logo-heading

ถือว่าเซอร์ไพรส์มากพอสมควรสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เพราะล่าสุดเจ้าตัวถูกจัดอันดับให้เป็นนักเตะที่มีมูลค่าประเมินสูงที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย CIES Football Observatory ได้ทำการเปิดเผยการคำนวนราคาประเมินแข้งต่างๆ ซึ่งวัดผลจาก อายุ, ผลงาน, ระยะสัญญา, การพัฒนาฝีเท้า, ความมั่นคง และ ความสำเร็จของสโมสร ซึ่ง แรชฟอร์ด เข้าวินมาเป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่าประเมินอยู่ที่ 150 ล้านปอนด์ มากกว่าดาวรุ่งฟอร์มแรงอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ 137 ล้านปอนด์ หรือ คีเลียน เอ็มบัปเป้ 135 ล้านปอนด์ เสียอีก ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราเลยจะมางัดแงะหาเหตุผลที่ส่งให้ แรชฟอร์ด กลายเป็นแข้งค่าตัวเบอร์ 1 ของโลก ซึ่งจะมีสาเหตุอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย

สัญชาติอังกฤษ

ประเด็นแรกเลยคือเรื่องของสัญชาติที่ทาง แรชฟอร์ด ถืออยู่ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่านักเตะที่ถือโควต้าความเป็นชาติอังกฤษมักจะถูกตั้งค่าตัวในมูลค่าที่เกินจริงมากไปหน่อย ทั้งที่ความเป็นจริงฝีเท้าอาจจะยังไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในระดับท็อปของลีก หรือของวงการลูกหนัง ยกตัวอย่างเช่น อารอน วาน-บิสซาก้า แนวรับต้นสังกัดเดียวกับ แรชฟอร์ด ที่มีค่าตัวในการย้ายทีมสูงถึง 50 ล้านปอนด์ ทั้งที่เพิ่งแจ้งเกิดกับ คริสตัล พาเลซ ได้เพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งเมื่อมองมาที่ แรชฟอร์ด ด้วยเรื่องของอายุ และฝีเท้าที่มีโอกาสพัฒนามันเลยทำให้ค่าตัวพุ่งเป็นพิเศษ ส่วนอีกประเด็นอีกอย่างคือเรื่องกฎโฮมโกรว์น โดยปัจจุบันสโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถูกอนุญาตให้มีนักเตะที่ไม่ใช่โควต้าโฮมโกรว์น อยู่ในทีมได้ 17 คน ในการส่งชื่อทีมชุดใหญ่ในแต่ละเกมที่ลงสนาม และต้องเป็นนักเตะที่เกิดในสหราชอาณาจักร 8 คน ซึ่งด้วยเหตุนี้เราเลยมักจะเห็นการย้ายตัวของแข้งที่มีสัญาชาติอังกฤษแพงเกินความเป็นจริง ฉะนั้นนี้จึงน่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ แรชฟอร์ด มีมูลค่าการประเมินค่าตัวที่สูงขึ้น ไขสาเหตุ! ทำไมค่าตัวประเมินของ แรชฟอร์ด ถึงสูงที่สุดในโลก

สังกัด แมนฯ ยูไนเต็ด

แม้ในช่วงหลายปีหลังชื่อของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ใช่ทีมที่ต่อคิวลุ้นเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกสักเท่าไหร่ แต่ทว่าด้วยความที่พวกเขายังคงเป็นสโมสรใหญ่ และทรงอิทธิพลมากพอสมควรในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ทางการตลาดที่ต้องยอมรับว่าตรา "ปีศาจแดง" ยังคงขายได้เสมอ และหลายๆ ฝ่ายอยากที่จะร่วมงานด้วย รวมไปถึงความมั่นคงของสโมสรที่ตอนนี้แข็งแกร่งไปทั่วทุกอณู แม้ที่ผ่านมาจะมีบางสโมสรที่โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน แต่ด้วยความที่เป็น ยูไนเต็ด ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป สังเกตุได้จากข่าวที่ออกมาทั้งเรื่องตลาดซื้อ-ขาย นักเตะ, การไม่ปลดพนักงาน หรือ เยียวยาสโมสรที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ซึ่งจุดตรงนี้เองมันเลยเป็นผลพลอยได้ทำให้มูลค่านักเตะภายในทีมบางคน เมื่อนำมาบวกกับอายุการใช้งาน, ผลงานในสนาม หรือโอกาสในการพัฒนาฝีเท้า มันเลยทำให้ถูกประเมินราคาในทางตลาดเพิ่มสูงมากขึ้นไปด้วย 

ลีกที่ลงเล่น

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือลีกที่นักเตะเหล่านี้ลงเล่นถือว่ามีส่วนสำคัญไม่ใช่น้อยในเรื่องของการประเมินมูลค่าแต่ละคน ย้อนกลับไปดูในชาร์ตที่ทาง CIES เปิดเผยออกมา 10 อันดับแรกมีแข้งจากศึกพรีเมียร์ลีกติดเข้ามามากถึง 5 คนด้วยกันประกอบไปด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, บรูโน่ แฟร์นานเดส, ราฮีม สเตอร์ลิง และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ส่วนลีกใหญ่อื่นๆ ก็แบ่งตามสัดส่วนกันไป ซึ่งนี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ค่อนข้างชัดเจนว่าด้วยความแข็งแกร่ง และความเขี้ยวรากดินของพรีเมียร์ลีกมันเลยเป็นส่วนเกื้อหนุนทำให้นักเตะมีความแข็งแกร่ง และผ่านบทพิสูจน์ในเรื่องต่างๆ เฉกเช่นที่แฟนบอลเห็นกันมาอย่างมากมายว่าเก่งจากลีกอื่น แต่ก็มาดับที่ลีกแดนผู้ดีนี้ได้ง่ายๆ ไขสาเหตุ! ทำไมค่าตัวประเมินของ แรชฟอร์ด ถึงสูงที่สุดในโลก

อายุน้อย อนาคตยังอีกไกล

เอาจริงๆ เหตุผลข้อนี้มันอาจจะมาใช้เป็นเหตุผลตรงๆ ไม่ได้สักทีเดียวเพราะถ้ามองกันที่ผลงานจริงๆ ชื่อของ เอ็มบัปเป้ หรือ ฮาแลนด์ น่าจะไต่ขึ้นมาอยู่เหนือเขามากกว่าเพราะทั้งการถล่มประตู แถมด้วยอายุที่น้อยกว่ามันเลยทำให้เหตุผลเรื่องของอายุจะตกไป แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ CIES นำเข้ามาประเมินคือเรื่องของ อายุ พ่วงด้วยโอกาสในการประสบความสำเร็จ และความมั่นคงของสโมสร มันเลยกลายทำให้ แรชฟอร์ด ในวัย 23 ปี ถูกจัดให้อยู่อันดับ 1  นอกจากนั้นถ้าพูดถึงอนาคตอันใกล้นี้เชื่อว่า แรชฟอร์ด น่าจะยังคงค้าแข้งอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นเดิม แต่มันจะแตกต่างกับ 2 คนที่กล่าวไปที่อนาคตยังไม่แน่นอนอาจมีเรื่องของการย้ายทีมเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งนั้นอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ผลงานในสนามไม่ได้ปังดังเดิม ฉะนั้นเมื่อเอาหลายๆ ปัจจัยมารวมกันมันเลยส่งเสริมให้ แรชฟอร์ด ถูกตีเป็นแข้งมูลค่าสูงที่สุดในโลก

- เปา ขอบสนาม -

logoline