logo-heading

ถึงวันที่ต้องแยกทางกันแล้วแม้จะชั่วคราวสำหรับ เจสซี่ ลินการ์ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะล่าสุดดาวเตะทีมชาติอังกฤษ บรรลุข้อตกลงย้ายไปร่วมทัพ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล 2020-21

ว่าแล้วสิ่งที่ เราอยากจะนำเสนอมากที่สุดเพื่อสดุดีแด่เด็กปั้นของ "ปีศาจแดง" ผู้นี้ก็คือโมเมนต์เด่นที่เขาเคยทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลอดที่เขาสวมเสื้อสีแดงตัวนั้นว่าเจ้าเจ้าของวลี "บีนส์ บีนส์ บีนส์" จะมีเหตุการณ์ไหนน่าจดจดบ้าง ไปไล่เรียงกันได้เลยครับ

เปิดซิงนัดแรกกับทีมชุดใหญ่

ลินการ์ด ย้ายมาร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวก็ใช้เวลาอยู่ในศึกฝึกทีมเยาวชนของทีม คอยเรียยรู้ศาสตร์ลูกหนัง เพื่อรอคอยโอกาสขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ให้ได้ ซึ่งกว่าจะไปถึงตรงนั้น ลินการ์ด ถูกปล่อยยืมตัวให้กับหลายสโมสรไล่ตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, ไบร์ทตัน และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ก่อนที่ในช่วงฤดูกาล 2013-14 เจ้าตัวจะถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และมีชื่อติดทีมเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2014 ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ทัพ "ปีศาจแดง" เปิดบ้านเอาชนะ สวอนซี 2-0 ซึ่งคนที่ให้โอกาสเขานั้นก็คือ เดวิด มอยส์ กุนซือของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้ แม้ในเกมดังกล่าวเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในสนาม แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการก้าวขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศของทีมใหญ่ และการนั่งเป็นตัวสำรองในวันนั้นท่ามกลางแข้งระดับเทพอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ หรือ วิลฟรีด ซาฮา แต่แล้ววันนี้ที่รอคอยของนาย ลินการ์ด ก็มาถึง 16 สิงหาคม 2014 เกมเปิดหัวของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2014-15 แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้กุนซือคนใหม่อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ก็ได้ทำการบรรจงใส่ชื่อ ลินการ์ด ไว้ในม้านั่งสำรอง และเปลี่ยนลงสนามในช่วงนาทีที่ 24 แทนที่ของ อัดนาน ยานาไซต์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนั้นคือวินาทีแรกของ ลินการ์ด ในฐานะแข้งทีมชุดใหญ่ของ "ปีศาจแดง" แต่ทว่าค่ำคืนวันนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยน่าจดจำเสียเท่าไหร่ เพราะผลการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพ่าย สวอนซี 1-2 พร้อมกับหลังจบเกม ลินการ์ด ได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่าต้องพักยาวกว่า 5 เดือน ซึ่งพอร่างกายฟิตสมบูรณ์หายเจ็บกลับมาก็ถูกปล่อยไปให้ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ยืมตัวในทันที 5 โมเมนต์เด่นในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เจสซี่ ลินการ์ด

ประตูแรกกับชุดใหญ่

หลังได้โอกาสประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ไปแล้ว ในฤดูกาลต่อมาอย่างซีซั่น 2015-16 หลุยส์ ฟาน กัล ก็ตัดสินใจมอบโอกาสให้กับ ลินการ์ด มากขึ้น ก่อนที่ในอีกไม่นานเจ้าตัวจะตอบแทนความไว้ใจด้วยการเปิดซิงตุงแรกกับทีมได้สำเร็จ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2015 ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แน่นอนว่าชัยชนะตกเป็นของทัพ "ปีศาจแดง" ด้วยสกอร์ 2-0 ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ประตูขึ้นนำที่ ลินการ์ด ทำได้สำเร็จ โดยจังหวะดังกล่าวถือว่าเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยเมื่อเจ้าตัวเก็บตกบอลได้บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนแต่งบอล 1 จังหวะ และบรรจงซัดด้วยเท้าขวาบอลเลี้ยวหนีมือผู้รักษาประตูอย่าง โบอาซ มายฮิลล์ เข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูเปิดตัวที่สวยงาม และน่าจดจำเป็นอย่างมากสำหรับ เจสซี่ ลินการ์ด

ประตูชัยรอบชิง เอฟเอ คัพ

ภายหลังได้โอกาสแบบเต็มๆ ฤดูกาลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังหลักของทีม ทำให้ ฟาน กัล ค่อนข้างมั่นใจในตัวเด็กหนุ่มคนนี้ว่าจะเป็นอนาคตที่ดีของทีมเขาได้ ซึ่งในซีซั่น 2015-16 เจ้าตัวสามารถพาทีมตะลุยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จโดยเข้าไปพบกับ คริสตัล พาเลซ  ซึ่งในเกมนั้น พาเลซ เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 จาก เจสัน พันเชียน ในนาทีที่ 78 พร้อมกับภาพสุดคลาสสิคที่ อลัน พาร์ดิว จัดการโชว์สเต็ปแดนซ์สะใจกับประตูออกนำในช่วงท้ายเกมของลูกทีม แต่ทว่าผีแดงก็ใช่ว่าจะตายง่ายมาไล่ตีเสมอในช่วงนาทีที่ 81 จาก ฆวน มาต้า จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1  ซึ่งในช่วงต่อเวลาพิเศษนี้เองที่เป็นเวลาโชว์ออฟของ ลินการ์ด ที่ได้โอกาสลงสนามมา พร้อมกับปล่อยของตอบแทน ฟาน กัล ด้วยการซัดด้วยอีขวาข้างถนัดบอลพุ่งเสียบมุมตาข่ายเป็นประตูชัยให้ทีมคว้าแชมป์มา ขอครองได้สำเร็จ ซึ่งจะว่าไปนี่คือหนึ่งในประตูที่สุดสำคัญของ ลินการ์ด ตลอดสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยก็ว่าได้ 5 โมเมนต์เด่นในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เจสซี่ ลินการ์ด

ซีซั่นที่ผลงานโคตรพีค

ตลอด 6 ปีกับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถ้าจะถามหาว่าขวบปีไหนเขาสร้างชื่อ และทำผลงานได้ดีที่สุดคงต้องเป็นซีซั่น 2017-18 ภายใต้กุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ จริงอยู่ว่าถ้าย้อนกลับไปก่อนหนึ่งฤดูกาลก่อนหน้านั้นทีมจะคว้าแชมป์ทั้งยูโรปา ลีก และ ลีก คัพ ด้วยมีเขาเป็นกำลังหลัก แต่ถ้าพูดถึงผลงานส่วนตัวแบบเพียวๆ ก็ต้องยกให้ฤดูกาล 2017-18 นี่แหละ โดยในซีซั่นดังกล่าว ลินการ์ด ได้โอกาสลงสนามไปทั้งสิ้น 48 เกม และเป็นตัวจริงถึง 30 เกม ทำประตูไปได้ 13 ตุง พ่วงด้วย 7 แอสซิสต์ มากที่สุดเหนือว่าทุกฤดูกาลในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" แม้ในปีนั้นทีมจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของโทรฟี่ถ้วยรางวัล แต่นั้นเป็นจุดพีคที่สุดของชายผู้นี้จวบจนทุกวันนี้

กัปตันทัพปีศาจแดง

อย่างที่เรารู้กันว่า ลินการ์ด อยู่กับสโมสรแห่งนี้มาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นการได้มีโอกาสสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากความฝันของเขาผู้นี้ แต่แล้ววันนั้นก็มาถึง ลินการ์ด กับบทบาทผู้นำในสนามในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามยกพลออกไปเยือน อัสตาน่า ในศึกยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งนั้นถือว่าเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำสำหรับเขามากๆ แต่ดูเหมือนงานฉลองอาจจะกร่อยสักนิดเพราะผลการแข่งขันทีมพ่ายให้ตัวแทนของ คาซัคสถาน 2-1 อีกครั้ง ลินการ์ด ก็โดนใบเหลืองเป็นของขวัญอีกด้วย อย่างไรก็ตามดูเหมือนนั้นน่าจะเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว และไม่แปลกว่านี่จะเป็นอีกความทรงจำที่เขาจะไม่มีวันลืม "ผมฝันมาเสมอว่าสักวันผมจะได้เป็นกัปตันทีม ผมย้ายมาที่นี่ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ผมมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม ทั้งการเล่นชุดเยาวชน และทีมชุดใหญ่ การเรียนรู้กับโค้ชที่ดี, การยิงประตู หรือเหตุการณ์น่าประทับใจ" "แต่แน่นอนมันก็ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ ทั้งหมดนี้คือความทรงจำของผม มีหลายอย่างมอบให้ผม และ ยูไนเต็ด คือบ้านของผม" "มันเป็นเกียรติสำหรับผมมากจริงๆ ได้นำลูกทีมลงสนาม และผมหวังว่าผมจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับบรรดานักเตะดาวรุ่งของทีม และผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำทั้งในสนาม รวมถึงนอกสนามด้วย" 5 โมเมนต์เด่นในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เจสซี่ ลินการ์ด สุดท้ายเราไม่รู้ว่า เจสซี่ ลินการ์ด จะได้โอกาสกลับมาลงสนามในยูนิฟอร์มของ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกหรือไม่ แต่ถ้าคุณตัดอคติในเรื่องของผลงานในสนามทิ้งไป นี่คือหนึ่งในนักเตะที่มี DNA ของสโมสรไหลเวียนอยู่เต็มตัว เขาสู้ทุกครั้งที่ได้โอกาสลงสนามต่างจากบางคนที่แม่งยืนนิ่งทำหน้าเมินเฉย เขามักทุ่มเทแบบสุดชีวิตเพื่อตราสโมสร และมักเป็นคนแรกๆ ที่เข้ามาปกป้องรุ่นน้องเมื่อถูกเล่นงานในสนาม นี่แหละครับรุ่นพี่ที่คอยปกป้องน้องๆ และนักเตะที่ถวายหัวทีมรักของเขาอย่างแท้จริง

- เปา ขอบสนาม -

logoline