logo-heading

ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ที่ปัจจุบันแม้จะรั้งจ่าฝูงตารางคะแนน แต่ทว่ามีโอกาสจะโดนแซงสูงเนื่องจากคะแนนตอนนี้เท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแข่งมากกว่า ปีศาจแดง 1 เกมอีกด้วย

ทั้งนี้ผลงาน 3 เกมล่าสุดของ ลิเวอร์พูล ในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ นับตั้งแต่บุกไปชนะ คริสตัล พาเลซ 7-0 กลับไม่เป็นสับปะรด ทำเอาแฟนบอลปวดหัวยาดมยาหม่องหมดไปหลายโหล เพราะ 3 นัดล่าสุด พวกเขาทำแต้มหล่นหายเรี่ยราดติดต่อกัน ทำได้เพียง แบ่งแต้ม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และ นิวคาสเซิ่ล ก่อนมาแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน เก็บได้เพียง 2 คะแนนจาก 9 คะแนนเท่านั้น แล้วปัญหาของพวกเขาในระยะนี้คืออะไรที่ทำให้พวกเขาฟอร์มดร็อปลงอย่างเห็นชัด นี่คือบทวิเคราะห์ของทางขอบสนาม 1. ผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กอาชีพบาดเจ็บ ปัญหาใหญ่ของ ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ที่ต้องเสียนักเตะหลายรายไปเพราะอาการบาดเจ็บ โดยเฉพาะนักเตะในแนวรับคนสำคัญอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ การขาดหายไปของ ฟาน ไดค์ ทำให้เกมรับของ ลิเวอร์พูล ประสิทธิภาพลดลงอย่างชัดเจน เสียประตูบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา การเสีย ฟาน ไดค์ ไปยังเสียหายไม่พอ ลิเวอร์พูล ต้องมาเสีย โจ โกเมซ ไปอีกคน ส่งให้ตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กมีทรัพยากรให้เลือกอย่างจำกัด เซ็นเตอร์ระดับซีเนียร์เหลือเพียงแค่ โจเอล มาติป และที่เหลือเป็นดาวรุ่งชั่วโมงบินต่ำ จนต้องจับเอา ฟาบินโญ่ มาเล่นเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็น คู่กับ มาติป อย่างไรก็ตามประศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก มาติป เองช่างเปราะบาง ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุด เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ต้องใช้งานบรรดาดาวรุ่ง อย่าง รีส วิลเลี่ยมส์ รวมถึง นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ ที่เคยถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวยัง สตุ๊ตการ์ท แต่เมื่อพวกเขาได้ลงสนามก็ยังทำผลงานได้ไม่เข้าตานัก 2. ฟาบินโญ่ เล่นเซ็นเตอร์แบ็กเสียของ อย่างที่กล่าวมาจากปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ทำให้ ฟาบินโญ่ ต้องไปยืนเซ็นเตอร์แบ็กกับ มาติป ไปช่วยแบกเกมรับ แต่การที่ต้องถอย ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับไปเล่นเซ็นเตอร์ทำให้เกิดหลุมดำช่วงแดนกลาง ขาดคนช่วยสกรีนก่อนแนวรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม 2 แดนกลางตัวหลักต้องทำงานอย่างหนักช่วยเกมรับ ซึ่ง เฮนเดอร์สัน เองมีงานชุกเพราะต้องเบี่ยงตัวเองไปช่วยซัพพอร์ตเกมรับเมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดตำแหน่ง ส่วน ไวจ์นัลดุม เอง ก็ต้องลงมาช่วยล้วงพอจะทำเกมบุกสวนกลับเร็วก็ไม่สามารถทำได้เพราะช่องตรงกลางมันมากเกินไป และเมื่อโดนเกมสวน แดนกลางแดนกลางจึงกลายเป็นช่องโหว่ คู่แข่งสวนทีมักถึงหลังตลอด เป็นปัญหาสำคัญของ ลิเวอร์พูล เลยก็ว่าได้ การที่ถอย ฟาบินโญ่ ลงไปเล่นเซ็นเตอร์ถือเป็นการเสียของไม่น้อยทีเดียว ไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเจ้าตัวไม่พอ บางนัดที่ มาติป ลงไม่ได้เจ้าตัวต้องช่วยแบกเกมรับ ซึ่งปัญหาคือการป้องกันลูกกลางอากาศ และการรับมือลูกเซ็ตพีซ ที่ทำได้ไม่ดีพอเท่าเซ็นเตอร์อาชีพจริง ๆ นั่นเอง และยิ่งนัดล่าสุดที่ผ่านมาการถอยเอา เฮนเดอร์สัน ลงมาเล่น เซ็นเตอร์แบ็กจำเป็นคู่ ฟาบินโญ่ ยิ่งส่งผลต่อเกมแดนกลางในครึ่งแรกอย่างมาก อาจถึงเวลาที่ คล็อปป์ ต้องพิจารณาในการซื้อเซ็นเตอร์อาชีพเข้ามาช่วยทีมช่วงฤดูกาลหลังแบบจริงจังเสียที 3. เทรนต์ ออกทะเล โดยปกติ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีอาวุธอันตรายในการขึ้นเกมริมเส้นของ แบ็กทั้ง 2 ข้าง ทั้งทักษะความแข็งแกร่งในการเดินหน้าบุกปะทะคู่แข่งและการเปิดบอลแบบแม่นยำ แต่ทว่าในฤดูกาลนี้ ประสิทธิภาพริมเส้นลดลงไปโดยเฉพาะฝั่งขวาอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นับตั้งแต่เขาหายเจ็บกลับมายังคงออกทะเลไม่กลับฝั่ง กลายเป็นบ่อสำคัญในหลายเกมที่โดนพาทัวร์ เกมรุกก็เปิดบอลไม่แม่นเหมือนเคย เสียบอลง่ายและบ่อยครั้งทำให้โอกาสในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ต้องสะดุด เกมรับก็ทำได้ไม่ดีหลุดตำแหน่งบ่อย อีกหนึ่งปัญหาของ ลิเวอร์พูล ในช่วงนี้ ซึ่งสำรองในตำแหน่งแบ็กขวาที่ยังใช้งานได้ปัจจุบันก็มีแต่ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ และการใช้งานแบ็กขวาจำเป็นอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ ส่วน คอสตาส ซิมิคาส ที่สามารถเล่นแบ็กขวาได้ยังอยู่ในช่วงรักษาอาการบาดเจ็บเรียกความฟิต ทรัพยากรที่มีค่อนข้างจำกัด เทรนต์ ยังคงเป็นตัวเลือกแรกในทีมของ คล็อปป์ ที่ไม่ดร็อปพัก แต่ผลงานของสเก๊าเซอร์รายนี้ช่วงนี้แฟนบอลดูแล้วปวดหัวจริง ๆ. 4. สามประสานกระสุนหมด บทจะยิงคู่แข่งก็ยิงรัว ๆ แต่บทจะไม่ผลิตกระสุนก็ไม่มาทั้ง 3 คน สำหรับสามประสานแนวรุก ลิเวอร์พูล อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ในช่วงแรกยามที่สามประสานต้องพักหรือต้องการเปลี่ยนเกม ลิเวอร์พูล ยังสามารถฝากความหวังในการปิดบัญชีได้จาก ดิโอโก้ โชต้า แต่หลังจาก โชต้า บาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ก็ต้องพึ่งการทำประตูจาก 3 ประสานแนวรุกเพียงอย่างเดียว ส่วนสำรองไม่ว่าจะเป็น เซอร์ดาน ชากิรี่, ทาคุมิ มินามิโนะ, ดิว็อค โอริกี้ ก็ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้ทีมได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีปัญหากับการเจาะเกมรถบัสของคู่แข่ง ซึ่งตามประกบตัวต่อตัวไม่ให้ได้กระดิก เรียกว่าจับทางได้ เมื่อก่อนยังพอมีพื้นที่ให้คนใดคนหนึ่งได้พลิกเล่นในกรอบ แต่ 3 นัดหลังติดแน่นไปหมด นอกเหนือจากความน่ารำคาญในเกมรับคู่แข่งที่แน่นหนาทำให้พวกเขาเล่นกันได้ยากแล้ว ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า 3 ประสานแนวรุก ลิเวอร์พูล ในช่วงนี้เป็นมีดที่ไร้ความคม ใช้โอกาสเปลือง มีโอกาสแล้วจบไม่ได้เองด้วย 5. การเปลี่ยนตัวที่น่าขัดใจ หลายต่อหลายเกมเชื่อว่าเหล่า เดอะ ค็อป คงจะขัดใจในการเปลี่ยนตัวของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ใช่การเลือกเปลี่ยนตัวนักเตะลงสนามที่ขัดใจ แต่เป็นความขัดใจที่เกิดขึ้นเพราะเปลี่ยนตัวช้าเกินไป ทำให้เหล่าสำรองมีเวลาน้อยในการจะเปลี่ยนเกมในสนาม แม้ว่านัดล่าสุดในการเจอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน จะเปลี่ยนตัวรวดเร็ว แต่ 2 เกมก่อนหน้านี้ เปลี่ยนตัวช้าจนท้ายที่สุดก็แต้มหล่น หรือบางครั้งหลายนัด คล็อปป์ เอง ก็คิดมากเกินไปในการจัดทีม เพราะอาจจะคิดถึงผลระยะยาว กลัวเรื่องการยืนระยะเนื่องจากผู้เล่นบาดเจ็บ แต่เชื่อว่าแฟนบอลคงอยากตะโกนไม่ต้องคิดมากอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเอานัดนี้ให้มันรอดก่อนดีกว่า มันคือปัญหาที่น่าขัดใจสำหรับแฟนบอลในหลายเกมที่ผ่านมา ทำได้แต่เอาใจช่วยและเชียร์กันต่อไป ทั้งหมดคือปัญหาที่ ลิเวอร์พูล ต้องพบเจอจนเป็นเหตุให้แต้มหล่นหายไป อย่างไรก็ตามก็ต้องชื่นชมจากใจว่า คล็อปป์ และทีมงานถือว่าเก่งไม่น้อยกับการแก้ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่ผ่านมาจน ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาอันดับที่ดีบนตารางคะแนนได้ แต่หากอยากยืนระยะในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เพื่อคว้าเป้าหมายที่ต้องการ คงต้องแกร่งขึ้นมากกว่านี้ หลายปัญหาแก้ได้ด้วยการเสริมทีม ซึ่งตลาดนักเตะหน้าหนาวเปิดแล้ว ลิเวอร์พูล จะได้ใครมาช่วยเพิ่มความแกร่งของทีมหรือไม่ก็คงต้องติดตาม อย่างไรก็ตามตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องรีบหาชัยชนะนัดแรกในปีใหม่นี้ให้ได้ก่อน เพื่อรักษาโมเมนตั้มของตัวเอง ตั้งตารอดูเกม เกมแดงเดือด ที่จะถึงนี้ได้เลย คงได้เห็น ลิเวอร์พูล ที่วิ่งสู้ฟัดเพื่อชัยชนะ มีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ในวันที่ 17 มกราคมนี้

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทางไลน์
logoline