ยลโฉม ! 5 แข้งซูเปอร์ซัพฟอร์มสะแด่วซีซั่น 2020-21

สิ่งที่นักฟุตบอลอาชีพทุกคนต้องการมากที่สุดยิ่งกว่าชื่อเสียงและเงินทองแน่นอนว่านั่นก็คือการได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริง

การจำกัดการส่งผู้เล่นลงสนาม 11 คนแน่นอนว่ามันก็ทั้งคนที่สมหวังและผิดหวังซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้โดนใจโค้ชมากขนาดไหน ? ไม่มีใครอยากตกเป็นอะไหล่เสริมของใครหรอก จริงไหม ? แต่ในทางกลับกันก็ไม่ใช่ว่าผู้เล่นตัวสำรองจะดูด้อยเรื่องความสำคัญกว่าใครๆ เพราะวันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ โฉมหน้าของ 5 นักเตะซูเปอร์ซัพที่ฟอร์มแจ่มไม่แพ้พวกแข้งตัวจริง จะมีใครบ้างไปติดตามรับชมกันเลย

วินิซิอุส จูเนียร์ - เรอัล มาดริด

วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นนักเตะที่ได้รับโอกาสจาก ซีเนดีน ซีดาน อยู่เรื่อยๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไอ้หมอนี่ยังไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มขุนพลตัวจริงของ "ราชันชุดขาว" เพราะด้วยเรื่องของอายุที่ยังน้อย รวมถึงทางต้นสังกัดก็มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า แต่ถ้าให้พูดในฐานะซูเปอร์ซัพต้องบอกเลยว่าปีนี้ไอ้หนู วินิซิอุส มีโปรไฟล์ที่ค่อนข้างดี เขาสามารถลงมาช่วยในเกมของ เรอัล มาดริด ดีขึ้นในหลายๆ นัด และก็กดไปได้ถึง 3 ประตูและกดไปอีก 1 แอสซิสต์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการลงมายิงประตูชัยในเกมที่เจอกับ เรอัล บายาโดลิด ตลอดจนการแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง โรดริโก้ โกเอส ซัดประตูชัยในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เจอกับ อินเตอร์ มิลาน อย่างไรก็ตามมันก็ยังเร็วไปที่จะตัดสินเรื่องอนาคตและบทบาทของ วินิซิอุส กับ เรอัล มาดริด เพราะคุณอย่าลืมนะว่าไอ้หมอนี่อายุแค่เพียง 20 ปีเท่านั้น เขาสามารถพัฒนาและยกระดับทักษะสกิลได้อีกมาก

โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 

ชื่อของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จะถูกจดจำในฐานะนักเตะซูเปอร์ซัพที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เพราะมีสถิติเปิดเผยออกมาว่าพี่แกเล่นซัดไปถึง 19 ประตูจากการลงมาเป็นตัวสำรองซึ่งเป็นรองแค่เพียง เจอร์เมน เดโฟ คนเดียวเท่านั้นที่เล่นหวดไปกระจุยถึง 24 ประตู ถึงอายุอานามจะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป แต่ ชิรูด์ ก็ยังพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นว่าเขายังเป็นนักเตะที่จำเป็นสำหรับ เชลซี โดยเฉพาะในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เขามักลงมายิงประตูสำคัญๆ ช่วยให้ทีมเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้เสมอ ถ้าพูดถึงฟอร์มการส่งบอลยัดก้นตาข่ายปีนี้ส่วนใหญ่จะมาจากการลงเล่นเป็นจริงมากกว่า ส่วนการลงมาเป็นซูเปอร์ซัพ โอลิวิเย่ร ชิรูด์ อาจจะทำได้แค่ 2 ประตูในซีซั่นนี้ แต่ถ้ามองในภาพรวมถือว่าพี่แกสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้เยอะมากไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง เล่นลูกกลางอากาศได้ดี สามารถสร้างมิติใหม่ๆ ให้กับแท็คติกของโค้ชได้

เลรอย ซาเน่ - บาเยิร์น มิวนิค

เลรอย ซาเน่ ฝากผลงานระดับมาสเตอร์พีซไว้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งเรื่องของการพังประตูและสถิติการสร้างสรรค์เกม ก่อนจะได้โอกาสหอบข้าวของกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิดที่ เยอรมัน อีกครั้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ก็คือต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ ต้องแข่งขันแย่งพื้นที่ตำแหน่งตัวจริงกับคนอื่นๆ ในทีม เพราะอย่างที่ทราบกันนั่นแหละว่าสโมสรอย่าง บาเยิร์น มิวนิค เป็นทีมที่มีนักเตะคุณภาพคับแก้วอยู่เต็มทีม โดยบทบาทของพี่แกตอนนี้จะหนักไปทางการเป็นตัวสำรองมากกว่า แต่ในทางกลับกันการรับบทซูเปอร์ซัพของ เลรอย ซาเน่ พี่แกกลับมีสถิติที่ดีไม่ใช่เล่นเลย นั่นคือการลงมาเป็นสำรอง 11 นัด ซัดไป 4 ประตู บวกกับกดไปอีก 2 แอสซิสต์ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนัดที่ซัลโวประตูชัยพา "เสือใต้" เชือด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-2 ในศึก แดร์ คลาสซิเกอร์ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาด้วย

เอดินสัน คาวานี่ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสริมทัพเกมรุกด้วยการกระชาก เอดินสัน คาวานี่ แน่นอนว่าเราไม่สามารถหวังผลว่าพี่แกต้องซัลโวได้แบบกระจุยกระจายเหมอนสมัยอยู่กับ นาโปลี หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพราะตอนนี้อายุก็ปา 33 ปีแล้วสิ่งที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ต้องการในตัว คาวานี่ ก็คือการเป็นผู้นำช่วยเหลือหรือแนะนำสิ่งต่างๆ ให้กับรุ่นน้องในทีม ตลอดจนการเป็นอะไหล่เสริมหรือตัวซูเปอร์ซัพเหมือนกับที่ตัวเองเคยเป็นในอดีต และตัว หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ก็ทำผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจด้วยการซัดไป 6 ประตูจากการลงเล่น 21 เกม แต่ถ้าพูดถึงเกมที่ลงมาเป็นสำรองและช่วยพลิกชะตาชีวิตให้กับทีม คาวานี่ ยิงได้ 3 ประตูและทำได้ 2 แอสซิสต์ และถ้าให้พูดถึงเกมที่แฟนๆ ร้องกรี๊ดร้องว้าวหนักที่สุดกับฟอร์มของผู้ชายคนนี้ก็คงเป็นนัดที่บุกไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ช่วงเดือนพฤศิกายน ที่ผ่านมาซึ่งเกมนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายตามหลัง 2-0 ตั้งแต่ 33 นาทีแรก สุดท้าย โซลชา ตัดสินใจส่ง เอดินสัน คาวานี่ มาในครึ่งหลังก่อนจะช่วยให้ "ปีศาจแดง" พลิกล็อคกลับมาแซงชนะ 3-2 และที่สำคัญคือ เอดินสัน คาวานี่ ดันมีส่วนร่วมทั้ง 3 ประตูเลยด้วยจากการยิง 2 และทำ 1 แอสซิสต์

หลุยส์ มูเรี่ยล - อตาลันต้า

การมี ดูวาน ซาปาต้า, มาริโอ ปาซาลิช  และ โยซิป อิลิซิช รวมถึง อเลฮานโดร โกเมซ นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างให้ อตาลันต้า ให้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่เกมรุกน่ากลัวที่สุดในโลกยุคนี้ จะสังเกตได้ว่าแต่ละนัดพวกเขาเล่นถล่มแหลกใส่คู่แข่งแบบกระจุยกระจาย แต่ในขณะเดียวกัน หลุยส์ มูเรี่ยล ก็ถือเป็นหนึ่งในคนที่ควรได้รับเครดิตเหมือนกัน เขาคือหนึ่งในแมคคานิคสำคัญที่ช่วยให้ทีมก้าวมาถึงจุดๆ นี้ จริงอยู่ที่พี่แกไม่ใช่นักเตะที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ผลงานจับต้องได้ เผลอๆ ฟอร์มแจ่มกว่ากองหน้าเบอร์ 1 ของหลายๆ ทีมเสียอีก ย้อนเวลากลับไปฤดูกาล 2019-20 หลุยส์ มูเรี่ยล สร้างสถิติเป็นผู้เล่นตัวสำรองที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซัพและยิงประตูได้มากที่สุดที่ 11 ประตูซึ่งนับว่ามากที่สุดใน 5 ลีกดังยุโรป เช่นเดียวกับตอนนี้พี่แกก็ยังคงรักษาสถิตินี้ได้ดีเพราะในซีซั่น 2020-21 หลุยส์ มูเรี่ยล กดไปแล้ว 5 ประตู บวกกับทำอีก 1 แอสซิสต์ในการลงสนามมาเป็นตัวแก้เกม

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : sportskeeda ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม