logo-heading

คงเป็นโมเมนท์ที่สาวก "หงส์แดง" กระโดดโลดเต้น จนลืมเวลาเช้ามืดไปเลย เพราะ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูชัย เฉือนเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ในช่วงที่กำลังจะครบ 90 นาที เป็น 3 แต้มแบบโคตรสำคัญ เพราะทำให้พวกเขาแซงหน้า "ไก่เดือยทอง" ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงเรียบร้อย

เกมนี้มีหลายประเด็นให้พูดถึง โดยเฉพาะ VAR ที่กลายเป็นของแสลง ลิเวอร์พูล อีกแล้ว รวมถึง สเปอร์ส ก็มีโอกาสที่จะซัดขึ้นนำด้วย แต่กลับทำไม่ได้กันเอง ฉะนั้นตามมาดูกันเลยว่า มีประเด็นอะไรเกิดขึ้นในเกมนี้บ้าง

- ซาลาห์ ช่วงนี้เขาฮอตจริงๆ

ลิเวอร์พูล ถือว่ายังมีฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอมากนัก โดยเฉพาะเกมนอกบ้าน ที่มักจะหลุดเสมออยู่บ่อยๆ อย่างเจอ ฟูแล่ม ก็ทำได้เพียงเจ๊า 1-1 แต่กระนั้น 1 ในนักเตะ ที่ยังคงยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง หนีไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะต่อให้จะยิงมาก ยิงน้อย จะมีชื่อของเขาอยู่บนสกอร์บอร์ดอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเกมเจอ "ไก่เดือยทอง" เพราะในขณะที่ หงส์แดง กำลังหาทางเจาะแนวรับคู่แข่งให้ได้ โม ซาลาห์ ก็เป็นคนทำประตูขึ้นให้กับทีมได้เสียที โดยเป็นการชิ่งทำเกมกันระหว่าง เคอร์ติส โจนส์ กับ ฟีร์มิโน่ ก่อนไหลมาให้ ซาลาห์ ซัดไปแฉลบคู่เซ็นเตอร์ "สเปอร์ส" ที่พยายามเอาตัวเข้ามาขวาง แต่กลับกลายเป็นดี เนื่องจากบอลเปลี่ยนทิศทาง ย้อยเข้าประตูไป ชนิดที่ อูโก้ ยอริส ได้แต่มองด้วยสายตา เท่ากับว่า ซาลาห์ ยิงให้กับ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 4 นัด ติดต่อกัน รวมทุกรายการ หากนับเฉพาะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ "อียิปต์ คิง" กดไปแล้ว 11 ประตู เป็นดาวซัลโวร่วม เห็นๆว่าหลายๆคนโชว์ฟอร์มไม่ออก แต่พอมีจังหวะดีๆ ก็ทำประตูได้เสมอ ฉะนั้นช่วงนี้จะขาดไปไม่ได้เลย

- สเปอร์ส สวนเปรี้ยงเดียวหาย

ถ้าเปรียบเป็นภาษามวย ก็คงต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล กำลังไล่ต้อน สเปอร์ส ให้จนมุม และ หวังใช้หมัดขวาตรง เพื่อน็อค "ไก่เดือยทอง" ให้ได้ หลังจากขึ้นนำไปแล้ว 1-0 ยิงถ้านำ 2 เม็ด ย่อมเล่นง่ายกว่า โดยเฉพาะการผ่อนคลายเรื่องความกดดัน อย่างไรก็ตาม ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ขึ้นชื่ออยู่แล้ว เรื่องใช้เกมโต้กลับแบบ "สายฟ้าแลบ" ชนิดที่ กล้องถ่ายทอดสดยังจำภาพแทบไม่ทัน เพราะไฮไลท์กำลังฉายจังหวะ หงส์แดง มีโอกาสลุ้นทำประตู แต่ตัดกลับมาอีกที ซน ฮึง-มิน หลุดกำดับล้ำหนัก เข้าไปดวลเดี่ยวกับ อลิสซอน ก่อนจะยิงเสียบเสาแรก เข้าไปอย่างเฉียบคม จังหวะตีเสมอ 1-1 ของ สเปอร์ส นับว่าเป็นโอกาสยิงครั้งแรก หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษครั้งแรก อีกทั้งมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลแบบต่ำเตี่ยเรี่ยดิน ประมาณ 22 % แต่กระนั้นลูกทีม "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ก็แสดงให้เห็นเป็นขวัญตา ว่าการเล่น โต้กลับ คือลายเซ็นอันยอดเยี่ยมของ "ไก่เดือยทอง" ยุคนี้

- เดอะ ค็อป โซเชี่ยล หัวเสียกับ VAR

ในจังหวะที่ ตี๋ซน ยิงตีเสมอให้กับ สเปอร์ส จังหวะนี้ภาพช้าแสดงให้เห็นว่า อาจจะมีช็อตก้ำกึ่งว่า "ล้ำหน้า" ระหว่างปลายหัวเกือกของ ซน ฮึง-มิน กับ ส้นเท้า รีส วิลเลี่ยมส์ กองหลัง ลิเวอร์พูล เรียกว่าจะต้องมีการตีเส้นให้เห็นกันชัด เพื่อโชว์หลักฐานให้มันชัดเจน สุดท้าย ผู้ตัดสิน VAR ตีเส้นให้เห็นว่า ลูกยิงของ "ตี๋ซน" อยู่พอดีไลน์ ภาษาฝรั่ง เรียกเท่ๆว่า "ออนไซด์" นั่นก็คือไม่ล้ำหน้า เป็นประตูตีเสมอ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กระนั้นสาวก "เดอะ ค็อป" รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ไม่เชื่อคุณลองไปเช็ค "ฟีดส์ข่าว เฟซบุ๊ค" ของท่านดู เชื่อว่าใครมีเพื่อนเป็นแฟน หงส์แดง ต้องมีโพสต์ระบายอารมณ์ถึง VAR อย่างดุเดือด บ้างก็ว่า เจ้าหน้าที่ VAR เช็คลูกนี้โคตรชุ่ย ทั้งที่เป็นจังหวะก้ำกึ่ง โดยแค่ตีเส้นเดียวให้ดู ไม่เหมือนกับเวลาตรวจสอบ ลิเวอร์พูล ซูมแล้วซูมอีก วัดแล้ววัดอีก แถมมีเส้นประเต็มขีดเขียนเต็มไปหมด ดูแล้วไม่มีความจริงใจในการแสดงผล บ้างก็ว่าภาพช้าล้ำหน้า แต่ตีเส้นแล้วทำไมดูไม่ล้ำ ซึ่งนั้นคือข้อข้องใจ แต่สุดท้ายผู้ตัดสินให้ สเปอร์ส ได้ประตูตีเสมอ 1-1 อยู่ดี

- เริ่มครึ่งหลัง สเปอร์ส มาโคตรดี หงส์แดง โชคดี ไม่เสียประตู

ออกสตาร์ทครึ่งหลัง กลายเป็นหนังคนละม้วนกับครึ่งแรก เพราะ สเปอร์ส เกือบจะได้ประตูแซงนำ ลิเวอร์พูล หลายต่อหลายครั้ง เริ่มจากการโหม่งสกัดพลาดของ รีส วิลเลี่ยมส์ เสยหลังไปเข้าทาง สตีเว่น เบิร์กไวน์ ได้หลุดเข้าไปยิง แต่เจ้าตัวดีดออกหลังไปเอง เนื่องจากมี เทรนท์ อาร์โนลด์ วิ่งเข้ามาบีบกดดัน อีกไม่กี่นาทีให้หลัง อลิสซอน เบ็คเกอร์ มือ 1 หงส์แดง ออกบอลจากนอกกรอบเขตโทษ จะจ่ายให้เพื่อนเพื่อเซตเกมขึ้นไป แต่โดน แฮร์รี่ เคน สไลด์ดักไว้ได้ ก่อนจะเลี้ยงแต่งบอล 1 จังหวะ เงยหน้ามองเห็นว่า "พ่อหมี" ยังไม่ถอยกลับเข้าเส้น ก่อนจะบรรจงยิงให้ย้อยข้ามหัว ซึ่งวิถีมีโอกาสเข้าประตูด้วย แต่ยังดีที่ อลิสซอน ถอยไปปัดเอาทิ้งออกหลังเอาไว้ได้ และ โอกาสที่ดีที่สุดของ ไก่เดือยทอง ในการบุกมาขึ้นนำ ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ ก็คือจังหวะที่ สตีเว่น เบิร์กไวน์ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เอียงตัวแปรเสาไกล หากนึกภาพไม่ออก ให้จินตนาการถึงลูกเก่ง เธียร์รี่ อองรี ที่เอียงตัวเปิดทาง ซึ่ง เบิร์กไวน์ ทำแบบนั้นแล้ว ยิงผ่านมือ อลิสซอน ไปแล้วด้วย แต่กรรมบัง เพราะซัดไปชนเสา ไม่ได้ประตู

- เกมกำลังจะจบเสมอ แต่แล้วประตูชัยก็เกิดขึ้น

หลังจากที่ สเปอร์ส ทำไม่ได้ ทั้งๆที่มีโอกาสหลายครั้ง ทำให้ ลิเวอร์พูล ตั้งเกมของตัวเองได้อีกครั้ง กลับมาครองพื้นที่ พยายามเช็ตบอล หาจังหวะเข้าทำ เพื่อยิงประตูขึ้นนำให้ได้อีกครั้ง แต่มันไม่ได้ง่ายเหมือนปากพูด เพราะเกมรับ ไก่เดือยทอง ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้ว โดยเฉพาะ มูรินโญ่ รกบัสสไตล์ ไม่ว่าจะเซตไปทางไหน หรือ เจาะทิศทางใด ก็จะมีผู้เล่น สเปอร์ส ยืนเกะกะไปหมด ต่อให้มีโอกาสยิง ก็เบาเข้ามือ อูโก้ ยอริส รับไว้ง่ายๆ ยิ่ง ซาดิโอ มาเน่ โดนตามประกบเป็นเงา ไปไหนมี แซร์จ ออริเย่ร์ ตามจิกกัดไม่เลิก แต่มีช็อตหนึ่ง ที่ชิงเหลี่ยมได้ดีกว่า ซัดเต็มเท้าซ้าย ยอริส ปัดปลายนิ้ว บอลพุ่งไปชนคาน ไม่ได้ประตู เกมดำเนินไปเรื่อยๆ ทำท่าว่าจะจบด้วยผลเสมอ 1-1 ทันใดนั้น ลิเวอร์พูล มาได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุม ก่อนจะครบ 90 นาที โรเบิร์ตสัน พยายามบรรจงเปิดอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ ไม่เข้าเป้า โดยบอลพุ่งโค้งมาแถวกลางประตู ก่อนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ จะสลัดหนีตัวประกบ ขึ้นเทคโขกแบบเหน่งๆ บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างเฉียบคม เชื่อว่าช็อตนี้ สาวก เดอะ ค็อป มีตะโกนเฮกันลั่นซอย ไม่สนใจบ้านข้างด้วยซ้ำว่าจะสะดุ้งตื่นหรือไม่ ต่อให้เป็นเวลาเกือบตี 5 บ้านเราก็ตาม เพราะมันเป็นประตูชัย มาในช่วงท้ายเกม หลังจากอึดอัดอยู่นาน ถึงขนาดที่ ฟีร์มิโน่ วิ่งจากหน้าประตู สเปอร์ส ไปดีใจกับแฟนบอล ลิเวอร์พูล อีกฝั่งเลยทีเดียว

ฮาย ฮาวดี้-

logoline