logo-heading

หลังจาก เชลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เสียงแซ่ซ่องก็ประดังเข้ามาหา เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับจาก สิงห์บลูส์ แบบไม่หยุดหย่อน เพราะเล่นได้อย่างโดดเด่น เอานักเตะ เรือใบสีฟ้า แบบอยู่หมัด พร้อม มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า นักเตะรายนี้ควรจะได้รางวัล "บัลลง ดอร์" มาครอง

นอกจาก ก็องเต้ จะอยู่ไปทั่วทุกสนามแล้ว ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ก็องเต้ ก็อยู่ทั่วทุกเพจของ ฟุตบอล ทั่วโลก ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อทุกคนอยากให้เขาคว้า "บัลลง ดอร์" มากขนากนี้ ไปดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้าง ที่เจ้าตัวจะมีโอกาสคว้าโทรฟี่อันทรงเกียรติชินนี้ มาครอง

- พาทีมชาติฝรั่งเศส เป็นแชมป์ ยูโร

เนื่องด้วยช่วงซัมเมอร์นี้ จะมีทัวร์นาเมนต์ ยูโร เข้ามาพิจารณาด้วย ซึ่งหากนักเตะคนไหนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หรือ มีส่วนสำคัญพาบ้านเกิดตัวเองคว้าแชมป์ ก็มีโอกาสที่จะเป็นตัวเต็ง บัลลง ดอร์ ซึ่งแน่นอน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มีโอกาสทำได้กับทีมชาติฝรั่งเศส หลังเคยช่วยทัพ "ตราไก่" ซิวโทรฟี่ ฟุตบอลโลก 2018 มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ก็องเต้ จะเป็น "เดอะ แบก" พา เชลซี เป็นเจ้ายุโรป แต่กระนั้นคะแนนของเขาก็ไม่ได้นำโด่งจนเป็นตัวเต็งซิว "บัลลง ดอร์" เนื่องจากผลงานในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ เขาไม่ได้โดดเด่นมากนัก หากเทียบกับ เควิน เดอ บรอยน์ หรือ นักเตะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายๆคน ที่สำคัญ ก็องเต้ มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ ฉะนั้นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ก็องเต้ มีโอกาสคว้ารางวัล "บัลลง ดอร์" แบบที่ทุกคนเชียร์ คือเขาจะต้องแสดงศักยภาพ แบกกองกลางยับๆ ในศึก ยูโร 2020 พา ฝรั่งเศส กรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศ ให้ได้  ยิ่งรอบแบ่งกลุ่ม ฝรั่งเศส จับสลากมาอยู่กับ เยอรมัน และ โปรตุเกส ยิ่งเป็นตัวชี้วัด ถ้า ก็องเต้ มีส่วนสำคัญพาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ และ กรุยทางไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ จนถึงการคว้าแชมป์ ยูโร 2020 บอกเลยว่าโอกาสที่จะซิวโทรฟี่นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีอย่าง บัลลง ดอร์ มีสูงมากเหลือเกิน แต่ข้อแม้อาจต้องดูไปที่ฟอร์มของเพื่อนร่วมทีมอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ ด้วย ถ้าพ่อหนุ่ม เอ็มบัปเป้ ฟอร์มโหด สปอตไลต์อาจสอดส่องไปที่ทางนั้นมากกว่า

- ดูปัจจัยสำคัญ เมสซี่ และ โรนัลโด้

คุณยังจำวันที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แบก ลิเวอร์พูล จนคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองเป็นสมัยที่ 6 ได้ไหมครับ ? ใครๆก็คิดว่าปราการหลังชาวดัตช์ คงจะปาดหน้าทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ได้แน่ๆ โดยเฉพาะมีรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ของ ยูฟ่า มาการันตี แต่กระนั้นสุดท้ายแล้ว "บัลลง ดอร์" ปีดังกล่าว กลายเป็น ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์จาก บาร์เซโลน่า ที่คว้ารางวัลไปครอง ท่ามกลางกระแสดราม่าผลโหวต เรื่องมักเทคะแนนให้กับพวกดาวยิงมากกว่า จากการที่ เมสซี่ ยิงไป 51 ประตู กับอีก 22 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 50 นัด แต่ ฟาน ไดค์ เป็นกองหลัง จึงไม่ได้โดดเด่นเรื่องทำประตูขนาดนั้น เช่นเดียวกันครับ ต่อให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จะทำผลงานได้โดดเด่นขนาดไหน แต่กระนั้นปัจจัยสำคัญอยู่ที่ผลงานของ เมสซี่ และ โรนัลโด้ จริงๆ ซึ่งซีซั่นนี้ เมสซี่ ช่วย บาร์ซ่า ซิวแชมป์ โกปา เดล เรย์ ขณะที่ ซีอาร์ 7 ก็เป็นแชมป์ โคปปา อิตาเลีย กับ ยูเวนตุส ยิ่งถ้าหากซัมเมอร์นี้ เมสซี่ สามารถพาทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา 2021 มาสำเร็จ แทบมองไม่ออกเลยว่าใครจะมาชนะเขาได้ เพราะมันจะเป็นแชมป์แรกในนามทีมชาติ กระนั้นก็ต้องไม่ลืม โรนัลโด้ เช่นกัน  ต้องมาดูว่า ผลงานจะโดดเด่นในศึก ยูโร 2020 ขนาดไหน จะช่วยทัพ ฝอยทอง ป้องกันแชมป์ได้หรือไม่ ปัจจัยเหล่านี้แหละครับ มันสำคัญอย่างยิ่งกับ ก็องเต้ เช่นกัน ในการลุ้นรางวัล บัลลง ดอร์

- แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อาจเพียงพอ

จริงๆแล้ว การที่นักเตะสักคนหนึ่งจะมีชื่อเข้าชิง บัลลง ดอร์ และ เป็นตัวเต็งคว้ารางวัล คุณจะต้องมีแชมป์สำคัญๆติดมือมาด้วย ซึ่งจากการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ทำให้นักเตะ เชลซี หลายคนเข้าข่าย แต่กระนั้น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โดดเด่นเหนือกว่าใครทั้งหมด จริงๆแล้ว ก็องเต้ ไม่ได้เด่นแค่นัดชิงชนะเลิศนะครับ เกมรอบตัดเชือกที่พบกับ เรอัล มาดริด ก็ทำเอาพวก โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช หรือ วินิซิอุส จูเนียร์ ไปไม่เป็น ยิ่งมานัดชิงโทรฟี่ เรียกว่าเก็บ เควิน เดอ บรอยน์ ใส่กระเป๋าพกติดตัวไปเลย ดังนั้นการคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะ ก็องเต้ วิ่งพล่านไปทั่วสนาม จะอยู่ในจอหรือนอกจอ เขาอยู่ทั่วทุกแห่งหน ถึงขั้นที่ทั่วโลกพร้อมใจกันติดแฮชแท็ก #KanteEverywhere ซึ่งในเกมที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาได้วิ่งไปถึง 12.04 กิโลเมตร พร้อมสร้างสถิติสุดยอดเอาไว้ดังนี้ แทคเกิ้ลชนะ 3 ครั้ง 100 เปอร์เซนต์ / เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้สำเร็จ 100 เปอร์เซนต์ / ไม่มีใครเลี้ยงผ่าน / ปะทะชนะคู่แข่ง 11 ครั้ง (มากที่สุดในสนาม) / แย่งบอลคืน 10 ครั้ง (มากที่สุดในสนาม) / ชนะลูกกลางอากาศ 4 ครั้ง (มากที่สุดในสนาม) / เคลียร์บอล 2 ครั้ง และ ดักสกัดบอลได้อีก 2 ครั้ง นี่คือสถิติอันสุดยอด ที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ แต่ ก็องเต้ ทำให้เห็นเป็นประจำ โดยเฉพาะแมตช์สำคัญๆ ดังนั้นถ้าหากทัวร์นาเมนต์ทีมชาติกลางปีนี้ ไม่มีใครทำผลงานได้โดดเด่นเป็นพิเศษ บางทีผลงานคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็อาจจะเพียงพอให้เขาคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ ก็เป็นได้ 

- ฟอร์มการเล่นต้องต่อเนื่อง

ปกติแล้ว บัลลง ดอร์ มักจะมีการประกาศรางวัลกันช่วงสิ้นปี หรือ ประมาณเดือนธันวาคม เท่ากับว่า การแข่งขันซีซั่นใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉะนั้นอะไรที่มันเป็นผลงานเก่าๆ ก็จะถูกลืมเลือนออกไป ยิ่งถ้าคุณโชว์ฟอร์มไม่ต่อเนื่อง คนจะจดจำฟอร์มการเล่นแบบปัจจุบันมากกว่า หากจำกันได้ ฟร้องค์ ริเบรี่ อดีตปีกหน้าบากของ บาเยิร์น มิวนิค เคยโชว์ผลงานอันสุดยอด จนพาสโมสรคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ เมื่อฤดูกาล 2012-13 กลายเป็นตัวเต็งที่จะคว้า บัลลง ดอร์ แต่กระนั้นในช่วง 2-3 เดือนก่อนจะมีการประกาศรางวัล เขาทำผลงานไม่ดีเท่าไหร่ ผิดกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงกระฉูด ทำให้สุดท้าย ซีอาร์ 7 คว้าโทรฟี่ส่วนตัวชิ้นนี้ไปครอง จริงอยู่ที่ บัลลง ดอร์ ได้เปลี่ยนกฎให้ บรรดานักข่าวที่มีสิทธิ์​ทั่วโลก โหวตลงคะแนนอีกครั้ง แต่กระนั้นฟอร์มการเล่นก็ต้องต่อเนื่อง ให้ผลงานอยู่ในสายตา ฉะนั้นถ้าสมมุติว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่สามารถคว้าแชมป์ ยูโร 2020 เพิ่มเติมได้ เขาเองก็ต้องรักษาการเล่นให้มีมาตรฐาน หรือ สุดยอดมากกว่าเดิม ไม่เจ็บ ไม่ป่วย เพื่อประกาศก้องให้โลกรู้ว่านักเตะมิดฟิลด์ตัวรับ ก็มีโอกาสซิว บัลลง ดอร์ เช่นกัน

ฮาย ฮาวดี้

logoline