logo-heading

เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ซีเนอดีน ซีดาน กรุยทางผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แบบเป่าปาก เพราะต้องมาลุ้นนัดสุดท้าย ก่อนจะเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ได้สำเร็จ 2-0

จากเกือบจะตกรอบ ก่อนจะผ่านเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ของ มาดริด มีสถิติที่น่ารู้ โดยเฉพาะ คาริม เบนเซม่า ที่เหมาคนเดียว 2 ประตู ส่วน กลัดบัค ก็มากับดวง ถึงแม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ไปดูกันว่าเกมนี้มีอะไรให้น่าจดจำกันบ้าง

- มาดริด ไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่ม

ประทานโทษครับ ไม่ได้เป็นการล้อเลียน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่อย่างใด กระนั้นหลายๆคนอยากเห็น เรอัล มาดริด กระเด็นตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วงไปเล่น ยูโรปา ลีก รวมกับ ปีศาจแดง ทว่ามันมีโจทย์ที่ยากกว่านั้น เพราะ ราชันชุดขาว ไม่เคยปิ๋วรอบแบ่งกลุ่ม นับตั้งแต่ซีซั่น 1995-96 ข้อแม้เดียวของ มาดริด ที่ต้องเจอกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก็คือต้องเก็บชัยชนะ เพื่อโอกาสผ่านเข้ารอบ จริงอยู่ที่ ความกดดันจะต้องถาโถมเข้ามาหา "ราชันชุดขาว" แต่กระนั้นพวกเขาโชว์ให้เห็นถึงความเก๋าเกม ว่าถ้วยนี้ใครครอง ! มาดริด คือเจ้าพ่อ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสโมสรที่คว้าแชมป์รายการนี้มากสุด และ พวกเขาก็สามารถทำให้เห็นว่าสามารถผ่านด่านที่มีขวากหนามขวางกั้นไปได้อีกครั้ง ด้วยการเอาชนะ กลัดบัค 2-0 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ที่สำคัญเป็นที่ 1 ของกลุ่มเสียด้วย

- เบนเซม่า สวมบทฮีโร่

ในช่วงที่ มาดริด ฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย ก็มี คาริม เบนเซม่า หัวหอกชาวฝรั่งเศส ที่เป็นเหมือนตัวความหวังให้พึ่งพา และ ในเกมเจอกับ กลัดบัค ก็ต้องบอกว่าดาวยิงรายนี้ โชว์ฟอร์มให้เห็นแล้วว่า ในเกมสำคัญเขาเป็นนักเตะที่สามารถฝากผีฝากไข้ไว้ได้ เบนเซ่ม่า มีสถิติที่โคตรแจ่มในเกมเจอกับ กลัดบัค ทั้งยิง 7 ครั้ง แบ่งเป็นการซัดตรงกรอบ 4 ครั้ง, สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีม 5 ครั้ง แต่ที่มันสำคัญไปกว่านั้น ก็คือ เบนเซม่า เป็นคนทำประตูให้กับ มาดริด ถึง 2 ตุง พาทีมผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ แต่ถ้าบอกแบบนี้ มันคงจะดูธรรมดาไป หากจะเอาให้มันยิ่งใหญ่มากกว่านั้น ก็คือ เบนเซม่า ทำประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ไปแล้วถึง 51 ประตู เป็นรองเพียงแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 67 ประตู และ ลิโอเนล เมสซี่ 71 ประตู เท่านั้น เป็นสถิติที่โคตรไม่ธรรมดา

- โน รามอส โน ปาร์ตี้

ว่ากันตามตรง ผลงานของ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ควรจะต้องตกรอบด้วยซ้ำ เพราะด้วยสภาพทีม ที่มีแต่ตัวบาดเจ็บ ไม่มีผู้เล่นเสริมทัพเข้ามาแบบตัวเป้งๆ รวมไปถึง เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม ก็มาเจอกับปัญหาเดี้ยงเล่นงานไม่หยุดหย่อน และ การขาด รามอส ก็เหมือนทำให้ มาดริด ขาดใจไปด้วย เพราะการแข่งขัน รอบแบ่งกลุ่ม ที่ มาดริด ไม่มี รามอส พวกเขา แพ้ไป 2 จาก 3 เกม ให้กับ ชัคตาร์ โดเนตส์ค ทั้งไปและกลับ เรียกว่าสุ่มเสี่ยงต่อการตกรอบแบบสุดๆ อย่างไรก็ตาม อีก 3 เกมที่ รามอส ได้มีส่วนร่วม ต้องบอกเลยว่า ผลงานของทีม ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา เพราะ มาดริด สามารถเอาชนะได้ทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ ชนะ กลัดบัค 1 นัด พร้อมกับเสมออีก 1 นัด เรียกว่าถ้ามี รามอส ทีมไม่แพ้เลย และ นั่นเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ ราชันชุดขาว ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

- กลัดบัค มากับดวง

การพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด เท่ากับว่า โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ยอมรับต่อโชคชะตาว่าคงจะต้องร่วงไปเล่น ยูโรปา ลีก เป็นแน่แท้ เพราะว่าคู่ระหว่าง ชัคตาร์ โดเนตส์ค กับ อินเตอร์ มิลาน มีผลแพ้-ชนะ พวกเขาจะต้องร่วมตกรอบทันที แต่ไม่รู้ว่า กลัดบัค ไปทำบุญวัดไหนมา โชคชะตาถึงเป็นใจขนาดนี้ เพราะคู่ระหว่าง ชัคตาร์ โดเนตส์ค กับ อินเตอร์ มิลาน จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 กลับกลายเป็นว่า กลัดบัค มี 8 คะแนน เท่ากับ ชัคตาร์ โดเนตส์ค แต่กระนั้นเรื่อง เฮด-ทู-เฮด ของ สิงห์หนุ่ม ดีกว่า ชัคตาร์ อยู่หลายขุม เพราะชนะทั้งเหย้า-เยือน ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 10-0 ส่งผลให้ กลัดบัค เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม ไปหน้าตาเฉย ชนิดที่เหล่านักเตะเปิดไอแพดลุ้นผลคู่ของ ชัคตาร์ โดเนตส์ค กับ อินเตอร์ มิลาน โดย สิงห์หนุ่ม ผ่านเข้ารอบตามหลัง มาดริด ไปติดๆ ต่อให้แพ้นัดสุดท้าย แบบนี้เรียกว่า นอกจากฝีมือแล้ว ก็ต้องมีเรื่องของโชคดวงแบบนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
logoline