logo-heading

บนหน้าประวัติศาสตร์โลกลูกหนังมีแค่เพียง 2 สโมสรเท่านั้นที่สามารถกวาดได้ทุกความสำเร็จใน 1 ซีซั่นนั่นก็คือ บาร์เซโลน่า ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เมื่อปี 2009 และก็ล่าสุดๆ สดๆ ร้อนๆ นั่นคือ บาเยิร์น มิวนิค ในยุคปี 2020

ต่างฝ่ายต่างคว้าไป 6 โทรฟี่ใหญ่ๆ เพียงแค่ฤดูกาลเดียวแน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ถ้าหากจะถามว่าระหว่าง 2 ทีมนี้กับ 2 ช่วงเวลาที่ต่างกันใครเหนือกว่าใครกัน ? ใครคือทีมที่เป็นที่สุดของที่สุดมากกว่ากันเดี๋ยวเราไปเจาะลึกดูสถิติกันหน่อยดีกว่า เพราะวันนี้ทาง "ขอบสนาม" ได้นำข้อมูลจากสื่อต่างประเทศมาอ้างอิงกัน 

ลีก

ใครสุดกว่ากัน ? บาร์เซโลน่า 2009 vs บาเยิร์น มิวนิค 2020 ทั้ง บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค ต่างฝ่ายครองจ่าฝูงเดี่ยวๆ ตั้งแต่แรกเริ่มจนยิงยาวไปจนจบซีซั่นพร้อมกับเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกของตัวเองแบบม้วนเดียวจบโดยที่ไม่เจอกับปัญหาใดๆ เลยซึ่งทางฝั่งของ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน ด้วยการมี 87 คะแนน ชนะ 27 เสมอ 6 และ แพ้ 5 นัด ยิงได้ 105 ประตู และเสีย 34 ประตู ทิ้งอันดับ 2 คู่อริตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด อยู่ถึง 9 คะแนน ส่วนทาง บาเยิร์น มิวนิค ก็ซิวแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมัน ได้ด้วยการมี 82 คะแนน ชนะ 26 เสมอ 4 และแพ้ 4 นัด ยิงได้ 100 ประตูและเสีย 32 ประตูซึ่งทิ้งห่างรองแชมป์อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่เยอะถึง 13 คะแนนด้วยกัน

บอลถ้วยในประเทศ

มาดูเส้นทางเกมบอลถ้วยในประเทศกันบ้างเริ่มจาก บาร์เซโลน่า ก่อนเลยกับศึก โกปา เดอ เรย์ ในฤดูกาลดังกล่าว พวกเขาเก็บชัยไป 7 นัด และ เสมอ 2 นัด กดไป 17 และเสีย 8 ประตูซึ่งหนึ่งในนั้นมีการปราบคู่แข่งล่าแชมป์อย่าง แอตเลติโก มาดริด ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 5-2, ตบคู่อริร่วมเมืองอย่าง เอสปันญ่อล ไปอีก 3-2 ก่อนจะถล่ม แอธเลติก บิลเบา ไปแบบถล่มทลาย 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ถัดมาทางฝั่งของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค กันบ้างกับรายการ เดเอฟเบ โพคาล พวกเขาก็เล่นตบรวดเดียว 6 นัดติดเลยพร้อมซัดไป 16 และเสียแค่ 8 ประตูเท่านั้นซึ่งหนึ่งในนั้นมีการอัด ชาลเก้ 04 1-0, เชือด ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 2-1 ก่อนจะถลุง ไบเออร์ เลเวอร์คู่เซ่น 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศพร้อมกับคว้าแชมป์ไปครอง

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ใครสุดกว่ากัน ? บาร์เซโลน่า 2009 vs บาเยิร์น มิวนิค 2020 บนเส้นทาง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2008-09 ของ บาร์เซโลน่า พวกเขาต้องไปเริ่มจุดสตาร์ทที่รอบคัดเลือกเพราะปีก่อนหน้านั้นพวกเขาจบเป็นอันดับ 3 ในตาราง ลา ลีกา สเปน แต่ก็มาผ่านมาได้โดยง่ายตามความคาดหมาย โดยในรอบแบ่งกลุ่ม บาร์ซ่า ถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม ซี ร่วมกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน, ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค และ บาเซิ่ล ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ยากและไม่ง่ายนัก แต่สุดท้ายก็คว้าตำแหน่งแชมป์กลุ่มมาได้จากการมี 13 คะแนน ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 นัด กดไป 18 ประตู และเสีย 4 ลูก พอตัดเข้าสู้เส้นทางน็อคเอาท์ก็เจอแต่ด่านหินๆ ทั้งนั้นไล่ตั้งแต่ โอลิมปิก ลียง, บาเยิร์น มิวนิค และ เชลซี ถ้าจะถามถึงจุดเปลี่ยนน่าจะเป็นประตูสุดสวยของ อันเดรส อิเนียสต้า ช่วงทดเจ็บที่ตีเสมอ "สิงโตน้ำเงินคราม" 1-1 ในรอบรองชนะเลิศ เพราะมันส่งให้พวกเข้าไปชิงดำแบบหวุดหวิดด้วยกฏอเวย์โกล์ ก่อนจะไปเชือด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 2-0 ทางฝั่งของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่ดีที่สุดในยุโรปปีนั้นก็โชว์ฟอร์มได้สมราคาคุยสุดๆ กับการจบเป็นแชมป์ของกลุ่ม บี ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, โอลิมเปียกอส และ เร้ด สตาร์ เบลเกรด ซัดไป 24 ประตูและเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้น มี 18 คะแนนจากการชนะ 6 เกมรวด จากนั้นในรอบน็อคเอาท์พวกเขาก็เล่นมาเหนือเมฆสุดๆ ด้วยการถล่มยับแบบไม่ไว้หน้าไล่ตั้งแต่การอัด เชลซี  7-1ด้วยสกอร์รวมมองนัด , ขยี้ บาร์เซโลน่า ไปอีก 8-2 มาถึงรอบรองชนะเลิศก็ตบ โอลิมปิก ลียง ไปเบาๆ 3-0 ก่อนจะเข้าไปฟาด ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 1-0 พร้อมกับได้ชูถ้วยแชมป์บิ๊กเอียร์สมัยที่ 6 สมใจ

ซูเปอร์คัพ ในประเทศ

ใครสุดกว่ากัน ? บาร์เซโลน่า 2009 vs บาเยิร์น มิวนิค 2020 อีกหนึ่งบอลถ้วยใหญ่ในประเทศของตัวเองทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า ต่างก็ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าโดยเริ่มจากศึก เดเอฟเบ ซูเปอร์ คัพ บาเยิร์น มิวนิค ก็มีลูกเสียวให้เห็นเหมือนกันในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่สมน้ำสมเนื้ออย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพราะถึงแม้จะเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 2-0 แต่ทาง "เสือเหลือง" ก็ไม่ยอมถอดใจหรือยกธงขาวง่ายๆ ก่อนจะดิ้นรนจนตามตีเจ๊าได้สำเร็จ 2-2 แต่ท้ายที่สุดประตูตัดสินชี้ชะตาแชมป์มันก็เกิดขึ้นในนาที 82 จากไอ้หนุ่ม โจชัว คิมมิช ส่วน บาร์เซโลน่า กับรายการ ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า การห้ำหั่นกับ แอธเลติก บิลเบา ตลอด 2 นัดเหย้าเยือนก็สามารถเก็บผลที่ต้องการได้ทั้งหมด เริ่มจากบุกไปอัดมาก่อน 2-1 ก่อนจะกลับมา คัมป์ นู และย้ำแค้นไปแบบสบายๆ 3-0 ได้ถ้วยแชมป์มานอนกอดแบบตามความคาดหมาย

ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ

ถ้วยแชมป์ที่จะช่วยการันตีการเป็น นัมเบอร์ วัน ในทวีปยุโรปประจำปีก็คือศึก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ที่เป็นการจับแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก มาดวลกัน ทางฝั่งของ บาร์เซโลน่า ที่ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่ดีที่สุดในโลกตอนนั้นการเจอกับ ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค ใครก็มองว่างานเบา ตบสบายๆ ถ้าวัดจากชื่อชั้นและศักยภาพทีมที่เหนือกว่า แต่ในความเป็นจริงคือมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะฝั่งทีมรองก็วางแท็คติกมาดี และยันได้จนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเพราะ บาร์เซโลน่า มาได้ทีเด็ดเป็นประตูชัยจาก เปโดร โรดริเกซ ที่สวมบทซูเปอร์ในนาทีที่ 115 ส่วนทาง บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปีที่ผ่านมาในการลงแข่งขันรายการดังกล่าวพวกเขาต้องเจอกับ เซบีย่า ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เรื่องของสถานการณ์และความคาดหวังก็ไม่ต่างจากคู่ของ บาร์เซโลน่า เลย เพราะเรื่องดีกรี ระบบทีม ศักยภาพนักเตะและความลงตัวเพอร์เฟคในหลายๆ ด้านพวกเขาเหนือกว่าเยอะ แต่ผลที่ออกมามันก็เล่นพวกเขาจนหอบรับประทานเหมือนกันจากการเป็นฝ่ายโดนนำก่อน และต้องมาดิ้นรนตามตีเสมอ แถมยังสู้กันยาวจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษอีกต่างหาก แต่สุดท้ายก็พวกเขาเป็นฝ่ายกำชัยได้ตามคาดจากการได้ประตูสำคัญของ ฆาบี มาร์ติเนซ ในนาที 104 ที่เพิ่งลงสนามมาได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น

สโมสรโลก

ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ โทรฟี่ใบสุดท้ายที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้แฟนบอลทั่วทั้งโลกรับทราบว่าคุณคือสโมสรเบอร์ 1 ของโลกรึเปล่า ? เพราะนี่ก็คือนำแชมป์บอลถ้วยแต่ละทวีปมาฟาดแข้งกัน แต่ส่วนใหญ่ทีมจากยุโรปมักไม่ค่อยพลาดและเข้าวินได้ตามคาด โดยในปี 2009 ทางฝั่งของ บาร์เซโลน่า ก็เชือด แอตลานเต้ แชมป์จากโซน คอนคาเคฟ ไปแบบนิ่มๆ 3-1 ก่อนจะเข้าไปเชือดหืด 2-1 ในการเผชิญหน้ากับ เอสตูดิอานเตส แชมป์จากอเมริกาใต้ ส่วนทาง บาเยิร์น มิวนิค นี่เพิ่งจะได้แชมป์มาสดๆ ร้อนๆ เลย เรียกได้ว่าถ้วยสโมสรโลกยังอุ่นๆ อยู่เลยจากการปาดคอ ติเกรส แชมป์จาก คอนคาเคฟ มา 1-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (12 กุมภาพันธ์)

สรุป

ถ้านำสถิติของทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันโดยในปี 2009 ของ บาร์เซโลน่า พวกเขาเก็บชัยชนะไปได้ 46 เสมอ 13 และ แพ้ 6 นัด ยิงได้ 163 ประตู และเสีย 59 ประตู ส่วนทางฝั่งของ บาเยิร์น มิวนิค ที่แข่งน้อยกว่า 10 นัด พวกเขาชนะ 47 เสมอ 4 และแพ้ 4 นัด ยิงได้ 167 ประตู และเสีย 51 ประตู ถ้าเกิดนำจำนวนเกมที่ลงเล่นมาคิดค่าเฉลี่ย ผลที่ได้ก็คือ บาเยิร์น มิวนิค คือทีมที่ยิงประตูได้มากกว่า ส่วน บาร์เซโลน่า เสียประตูน้อยกว่า จริงๆ นี่มันก็เป็นแค่เรื่องของสถิติและตัวเลขเท่านั้น แต่ถ้าจะถามว่าใครเหนือกว่าใคร ? คำตอบก็คือทั้งคู่นั่นแหละ พวกเขาทั้ง 2 สมควรได้รับเครดิตและการยกย่องอย่างแท้จริง เพราะการยืนระยะในช่วงเวลา 1 ปี การรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นให้คงเส้นคงวามันไม่ง่ายเลย ไม่ว่าคุณจะเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าหรือด้อยกว่าแค่ไหนแน่นอนว่าการเก็บชัยชนะในแต่ละนัดมันไม่ง่าย เพราะมันไม่สามารถการันตีได้แบบ 100 เปอร์เซนต์อยู่แล้ว ฟุตบอล มันก็แค่ลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เรื่องนี้ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว

HaMu Dos Santos 

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : marca ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline