป็นทำให้ อาร์เซน่อล กลับมาได้ใจ  

ป็อกบา มาทำพัง

  และแล้วสุดท้ายก็เป็นเรื่องจนได้ หลังจากเปลี่ยน เนมานย่า มาติช ลงมาได้ไม่กี่นาที รูปเกมของ แมนฯ ยู ก็เปลี่ยนไป ปืนใหญ่ เริ่มกลับมากล้าบุกใส่อีกครั้ง แล้วสุดท้ายก็เป็น ปอล ป็อกบา ที่ทำพลาดเข้าสกัดผิดจังหวะใส่ เบเยริน ในเขตโทษ เสียค่าโง่ไปชนิดไม่ต้องดู VAR เลย แล้วก็เป็น ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง กองหน้ากัปตันทีมรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดหยุดสถิติปืนฝืด 5 นัดติดได้สำเร็จ และมันก็เป็นประตูชัยทำให้ อาร์เซน่อล บุกมาเก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ และเป็นการบุกชนะทีมระดับ "Big Six" ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 29 เกม นับตั้งแต่ บุกชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-0 เมื่อปี 2015

การแก้เกมของ โซลชา

  หลังโดนขึ้นนำในนาทีที่ 69 มีเวลาให้ โซลชา แก้เกมอีก 20 กว่านาที ซึ่งรอไม่นานเท่าไหร่นาทีที่ 75 โซลชา ก็โชว์กึ๋นส่ง 2 แข้งเกมรุกอย่าง เอดินสัน คาวานี่ กับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค 2 นักเตะใหม่ในช่วงซัมเมอร์ลงเล่น ซึ่งเชื่อว่าแฟนๆ แมนฯ ยู ก็เห็นด้วย แต่ไอ้ที่ไม่เห็นด้วยคือ เห้ย มึงเอา เมสัน กรีนวู้ด กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส ออก!!! ไอสัส ทีมมึงตามหลังอยู่แท้ๆ ในบ้านตัวเอง เหลือเวลาไม่ถึง 20 นาที กลับเอาตัวความหวังอย่าง บรูโน่ ออกเนี่ยนะ มึงคิดส้นตีนอะไรอยู่    ซึ่งเอาจริงๆ ตอนที่ผมดูอยู่เนี่ย ผมก็ไม่เข้านะว่า โซลชา คิดอะไรอยู่ เพราะ บรูโน่ ก็ไม่ได้เจ็บ จะถอดไปพักรักษาความฟิตก็ไม่ใช่เรื่องสกอร์ยังไม่ได้โดนนำห่าง ฉะนั้นมันเรื่องของแท็คติกล้วนๆ เอาหละ เรามองแล้วหละว่าการเปลี่ยนไนี้มันไม่เวิร์ค แต่ก็ยังโลกสวยอยู่หวะว่าเห้ย เค้าเป็นถึงระดับโค้ชอาจจะเห็นอะไรที่เราไม่เห็น ถ้าสุดท้ายสามารถตามตีเสมอหรือพลิกแซงได้ การเปลี่ยนตัวครั้งนี้คืออะไรที่น่าจดจำมากๆ แต่โลกของความเป็นจริงมันไม่ใช่ ไอ้สัส ถอด บรูโน่ ไป ก็ไร้ตัวป้อนบอลให้ คาวานี่ แล้วมึงจะส่ง คาวานี่ ลงมาทำแมวน้ำอะไรไม่ทราบ นี่คือสิ่งที่แฟนผีตั้งคำถามกับความสามารถของ โซลชา ที่ได้เห็นจากการแก้เกมในนัดนี้ นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1972/73 อีกด้วย ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ทฤดูกาลโดยไม่ชนะใครในบ้านตัวเอง 4 เกมติด ซึ่งฤดูกาลนั้นพวกเขาจบอันดับที่ 18 ซะด้วย

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline