logo-heading

"ถ้าจุดเทียนกลางห้อง ห้องจะสว่างทั้งหมด แต่ถ้าจุดเทียนริมกำแพง ห้องจะสว่างแค่ครึ่งเดียว"

หมายความว่า ถ้าเรารู้จักใช้สิ่งของอะไรสักอย่าง มันจะเป็นประโยชน์ให้กับเราเสมอ สำหรับคนก็เช่นเดียวกันครับ ถ้าหากเรารู้ว่าคนนั้นเก่งสิ่งไหน ก็จงนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง เพราะเขาจะแสดงประสิทธิภาพออกมาอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ตาม

หากเปรียบเปรยเป็นนักฟุตบอล ผมกำลังเกริ่นเข้าเรื่องเกี่ยวกับชายที่ชื่อ ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับจาก ลิเวอร์พูล !

ฟาบินโญ่ ถูกซื้อเข้ามาสู่ทัพ หงส์แดง แบบเซอร์ไพรส์ หากจำเวลาแบบไม่คาดเคลื่อน เขาเปิดตัวกับทีมในช่วงเวลาประมาณตี 3 ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2018 ชนิดที่สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่ทันตั้งตัว .. บางคนตื่นมา ยังงงๆด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้ ไม่มีวี่แววเลยว่า ลิเวอร์พูล จะได้ตัวมาร่วมทีม เพราะสมัยที่ ฟาบี้ โด่งดังกับ โมนาโก คว้าแชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส มาครอง เขามักตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เสมอ แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงเห็นแววอะไรสักอย่าง เลยไปดึงตัวมาด้วยราคา 39 ล้านปอนด์ พร้อมกับมอบตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวตัดเกมให้เป็นสัมปทาน เพราะตั้งแต่หมดยุค ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ไปนั้น หงส์แดง ก็ไม่มีพวกกองกลางตัวรับแบบธรรมชาติ มีเซนส์การตัดบอลโดยเฉพาะ ต้องใช้พวก ลูคัส เลว่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือ เอ็มเร่ ชาน ถอยลงไปเล่นมากกว่า ซึ่งบอกเลยว่าไม่ตอบโจทย์ ฉะนั้นนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไม ฟาบินโญ่ ถึงถูกดึงเข้ามาสู่ชายคาแอนฟิลด์ .. เริ่มแรกเดิมที ฟาบินโญ่ นั่งดูเพื่อนข้างสนาม..จนก้นด้าน วันเวลาผ่านไป 3-4 เดือน แฟนบอล ลิเวอร์พูล นึกในใจว่า หรือ ฟาบินโญ่ จะไม่เข้ากับระบบ "เกเก้น เพรสซิ่ง" ด้วยสปีดบอล ด้วยพละกำลังต่างๆ แต่สุดท้ายก็ถึงบางอ้อ เพราะ คล็อปป์ ต้องการให้ซึมซับเข้ากับแท็คติคอย่างเต็มขั้น แต่พอทุกอย่างเข้าที่ ฟาบินโญ่ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม พร้อมเป็นส่วนสำคัญทำให้ หงส์แดง กลับมาผงาดฟ้า คว้าทั้งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้จะไม่โดดเด่นบนหน้าจอ แต่ก็ขาดไปไม่ได้ “ถ้าถามว่าตอนนี้ใครเก่งที่สุดในโลกในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ สำหรับผมแล้ว นักเตะที่เก่งที่สุดในตำแหน่งเดียวกับผมคือ ฟาบินโญ่ .. เขารวดเร็ว และ แข็งแกร่ง การจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม การอ่านเกมได้อย่างชาญฉลาด ใช่แล้ว ผมขอยกให้เป็น ฟาบินโญ่ ” นี่คือบทสัมภาษณ์ของ เดแคลน ไรซ์ กองกลางตัวตัดเกมจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เอ่ยปากยกย่องถึง ฟาบินโญ่  ฟาบินโญ่ มีสถิติแท็คเกิ้ลชนะคู่แข่ง 163 ครั้ง คิดเป็น 54 % / ดักตัดบอลคู่แข่ง 94 ครั้ง / ช่วยสกัดจังหวะอันตราย 89 ครั้ง / เก็บบอลจากจังหวะสอง 425 ครั้ง และ ไม่เคยทำผิดพลาด นำมาซึ่งการเสียประตูเลยสักครั้งเดียว โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ 77 นัด ที่เขาลงเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่กระนั้นโชคชะตา ก็ทำให้ ฟาบี้ ต้องถอยจาก มิดฟิลด์ ลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็น จริงๆแล้วก็ไม่น่าแปลกๆใจเท่าไหร่ครับ เพราะ ฟาบินโญ่ ถือเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ในแนวรับคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากมิดฟิลด์ตัวตัดเกมแล้ว เขาสามารถถอยมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก หรือ ฉีกออกไปยืนเป็นแบ็กขวา ซึ่งก็เคยเล่นผ่านสายตาแฟนบอลมาบ้าง ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล หากย้อนกลับไปฤดูกาลก่อน ก็มีช่วงที่ ฟาบินโญ่ ได้ถอยมายืนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็นเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ยาวนานหลายนัด เพราะยังไม่มีใครบาดเจ็บหนัก เต็มที่ 1-2 แมตช์ก็กลับไปเล่นตำแหน่งเดิม  ทว่าสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" รับรู้และจดจำได้ว่า สาเหตุที่ คล็อปป์ ไม่ซื้อแนวรับเพิ่ม หลังจากปล่อย เดยัน ลอฟเรน ออกจากทีม ก็เพราะเชื่อว่า ฟาบินโญ่ สามารถถอยมาเติมเต็มในตำแหน่งนี้ได้ ต่อให้จะเหลือแค่ โจ โกเมซ / โจเอล มาติป และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์  อย่างไรก็ตามเหมือนฟ้าจะเล่นตลกกับ หงส์แดง เพราะแนวรับ 3 คนที่ว่ามานั้น เกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงทั้งหมด เดี้ยงยาวถึงพักทั้งซีซั่น เมื่อเป็นเช่นนั้น ฟาบินโญ่ จึงต้องแบกรับภาระหน้าที่ ถอยลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กแบบจำเป็น คอยแบกน้องๆ อย่างพวก รีส วิลเลี่ยมส์, นาธาเนียล ฟิลลิปป์ หรือ ต้องยืนคู่กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ด้วยซ้ำ ถ้าถามว่า ฟาบินโญ่ เล่นได้ดีกับตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ไหม ? ตอบเลยว่า ก็ดี เท่าที่มี แต่ไม่ได้ดีเด่อะไรขนาดนั้น เหมือนจับคนเขียนหนังสือมือขวา แต่ให้หัดไปเขียนมือซ้าย ต่อให้คุณพอจะเขียนแบบไปวัดไปวาได้ แต่มันก็ไม่เหมือนการใช้มือข้างถนัดของคุณ ถูกมั้ย ? ไม่ต้องย้อนไปไกล อะไรให้มากความ แค่ 6 นัด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ นับเฉพาะที่ ฟาบินโญ่ ถอยมาเล่นเป็นกองหลังตัวกลาง ต้องเจอความพ่ายแพ้ไปถึง 5 นัด และ ทำได้เสมอแค่ 1 นัด เท่านั้น เขาเองก็ไม่อาจแบกรับภาระตรงนี้ได้เหมือนกัน หยิบยกสถิติมาแบบนี้ ไม่ได้จะมาหาแพะ หรือ กล่าวโทษตำหนิ ฟาบินโญ่ แต่อย่างใด เขาพยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ทว่าจังหวะจะโคนในการเข้าบอล เขามีความเป็นมิดฟิลด์ตัวรับสูงมาก บางช็อตเข้าช้า เข้าพรวดพราด ถึงกับเสียจุดโทษก็มี หรือ การเซ็ตแผงหลังรับมือกับลูกกลางอากาศ เขาก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนกับพวกเซ็นเตอร์อาชีพ ยิ่งเป็นจังหวะเซ็ตพีซ หรือ ลูกเตะมุม ฟาบินโญ่ ไม่อาจสร้างความอันตรายให้กับทีมได้เลย เพราะเขาไม่ได้โดดเด่นเรื่องลูกกลางอากาศขนาดนั้น เพราะจุดเด่นของ ฟาบินโญ่ คือเซนส์ในการอ่านบอล ไปดักตรงจุดที่คิดว่าบอลจะผ่านมา แต่การยืนเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งต้องปะทะหนักๆกับบรรดากองหน้า ก็เป็นอะไรที่เขาไม่คุ้นเคยอยู่เหมือนกัน .. เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล รู้เรื่องนี้ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะด้วยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น  ต่อให้จะมี โอซาน คาบัค และ เบน เดวิส สองเซ็นเตอร์แบ็กตัวใหม่ เข้ามาแล้วก็ตาม .. ทว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก เพราะต้องมี ฟาบินโญ่ เป็นตัวเก๋าคอยยืนคุมเชิงไว้ก่อน แต่ด้วยความที่ ลิเวอร์พูล แพ้ติดต่อกันหลายนัด ถึงขั้นสร้างประวัติศาสตร์ แพ้คาบ้านในลีก 6 นัดรวด เป็นครั้งแรกของสโมสร คงเป็นสิ่งที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ฉุกคิดขึ้นได้ว่า "ถ้าอะไรที่ไม่ใช่ ก็อย่าฝืน" คล็อปป์ จึงได้ทำการ "สังคายนา" ทีมอีกครั้ง อะไรที่ไม่คุ้นเคย ก็เปลี่ยนแปลงกลับมา เพราะบางอย่างอะไรที่มันเดิมๆ ก็ดีที่สุดแล้ว "เดอะ นอร์มอล วัน" ตัดสินใจให้ ฟาบินโญ่ กลับไปเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับอีกครั้ง ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็กให้เป็นหน้าที่ของ แนท ฟิลลิปป์ กับ โอซาน คาบัค ในเกมเจอกับ ไลป์ซิก เป็น หงส์แดง ที่เอาชนะไปได้ 2-0 วันนั้น ฟาบินโญ่ เหมือนเด็กที่เจอของเล่นชิ้นโปรด เขาสนุกกับการเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่คุ้นเคย หลังจบเกมเขาได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากผลงานอันยอดเยี่ยม
  • ผ่านบอลสำเร็จ 70%
  • สัมผัสบอล 51 ครั้ง
  • ดวลกลางอากาศชนะ 1 ครั้ง
  • เข้าปะทะสำเร็จ 3 ครั้ง มากสุดเป็นอันดับ 2 ของทีม
  • เคลียร์บอล 2 ครั้ง
  • ตัดเกม 4 ครั้ง (มากที่สุดในทีม)
และนั่นทำให้ คล็อปป์ เหมือนเจอรักแท้ที่ถูกพรากไปนาน ... "ผมพูดกับ ฟาบินโญ่ว่า -นายชอบตำแหน่งเบอร์ 6 มากกว่าสินะ? แล้วรอยยิ้มของเขามันบอกทุกอย่าง เราทุกคนต้องการ แฟบ ลงเล่นในตำแหน่งเบอร์ 6" บทสัมภาษณ์ของกุนซือใหญ่ ที่ให้ลูกศิษย์คนนี้กลับมาเล่นในตำแหน่งที่รักอีกครั้ง จากฟอร์มเกมนั้น ต่อยอดมาจนถึงเกมบุกเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 ฟาบินโญ่ ได้ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับเหมือนเดิม และ ผลงานของเขาก็ยังเป็นที่ประจักษ์ เป็นตัวเก็บกวาดชั้นดี คอยสกรีนบอลก่อนจะไปถึงแผงหลัง พร้อมกับมีช็อตที่แย่งบอลสวยๆได้ด้วย การกลับมายืนมิดฟิลด์ตัวรับของ ฟาบินโญ่ ถือเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้ ลิเวอร์พูล จากแย่ๆกลับมามีผลงานที่ดีอีกครั้ง
  1. การอ่านเกมของเขา ทำให้กองหลังเล่นง่ายขึ้น เพราะก่อนที่คู่แข่งจะพาบอลขึ้นมา จะมีเขาเป็นด่านรองสุดท้าย ที่คอยสกัด คอยตัดบอลให้กับเพื่อนอยู่เสมอ และ บางครั้งการจ่ายบอลสั้น บอลยาว เป็นอีกหนึ่งสกิล ที่ช่วยให้ทีมเปลี่ยนจากรับเป็นรุก
  1. เมื่อ ฟาบินโญ่ ขยับขึ้นมา ทำให้การเชื่อมเกมตรง ดูมีความสมูทมากขึ้น เพราะเมื่อเขาคอยซัพพอร์ทเกมรับ ทำให้พวก จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และ ติอาโก้ อัลคันตาร่า สามารถเติมรุกไปช่วยแนวรุกได้มากกว่าเดิม และ เป็นการยกระดับเพื่อนไปในตัว ซึ่งจะเห็นได้ว่า 1-2 เกมที่ผ่านมา ของ ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำประตูเป็นกอบเป็นกำ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ การยิงตรงกรอบสักครั้งเป็นเรื่องยาก
  1. จังหวะที่ ลิเวอร์พูล โดนโต้กลับเร็ว ฟาบินโญ่ จะเป็นตัวสกรีนให้กับเพื่อนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแท็คเกิ้ล หรือ การทำตัวให้เกะกะ อย่างน้อยก็เป็นการชะลอเกมรุกของคู่แข่ง ไม่ให้ไปถึงหน้าปากประตูโดยง่าย
อาจจะดูอวยเว่อวังในสายตาคนอื่น แต่สำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล เชื่อเถอะครับว่า ฟาบินโญ่ คือหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของทีม และ เขาจะแสดงศักยภาพออกมาได้ดีที่สุด คือตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ เหมือนอย่างที่ทำให้เห็นในเกมชนะ ไลป์ซิก และ วูล์ฟแฮมป์ตัน

"อย่าฝืนทำอะไรที่มันไม่ใช่ตัวเรา เพราะบางทีมันอาจไม่มีความสุขเจือปนอยู่เลย"

ฮาย ฮาวดี้-

logoline