logo-heading

ผ่านพ้นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่าก็ย่อมมีทีมที่สมหวังกรุยทางเข้ารอบต่อไปได้ กับอีกกลุ่มที่ต้องน้ำตาตกถอยหลังกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ฤดูกาล ในกรณีที่ได้โอกาสกลับมาตะบันแข้งอีกครั้ง

โดย 8 ทีมที่ผ่านเข้ามาสู่รอบก่อนรองชนะเลิศประกอบไปด้วย ลิเวอร์พูล, เชลซี, แมนฯ ซิตี้, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ ปอร์โต้ ซึ่งกลายเป็นว่ารอบนี้มีตัวแทนจากประเทศอังกฤษผ่านเข้ารอบมามากที่สุดถึง 3 ทีม ส่วนลาลีกา สเปน มีหลงเหลืออยู่เพียงแค่ เรอัล มาดริด หน่อเดียวเท่านั้นในการแย่งคว้าเจ้าถ้วยบิ๊กเอียร์ไปครอง ส่วนแชมป์เก่าอย่างทัพ "เสือใต้" ยังคงอยู่ในเส้นทางเช่นเดียวกัน ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยจะพาทุกท่านไปวิเคราะห์ตัวเต็งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายกันเสียหน่อยว่าทีมไหนมีโอกาสฟันฝ่าอุปสรรค และก้าวขึ้นไปเป็นเต้ยบอลถ้วยยุโรปในฤดูกาลนี้ แต่ละทีมมีดีอย่างไรบ้าง 

ปอร์โต้ (โปรตุเกส)

ถือว่าหักปากเซียนหลายสำนักมากพอสมควรสำหรับขุนผลของกุนซือ แซร์โจ้ คอนไซเซา การตบทัพ ยูเวนตุส ให้ร่วงตกรอบ 16 ทีม นับว่าเป็นยอดเยี่ยมของพวกเขาเป็นอย่างมากทั้งที่ช่วงรู้ผลจับฉลากออกมา ด้วยขุมกำลัง และประสบการณ์ ใครหลายคนต่างคาดการณ์ และมองไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่รอดอย่างแน่แท้ แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาสู้แบบหลังชนฝาจนกระทั่งพาตัวเองเข้ามายังรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แน่นอนด้วยชื่อชั้นพวกเขาคงจะมีเป็นทีมที่หลายสโมสรอยากจะมาดวลแข้งด้วย เพราะว่ากันตามตรงคงเป็นด่านที่ง่ายที่สุดแล้ว แต่ทว่าก็อย่าลืมว่า ยูเวนตุส ก็โดนพวกเขาเขี่ยมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งมันก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งไม่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องของเกมรับที่มีพี่ใหญ่อย่าง เปเป้ คอยบัญชาเกมอยู่ ขืนใครมาเจอ และเกิดประมาทก็อาจน้ำตาร่วงได้เช่นกัน

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)

อีกหนึ่งทีมที่ผลงานโดยรวมถือว่าน่าเกรงขามมากพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของเกมรุกที่มักยิงประตูคู่แข่งได้มากพอสมควร เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญที่พวกเขามี เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เด็กดาวรุ่งโคตรพรสวรรค์อยู่ในทีม ที่ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวอยู่ในตอนนี้ที่จำนวน 10 ประตู ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาสามารถผ่าน เซบีย่า มาได้แบบไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 5-4 การผ่านมาเข้ามาในรอบนี้ แม้ทัพ "เสือเหลือง" จะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งในการลุ้นแชมป์ แต่อย่าลืมว่าพวกเขาเองก็มีความน่ากลัวแฝงอยู่โดยเฉพาะเรื่องของเกมรุกที่บุกกระจาย รวมไปถึงเกมในบ้านของพวกเขาที่ซีซั่นนี้โดยเฉพาะในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ยังไม่พลาดท่าพ่ายให้กับทีมไหนเลย ฉะนั้นนี่คือจุดแข็งสำคัญที่อาจพาพวกเขาไปได้ไกล และเข้ารอบที่ลึกกว่านี้ก็เป็นได้ สำรวจตัวเต็งซิวแชมป์ ชปล. หลังฝ่าด้านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

เรอัล มาดริด (สเปน)

ตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากลาลีกา สเปน พร้อมกับการที่ไม่ได้ถูกจับตามองมากนักว่าจะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ เพราะด้วยปัจจัยของการผลงานการเล่นที่ไม่ได้สม่ำเสมอ บวกกับนักเตะในทีมต่างเวียนกันเข้าโรงพยาบาลกันเป็นว่าเล่น มันเลยทำให้ ทีมไม่สามารถรักษามาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง รอบ 16 ทีมที่ผ่านมาทัพ "ราชันชุดขาว" สามารถผ่านด่าน อตาลันต้า เข้ามาได้แบบไม่พลิกโผ และก็ไม่ได้พบเจอกับความยากลำบากเท่าไหร่นัก เพราะด้วยความเก๋า และประสบการณ์ที่มีมากกว่าคู่แข่งค่อนข้างเยอะ ทำให้สามารถกรุยทางเข้ามาแบบไม่ได้ยากเย็นนัก แถมเป็นการเอาชนะได้ทั้งไป-กลับ รวมแล้วจบที่สกอร์ 4-1 โดยปัจจุบันเหล่าร้านพนันถูกกฎหมายในต่างประเทศต่างมองพวกเขาคือเต็ง 6 ที่จะมีโอกาสสอยแชมป์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกเหมือนกันที่ทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ตกมาอยู่ในตัวเลือกรั้งท้ายแบบนี้ แต่อย่างนึงที่น่าสนใจคือด้วยยี่ห้อของนายใหญ่ผู้นี้ทำให้ เรอัล มาดริด ยังคงน่ากลัวเสมอ ซึ่งมันการันตีด้วยแชมป์ 3 สมัยซ้อน และแน่นอนถึงตรงนี้ก็ยังคงกาชื่อพวกทิ้ง หรือประมาทไม่ได้อยู่ดี

เชลซี (อังกฤษ)

ทีมฟอร์มแรงที่กลับมาเป็นที่สนใจของเหล่ากูรู และแฟนบอลอีกครั้งนับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามารับงานนั่งเก้าอี้กุนซือ เพราะนับจนถึงตรงนี้นายใหญ่ชาวเยอรมันคุมทัพ "สิงห์บลู" มาแล้ว 13 นัด ผลปรากฎว่าไร้พ่าย พร้อมกับเป็นเป็นสถิติกุนซือของ เชลซี ที่ออกสตาร์ทการคุมทีมดีที่สุดอีกด้วย แน่นอนการผ่านด่าน แอต.มาดริด ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังเป็นการชนะทั้งเหย้า และเยือนอีกด้วย บวกกับรักษาคลีนชีตได้อีก ยิ่งเป็นเหมือนการเพิ่มกำลังใจ และความมั่นใจให้กับพลพรรคนักเตะภายในทีม  โดยตอนนี้พวกเขารั้งเป็นเต็ง 5 ของรายการ แต่เมื่อเฝ้ามองดูไปที่ผลงานก็ต้องยอมรับว่า เชลซี กลายเป็นทีมที่น่ากลัวขึ้นมาในทันที บวกกับฟุตบอลสไตล์ ทูเคิ่ล เริ่มทำให้นักเตะซึบซับได้แล้ว มันยิ่งทำให้ภาพของ "สิงห์บลู" ในตอนนี้มันชัดเจน และมีอนาคตในการลุ้นซิวแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 เช่นกัน

ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)

แม้ผลงานในเกมลีกอาจจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์เสียเท่าไหร่ แต่กับบอลถ้วยอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขายังคงความดุดันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม และสม่ำเสมอ การฝ่าด่าน แอลเบ ไลป์ซิก เข้ามาถือว่าไม่ได้ใช่งานที่ยากเย็นระบมหัวแม่เท้าสักเท่าไหร่ แม้เกมทั้ง 2 นัด จะต้องเตะที่สนามเป็นกลางทั้งคู่ก็ตาม และอีกอย่างคือตอนนี้ดูเหมือน เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมเองก็เบนเป้ามาโฟกัสที่โทรฟี่นี้แบบเต็มอัตราศึกแล้ว เนื่องด้วยหนทางในพรีเมียร์ลีกกับการป้องกันแชมป์จะเป็นเรื่องยาก และแน่นอนตอนนี้จะว่าไปพวกเขาก็กำลังเค้นฟอร์มเก่งให้กลับมาได้อีกครั้ง และเชื่อว่าเมื่อโปรแกรมรอบก่อนรองชนะเลิศกลับมาเตะขุมกำลังของ "หงส์แดง" น่าจะมีความสมบูรณ์มากกว่านี้ไปอีก ฉะนั้นไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะถูกจัดเข้ามาอยู่ในเต็ง 4 ในการลุ้นโทรฟี่บิ๊กเอียร์ เพราะด้วยปัจจัยความสำเร็จที่ทีมเหลือเพียงรายการเดียว และสามารถเพ่งสมาธิได้อย่างเต็มที่ บวกกับประสบการณ์ และแรงกระหายที่อยากจะมอบความสุขคืนสู่แฟนบอล มันเลยทำให้พวกเขากลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่ไม่มีใครจับฉลากมาพบเจอด้วย สำรวจตัวเต็งซิวแชมป์ ชปล. หลังฝ่าด้านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)

รองแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และยังคงตั้งเป้าการเป็นเจ้ายุโรปคือหมุดหมายอันดับ 1 ของสโมสรที่จะเอื้อมมือไปคว้ามาเชยชมให้ได้สักครั้ง และแน่นอนการปราบ บาร์เซโลน่า เมื่อรอบที่แล้วคือการสร้างกำลังใจชั้นยอดของพวกเขา และมันคือการเอาชนะแบบไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่นัก เพราะมันน่าจะจบไปตั้งเกมนัดแรกที่บุกไปถล่มถึงคัมป์ นู 1-4 แล้ว ปัจจุบันพวกเขาถูกมองว่าจะเป็นเต็ง 3 ในการเบียดเข้าป้ายคว้าแชมป์ ซึ่งถ้ามองดูแล้วมันก็เป็นอันดับที่พอเข้าใจได้ เพราะด้วยขุมกำลังที่มี บวกกับมาตรฐานของนักเตะที่ดีกว่าหลายสโมสรที่ผ่านมาเข้า มันเลยเป็นปัจจัยเกื้อหนุนทำให้ทัพเมืองหลวงฝรั่งเศสจะมีโอกาสได้ซิวโทรฟี่แชมป์ไปครอง แต่อย่างไรก็ตามทางที่เหลือมันไม่ง่าย ถ้าเกิดแพ้ภัยตัวเอง ไม่อาจรักษามาตรฐานได้เหมือนเกมลีก เอิง ในตอนนี้ ก็มีโอกาสโบกมือลาได้เหมือนกัน

บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)

เจ้าของแชมป์เก่าที่ยังคงความแข็งแกร่งไว้ได้เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะในเรื่องของเกมรุกที่จะบุกทำลายล้างคู่แข่งได้แบบน่ากลัวยิ่งนัก และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็ไม่ได้มีมาตรฐานที่ตกหล่นไปเลย ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเพชรฆาตจอมฝังตาข่ายคู่แข่งอยู่เหมือนเดิม ซึ่งด้วยยี่ห้อ "เสือใต้" ในตอนนี้ต้องยอมรับว่าเขาคือทีมที่กลายเป็นที่ 1 ของยุโรปแบบไม่มีใครกล้าเถียง เพราะด้วยมาตรฐานที่เหล่าผู้เล่น และ ฮันซี่ ฟลิค ทำไว้มันยอดเยี่ยมมากๆ และเชื่อว่าในยามนี้ไม่มีใครหน้าไหนอยากจะจับฉลากไปเจอกับพวกเขาอย่างแน่นอน และถึงตรงนี้โอกาสก็มีไม่น้อยที่พวกเขาจะสามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ แต่อย่างไรก็ไม่ควรประมาทตัวเอง และประเมินคู่แข่งให้ดี ทุกอย่างพวกเขาก็เหมือนเป็นตัวกำหนดผลการแข่งขันเหมือนกัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

เต็ง 1 ที่ราคานำโด่งมาแต่เพียงผู้เดียว เพราะด้วยผลงานของพวกเขา บวกกับมันสมองของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มันแสดงออกมาในสนามแล้วว่าพวกเขาคู่ควรต่อการเป็นนำในชาร์ตความน่าจะเป็นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสถิติในฤดูกาลนี้มันบ่งบอกว่าแล้วทัพ "เรือใบสีฟ้า" แข็งแกร่งเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของเกมรับที่เพิ่งเสียประตูไปเพียงตุงเดียวเท่านั้นใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ และด้วยความมั่นหมายของ เป๊ป ที่อยากจะพาเรือลำนี้ไปถึงฝั่งฝันเสียทีกับการคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์มาครองให้สำเร็จ มันเลยเหมือนแรงบวกที่ทำให้พวกเขามีความกระหายแบบคูณสอง และอีกอย่างคือตอนนี้พวกเขาก็สามารถเพ่งสมาธิมาที่การไล่ล่ารายการนี้ได้แบบเต็มที่ เพราะคะแนนในลีกที่ค่อนข้างทิ้งห่างอันดับ 2 ไปไกล มันเลยประจวบเหมาะมีโอกาสที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จดั่งที่ปราถนาเอาไว้ได้

- เปา ขอบสนาม -

logoline