logo-heading

การเก็บ 3 แต้มของ ลิเวอร์พูล เหนือ คริสตัล พาเลซ ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ หรือ จะต้องดีใจจนกระทั่งปิดซอยเลี้ยงอะไรขนาดนั้น แต่ที่มันใหญ่โต จนต้องพูดถึง ก็คือสกอร์ที่ หงส์แดง บุกไปไล่ถล่ม "ปราสาทเรือนแก้ว" แบบ "เอาท์ คลาส" ถึง 7-0

ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล นำเป็นจ่าฝูงต่อไป แถมลูกได้-เสีย พุ่งพรวด นับเป็นอีกหนึ่งนัดที่สาวก "เดอะ ค็อป" สูดดมความสุขได้อย่างเต็มปอด โดยนัดนี้มีเรื่องราวดีๆมากมาย แต่ก็แอบมีดราม่าเล็กๆซ่อนไว้ จะมีประเด็นเก็บตกอะไรที่น่าสนใจ ไปติดตามเรื่องราวกับชัยชนะอันมโหฬารของ หงส์แดง กันเลย

- ทาคุมิ เปิดซิง !

เชื่อเหลือเกินว่า สาวก "เดอะ ค็อป" หลายๆคน อาจจะมีคิดในใจแหละว่า คล็อปป์ จัดแผนอิหยังวะ ? ถึงกล้าดรอป โม ซาลาห์ และ ส่ง ทาคุมิ มินามิโนะ ลงสนามเป็นตัวจริง ในฐานะ 3 ประสานกองหน้า ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ให้ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ ที่สำคัญเวลาที่ดาวเตะซามูไร มีชื่อลงทีไร มักจะโดนวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นอยู่เสมอ เนื่องจากไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับทีมมากนัก แต่การส่ง ทาคุจัง ลงมาในเกมเจอกับ พาเลซ เป็นการหุบปาก และ เปลี่ยนความคิดพวกที่เอาแต่มองแง่ร้ายได้อย่างหมดจด เพราะเพียงแค่ 3 นาที มินามิโนะ ก็มาซัดประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ทันที นอกจากจะซัดให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่แล้วนั้น ยังเป็นประตูแรกของเขาบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกด้วย ซึ่งประตูนี้ น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้กับ ทาคุมิ มินามิโนะ ไม่มากก็น้อย เพราะในช่วงที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้โอกาสกับเจ้าตัวได้ลงสนามมากขึ้น ต้องมารอดูกันว่า พอเปิดซิงประตูแรกในเกมลีกกับ ลิเวอร์พูล ได้แล้ว จะมีประตูต่อๆไปตามมาอย่างต่อเนื่องหรือไม่

- พาเลซ มีโอกาสตีเสมอ แต่ทำกันไม่ได้เอง

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกขึ้นนำ 1-0 กลายเป็นปลุกนักเตะ คริสตัล พาเลซ ให้ตื่นจากภวังค์ เพราะขุนพล "ปราสาทเรือนแก้ว" ได้ปูพรมบุกเข้าใส่แข้ง หงส์แดง เพื่อหวังจะตีเสมอ และ กลับมาสู่เกมให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เกมรุก พาเลซ ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปาก ลิเวอร์พูล หลายต่อหลายคน แต่ทว่าจังหวะสุดท้าย ไม่ติดแนวรับ ลิเวอร์พูล ก็ถูก อลิสซอน เซฟไว้ได้ทั้งหมด จนกระทั่งมาถึงโอกาสที่น่าจะตีเสมอแบบสุดๆ ในนาทีที่ 22 เมื่อ จอร์แดน อายิว เบียดเอาชนะ ฟาบินโญ่ ได้สำเร็จ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางฝั่งขวาของ ลิเวอร์พูล โดยมีเวลาจับ มีเวลาเลี้ยง มีเวลาเงยหน้ามองเพื่อน และ มีเวลาบรรจงแอสซิสต์ให้กับ วิลเฟร็ด ซาฮา ที่วิ่งมารอเข้าฮอร์ส แต่กลายเป็นว่า อายิว จ่ายย้อนหลัง ซาฮา ที่รอโล่งๆ ไปแบบเหลือเชื่อ พลาดโอกาสตีเสมอ แบบไม่น่าให้อภัย

- มาเน่ หัวเสีย ถูกเปลี่ยนตัวออก

ว่ากันตามตรง จากผลงานเกมเยือนของ ลิเวอร์พูล น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะก่อนจะไปบุกรัง พาเลซ พวกเขาไม่ชนะเกมเยือนในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาถึง 5 เกมติดต่อกัน นับเป็นเรื่องน่าห่วงมากเหลือเกิน เพราะไม่ว่าจะเป็น ไบรท์ตัน หรือ ฟูแล่ม ก็ไม่อาจเก็บ 3 แต้มเข้ากระเป๋าได้ กระนั้นในเกมเจอกับ พาเลซ เหมือนเป็นการปลดแอก ยิงกระฉูดแบบหยุดไม่อยู่ โดยฟอร์มของ ซาดิโอ มาเน่ ก็มีส่วนร่วมกับการทำประตู ยิง 1 และ จ่าย 1 หลังจากไม่สามารถซัดให้กับ หงส์แดง ได้เลย 9 นัดก่อนหน้านี้ ซึ่งดูแล้วเจ้าตัวน่าจะแฮปปี้ที่ชื่อตัวเองไปโผล่อยู่บนสกอร์บอร์ดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความคิดของ คล็อปป์ กับ ความคิดของ มาเน่ น่าจะสวนทางกัน เพราะเมื่อ มาเน่ ยิงแล้ว ก็อยากยิงต่อ อยากอยู่ในสนามช่วยทีมต่อไป แต่ คล็อปป์ คงมองว่า สกอร์มันขาดลอยไปแล้ว ควรจะถอด มาเน่ ไปพักบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าดาวเตะชาวเซเนกัล ไม่พอใจอย่างยิ่ง เดินออกจากสนามแบบหน้ามุ่ย ชนิดที่กล้องถ่ายทอดสด พยายามจับภาพครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กระนั้นหลังจบเกมก็ไม่มีเอฟเฟ็กต์อะไร ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

- ขอบสนาม จีจี ใครมี ซาลาห์ บอกเลยว่า ต้องสะดุ้ง

ไม่ว่า ลิเวอร์พูล จะโชว์ฟอร์มดี หรือ ทำผลงานขี้หมูขี้หมา แต่บนสกอร์บอร์ดมักจะมีชื่อของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อยู่เสมอ และ ก่อนเกมที่จะบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ นั้น "เดอะ อียิปต์ คิง" ซัดให้กับ หงส์แดง 4 นัดรวด ด้วยผลงานแบบนี้ แม่งก็ใส่ชื่อ ซาลาห์ ลงอยู่ในทีมแฟนตาซี ของ ขอบสนาม จีจี กันทั้งนั้นแหละ แต่กลับกลายเป็นหงายเงิบ เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจพัก โม ซาลาห์ เป็นสำรอง เท่านั้น ยิ่งใครเอาเป็นกัปตัน เหมือนอกอีเจ๊แทบจะแตกตาย เพราะดูแล้วว่ามีโอกาสได้แค่ 0 คะแนน สูงมาก อย่างไรก็ตามอาจเป็นเพราะ ลิเวอร์พูล ทำประตูขึ้นนำได้เร็ว และ ยิงห่าง 3-0 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ทำให้ ซาลาห์ ได้ลงสนามมาแทน มาเน่ ความหวังในใจมีมากขึ้น และ ซาลาห์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะผลงานในสนามประมาณ 30 กว่านาที ซาลาห์ เหมือนรู้ว่าแฟนๆ ขอบสนาม จีจี รอคอยกันขนาดไหน ก่อนจะจัด 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ เรียกว่าช่วงนี้ฟอร์มฮอตของจริง เพราะนอกจากจะยิง 5 นัดติดต่อกันแล้ว ยังก้าวขึ้นไปเป็นดาวซัลโวแบบเดี่ยวๆ ด้วยจำนวน 13 ประตู เรียบร้อย

- กองหลัง ลิเวอร์พูล มีส่วนร่วมทำประตูเกือบทั้งหมด

จากผลชนะ พาเลซ 7-0 ทำให้ ลิเวอร์พูล บันทึกสถิติสโมสรไว้ว่าเป็นการชนะเกมเยือน บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ยกย่องเหล่าแนวรุก ที่ทำประตูให้กับทีมไปแล้วทั้ง ทาคุมิ มินามิโนะ, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ แม้กระทั่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ก็ซัดไป 2 ประตู เช่นกัน แต่กระนั้นมันจะเกิดคนยิงไม่ได้เลย ถ้าไม่มีคนแอสซิสต์ที่ดี ซึ่ง 3 จาก 7 ประตู ที่ได้นั้นมาจากการส่งของ 3 แนวรับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จ่ายให้ ฟีร์มิโน่ ทำประตู / เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คืนให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ และ โจเอล มาติป โขกชงมาให้ โม ซาลาห์ สกิดเปลี่ยนทางบอลเข้าซุกตาข่าย แต่ที่มันน่าทึ่งกว่านั้น ก็คือผลงานแอสซิสต์ของ โรเบิร์ตสัน เพราะกลายเป็นว่านับตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2018 ไม่มีนักเตะคนไหนในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำแอสซิสต์ได้มากกว่า ร็อบโบ้ ที่ทำไป 28 ครั้ง เทียบเท่ากับ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ ซึ่งย้ำอีกครั้งว่า โรเบิร์ตสัน คือนักเตะตำแหน่งแบ็กซ้าย "หงส์แดง"

ฮาย ฮาวดี้-

logoline