logo-heading

ฟุตบอลไทยลีก นัดที่ 11 สัปดาห์นี้ มีเกมบิ๊กแมตช์อยู่หนึ่งคู่ ถ้าในอดีตก็จะถูกยกว่าเป็น "ซูเปอร์บิ๊กแมตช์" หรือหลังๆ มาก็ถูกเรียกว่า "ไทยแลนด์ เอล กลาซิโก้" แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมารวมทั้งที่จะเจอกันเสาร์นี้เหมือนมนต์ขลัง และเสน่ห์ของความมันส์คู่นี้มันหายไป และความน่าสนใจก็ลดลง

ย้อนกลับไปเมื่อสมัยผมทำข่าวบอลไทยใหม่ๆ ปี 2552 ฤดูกาล 2009 เป็นต้นมา คู่นี้เรียกได้ว่าเป็นเกมใหญ่ที่สุดของศึกไทยลีก ก่อนที่จะใช้ชื่อเอลกลาซิโก้ เราก็เรียกกันว่า ซูเปอร์บิ๊กแมตช์มาก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเจอกันของสองทีมนี้ มันยิ่งกว่าบิ๊กแมตช์ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่มาในปัจจุบันนี้ ผมเองก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเกมคู่นี้มันเป็นบิ๊กแมตช์หรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงซูเปอร์บิ๊กแมตช์ มันไม่ใช่มาหลายปีละ แต่สิ้งที่ยังหลงเหลือให้คุ่นี้เป็นเกมใหญ่อยู่ก็คือ ชื่อเสียงในอดีตของทั้งคู่นั่นเอง ถ้าย้อนกลับไปคู่นี้เจอกันทีไรมันจะมีกระแสตั้งแต่ก่อนเตะหลายสัปดาห์ มีทั้งการเปิดขายตั๋วล่วงหน้าที่หมดเกลี้ยงภายในไม่กี่ชั่วโมง มีตั๋วผีขายหน้าสนาม ปัจจุบันไม่มีแล้วตั่วผีไทยลีก ไปสนามไม่มีที่จอดรถ ที่นั่งทำข่าวยังไม่มี แฟนบอลล้นสนาม อัฒจันทร์เต็มทุกพื้นที่ เกมก็สนุก ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ แต่ไม่รู้ว่าบรรยากาศเหล่านั้นมันจะกลับมาอีกหรือเปล่า ต่อความยาวสาวความยืดมานาน ที่พูดถึงเกมคู่นี้ในอดีตไม่ใช่อะไร ผมเพียงแต่คิดว่าอะไรที่ทำให้มนต์เสน่ห์ของเกมคู่นี้ มันลดความน่าสนใจลงไป หลักๆ ก็คงเป็นดังนี้ -วรรณะเปลี่ยนไป วรรณะที่ว่าก็คือการเป็นทีมใหญ่ลุ้นแชมป์ของทั้งคู่ ตอนนี้เหลือเพียงเมืองทองฯ เท่านั้น ที่ยังอยู่ในระดับเดิมก็คือลุ้นแชมป์ และยังเป็นบิ๊กทีมอยู่ แต่ชลบุรี ต้องยอมรับว่าชื่อยังใหญ่จริง แต่องค์ประกอบโดยรวมตอนนี้ฉลามชลกลายเป็นแค่ทีมระดับกลางๆ ในไทยลีกเท่านั้น ลองเหลือบไปดูตารางคะแนนห่างกันตั้ง 8 อันดับ ตอนนี้ชลบุรี อยู่ที่ 12 ส่วนเมืองทองฯ อยู่ที่ 4 คือมันไม่ใช่เพิ่งเปิดฤดูกาล เรื่องอันดับมันห่างกันได้ แต่นี่เตะมา 10 เกมแล้ว ถ้าวรรณะยังเท่ากันอยู่ อันดับมันคงห่างกันไม่เกิน 1-2 อันดับ ถ้าเป็นเช่นนั้นความมันส์ ความน่าสนใจก็ยังมีเหมือนเดิม -สตาร์ดังไม่มี นักเตะดาวดังตัวชูโรงที่คอยเรียกแขกก็ไม่ค่อยจะมี อย่างชลบุรีเอง ตอนนี้คนที่ดังสุดในทีมคือ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ รองลงมาก็ ชนินทร์ แซ่เอียะ ตัวเก๋าหน่อยก็ ชลทิตย์ จันทคาม หรือจะเอา พิภพ อ่อนโม้ มาด้วยอีกคน ส่วนเมืองทองฯ ตอนนี้ตัวชูโรงคือ สารัช อยู่เย็น,ทริสตอง โด,ชัปปุยส์ และ เฮแบร์ตี้ ดูๆ ไปก็ไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่พอเอาเข้าจริงกระแสมันก็ยังไม่ได้อยู่ดี แต่ก่อนที่ทั้งคู่เจอกันนี่ในสนามเต็มไปด้วยนักเตะทีมชาติ ดูคู่นี้เหมือนได้ดูทีมชาติทีมเอกับทีมบีเจอกัน แม้กระทั้งช้วงที่เมืองทองฯ มี เจ,มีมุ้ย มีอุ้ม มีตอง นักเตะเหล่านี้เรียกแฟนบอลได้มาก แต่พอไม่อยู่ก็อย่างที่เห็น ขนาดเกมที่เมืองทองฯ เล่นในบ้านเองฤดูกาลนี้ ก็ค่อนข้างเงียบเหงา -โค้ชมือใหม่ การเจอกันในฤดูกาลนี้ของชลบุรี และ เมืองทองฯ เป็นการคุมทีมโดยโค้ชมือใหม่ที่ขึ้นมาขัดตาทัพอย่างชลบุรี เอง เป็น "โค้ชโบ้" จักรพันธ์ ปั่นปี ที่อดีตก็เป็นมือขวามาตลอดแต่ตอนนี้ขึ้นมาคุมเองเต็มตัวแล้ว แต่โค้ชโบ้เองก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในการคุมทีมอื่นๆ มา ดังนั้นพูดถึงชื่อชั้นมันก็เลยทำให้ความน่าสนใจลดไปเหมือนกัน เช่นเดียวกับเมืองทอง ที่ตอนนี้เป็น สันติ ไชยเผือก ที่คุมชั่วคราวอยู่ แม้ผลงานจะน่าพอใจ แต่พูดถึงความน่าสนใจในเกมมันยังสู้ในอดีตไม่ได้ อย่างแต่ก่อนผมได้ดู โค้ชซิโก้ เจอ โค้ชแต๊ก, เซอร์เด็จ เจอ เรเน่,โค้ชเฮง เจอ คาลิสโต้ เจอ ยอคก้า คือแค่ชื่อโค้ชมันก็น่าดูแล้ว แต่ก็ไม่แน่แม้จะเป็นโค้ชมือใหม่ทั้งคู่ แต่ก็เป็นความน่าสนใจไปอีกแบบเหมือนกัน และมันก็ยากที่จะมีโอกาสได้เจอกันแบบนี้ -กระแสบอลไทยตก สุดท้ายคงเป็นเรื่องของกระแสฟุตบอลไทยลีกที่นับวันจะสาละวันเตี้ยลง ไม่เฉพาะเกมคู่นี้ ไทยลีกแทบทุกคู่กระแสตกลงไปเยอะมาก ในฤดูกาลนี้ผ่านมา 10 แมตช์ค่าเฉลี่ยแฟนบอลตกฮวบอย่างน่าตกใจ และผมเองก็ไม่มั่นใจว่าเกมวันเสาร์นี้แฟนบอลจะเต็มสนามหรือเปล่า อย่างไรก็ดีหวังว่าเกมวันเสาร์นี้มันจะสนุกเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน อย่างไรเสียถ้าเป็นแฟนบอลทั้งสองทีมก็คงไม่พลาดเกมนี้แน่นอน ส่วนใครจะชนะก็ไปลุ้นกันวันเสาร์นี้

มูซาชิ

logoline