"คนที่แพ้... ก็ต้องดูแลตัวเอง" ประโยคนี้คงเข้ากับสถานการ์ของ แฮร์รี่ เคน ในชั่วโมงนี้มากที่สุดแล้ว ภายหลังต้องอกหักอีกครั้งกับการพลาดคว้าแชมป์แรกภายใต้สีเสื้อของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
อย่างที่เรารู้กันว่าชื่อของ เคน กลายเป็นกองหน้าเบอร์ต้นของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เรียบร้อยแล้ว ภายหลังเจ้าตัวสอบผ่านได้อย่างฉลุย พร้อมรักษามาตรฐานของตัวเองในการไล่ล่าประตูให้กับ สเปอร์ส ได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 6-7 ปี ที่ผ่านมา แต่ทว่าถ้าจะมีสิ่งนึงที่ดูเหมือนยังไม่อาจเติบเต็มความสำเร็จของเขาได้คือเรื่องของโทรฟี่แชมป์ กับการลงเล่นกับ "ไก่เดือยทอง" เคน สามารถพาต้นสังกัดกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ถึง 3 ครั้ง ประกอบไปด้วยศึกลีก คัพ 2 ครั้ง ในฤดูกาล 2014-15 และ 2020-21 กับ แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2018-19 แต่ทว่าบทสรุปทุกอย่างออกมาเหมือนกันคือได้เป็นเพียงพระรอง ไม่ได้ครองถ้วยแชมป์สักที ฉะนั้นแล้วไม่แปลกเลยที่จะมีกระแสออกมาว่าเจ้าตัวเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ถึงการโบกมือลา สเปอร์ส เพื่อออกไปไล่ล่าแชมป์มาประกอบเกียรติประวัติตัวเองเสียที ซึ่งมันอาจเกิดขึ้นในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้เลยก็เป็นได้ ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยจะพาไปวิเคราะห์สถานการณ์ของ แฮร์รี่ เคน กันหน่อยว่าถึงเวลาหรือยังกับการเก็บกระเป๋าย้ายออกไปจาก และมีเหตุผลใดบ้างที่มันส่งเสริมว่าเขาควรตัดสินใจแยกทางกับอู่ข้าวอู่น้ำแห่งนี้ไปอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ชื่อของ แฮร์รี่ เคน น่าจะเป็นที่รู้จักของแฟนบอลมานานพอสมควร เพราะด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมมาติดต่อกันหลายฤดูกาล และปัจจุบันดาวยิงผู้ก็มีอายุแตะหลัก 27 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงวัยที่กำลังพีคเลยกับอาชีพการค้าแข้ง ว่ากันด้วยเรื่องของอายุ กับตัวเลขการยิงประตูที่ผ่านมา 349 นัด ซัด 269 ประตู ถือว่าเป็นสถิติที่สวยงาม และยากพอควรที่จะหาใครสักคนมาผลิตสกอร์ได้ในตัวเลขขนาดนี้ แต่ทว่าในจำนวนดังกล่าวนั้นมันไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นโทรฟี่แห่งความสำเร็จได้เลย ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ตัวเลขดังกล่าวที่เขาทำได้มันควรจะมีอะไรตอบแทนมาบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่รางวัลส่วนตัวอย่างเดียว ซึ่งด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นในทุกปี มันก็ควรจะที่ถึงเวลาแล้วที่ เคน จะต้องออกไปหาความสำเร็จมาใส่ตัวเองเสียที ไม่ใช่รับบทพระรอง หรือลงเล่นเพื่อเป้าหมายคว้าพื้นที่ท็อปโฟร์เพียงอย่างเดียว ลองคิดภาพดูถ้า เคน ไปอยู่สโมสรที่ใหญ่กว่านี้ องค์ประกอบดีกว่านี้ ไม่แน่ความสำเร็จอาจพุ่งชนเขามากกว่าเหรียญเงินที่ครองคออยู่ 3 เส้นก็เป็นได้สโมสรเล็กเกินกว่าความสามารถของเขา
ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้มีเจตนาจะโจมตี หรือใส่ร้ายอะไรสโมสร ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ นะครับ แต่ว่ากันตามวิถีของลูกหนัง และความน่าจะเป็นของดาวเตะชาวอังกฤษผู้นั้นมันเกินกว่าที่จะมาไล่ล่าแค่พื้นที่บอลยุโรป เขาควรมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม และเดินหน้าไปได้มากกว่านี้ ฉะนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่ชื่อของเขาจะไปพัวพันกับหลายสโมสรใหญ่ทั้งหลายไม่ส่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่ง เรอัล มาดริด ที่อยากได้ตัวของ เคน เข้าไปแต่งเติมเสริมความแกร่งในแดนหน้า เพื่อประสบความสำเร็จมีถ้วยแชมป์ติดมือบ้าง ซึ่งในจุดนี้จริงๆ สเปอร์ส เองก็พยายามหาส่วนประกอบต่างๆ ที่ลงตัวมาให้ เคน ไม่ว่าจะการไปเอาตัวของ ซน ฮึง-มิน, ลูคัส มูร่า หรือ แกเร็ธ เบล มาร่วมทีม แต่ทว่าด้วยศักยภาพมวลรวมของทีม มันยังไม่คลิก มันยังไม่ดีพอที่จะพุ่งชนกับความสำเร็จได้ เพราะทีมฟุตบอลมันไม่อาจสำเร็จได้ด้วยความสามารถของใครเพียงบางคนพยายามผิดที่ กี่ปีก็ไม่สำเร็จ
อย่างที่ทุกเห็นครับว่า แฮร์รี่ เคน ใส่ความพยายามมาโดยตลอดในการรักษาสภาพร่างกาย และพัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้อยู่ในจุดที่ดีที่สุดในเส้นทางชีวิตลูกหนัง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันก็สะท้อนออกมาได้เป็นผลลัพธ์ในการยิงประตู เป็นตัวแบกความหวังในการผลิตสกอร์ให้กับทีมมาโดยตลอดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 เป็นต้นมา ไล่เรียงดูตั้งแต่ซีซั่นดังกล่าวเป็นเวลา 7 ฤดูกาลติดต่อกันแล้วที่ เคน กระหน่ำประตูให้ทัพ "ไก่เดือยทอง" อย่างต่ำมา 20 ตุงติดต่อกันในทุกรายการ และเคยมีไปแตะถึงหลัก 41 ประตู เมื่อซีซั่น 2017-18 ฉะนั้นแล้วด้วยความสามารถที่เขาพยายามแต่งเติมฝีเท้ามาตลอดมาเกือบทศวรรษกับสโมสรแห่งนี้มันน่าจะเพียงพอแล้วในการพิสูจน์ตัวเอง และมันเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพที่ชัดเจนเหลือเกินว่า ต่อให้คุณมีความพยายามมากขนาดไหน แต่ถ้าคุณอยู่ผิดที่ผิดทาง เวลาผ่านไป 10 ปี มันก็ไม่อาจสำเร็จได้หรอกถูกจดจำมากกว่าเป็นแค่ดาวยิง
ประเด็นนี้มีให้เห็นอยู่เยอะเหมือนกันในโลกลูกหนัง การที่คุณเป็นดาวยิงจากอีกทีม แต่กลับถูกจดจำในฐานะแชมเปี้ยนกับอีกหนึ่งสโมสร ยกตัวอย่างไม่ต้องอื่นไกลอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เรารู้ว่า RVP เป็นกองหน้าที่เก่งมากขนาดไหน ง้างเท้าซ้ายยิงแต่ละครั้งแทบเปลี่ยนสกอร์ได้ทันที แต่การที่เขาอยู่กับ อาร์เซน่อล โอกาสมันน้อยมากที่จะประสบความาเร็จ แต่ทว่าพลันเปลี่ยนสีเสื้อมาอยู่ภายใต้ตรา "ปีศาจแดง" เขากลับถูกจดจำว่านี่คือแชมเปี้ยน นี่คือคนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง ซึ่งเหตุการณ์นี้ เคน สามารถนำมานึกคิดกับตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะบางทีการเป็นยอดดาวยิงของ สเปอร์ส เขาก็ถูกจดจำเป็นแค่ดาวซัลโวของสโมสร เป็นแค่กองหน้าตัวจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ทว่ามันจะดีกว่าไหมถ้าวันหนึ่งมีคนกล่าวขานชื่อของ แฮร์รี่ เคน ในฐานะเจ้าของแชมป์ พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโว- เปา ขอบสนาม -