logo-heading

ถ้ามีใครสักคนพูดขึ้นก่อนเปิดซีซั่นว่า บางกอกกล๊าส เอฟซี จะหนีตกชั้น ใครๆ ก็คงอมยิ้ม หรือขำในใจ เพราะว่ามันคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นยาก

ยากเพราะอะไร… ยากเพราะพวกเขาเพิ่งได้ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของเมืองไทย มาครอบครองในราคาที่สูงมากๆ ยากเพราะพวกเขาได้ มาริโอ ยูรอฟสกี้ มาเสกแอสซิสต์ และความมหัศจรรย์ที่ลีโอ สเตเดี้ยม ยากเพราะพวกเขามีโค้ชต่างชาติ ที่ได้รับการยอมรับฝีมือในระดับหนึ่งอย่าง โจเซฟ เฟร์เรร์ แต่พอผ่านเกมไป 11 นัด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พวกเขาอยู่ในทีมพื้นที่สีแดง หากตัดจบตอนนี้ พวกเขาต้องตกชั้น อย่างที่ไม่มีใครคาดหมายมาก่อนแน่ๆ แถม โจเซฟ ก็ต้องกระเด็นออกจากทีมก่อนกำหนดอีก ในวันที่ บางกอกกล๊าส เอฟซี ต้องหนีตกชั้น ผมได้ชมเกมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระหว่าง “บีจี” พบ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” ซึ่งผลคือ บียู บุกชนะ บีจี ถึงถิ่น 1-0 ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองของ ปิยะชนก ดาฤทธิ์ ช่วงทดเจ็บ และตลอดเกม ผมเห็นความผิดพลาดหลายสิ่งของทีม “กระต่ายแก้ว” ที่ผมเองเคยหลงใหล 11 ตัวจริงของ “บีจี” ไม่เป็นสองรองใคร ขุมกำลังของพวกเขา โอเคในระดับหนึ่งเลย แต่มันมีบางจุดที่ทำให้ฟอร์มการเล่นไม่โอเคแบบนี้ นริศ ทวีกุล ต้องเหนื่อยเกินไป จากแบ็คสองข้างที่ยังไม่ลงตัว แม้จะมี เฉลิมศักดิ์ อักขี, ปิยะชนก ดาฤทธิ์ และ แมตต์ สมิธ สลับกันคุมทัพแนวรับในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ การให้ความสำคัญในการทุ่มทุนแดนกลางมากเกินไป ซึ่งการมี ฐิติพันธ์, มาริโอ และ พีรพงษ์ พิชิตโชติรัตน์ ไม่ได้หมายความว่า คุณจะเสกประตูได้ตามใจสั่ง เพราะกองหน้าที่มี คุณภาพยังไม่ถึง ทั้งกองหน้ากราบซ้ายขวา และหน้าเป้า ที่ต้องยอมรับว่า เฟรเดริค เมนดี้ ยังไม่ดีพอมากๆ จบไม่คม เก็บบอลไม่ได้ จ่ายไม่ดี ยิงไม่แรง คือเราจะได้ยินเสียงเสียดายแทบทุกครั้งที่ เมนดี้ พยายามจบสกอร์ รวมถึงปีกที่ยังฝากความหวังไว้ไม่ได้ ทั้งการครอสซิ่ง และการเลี้ยงกินตัว ภาพที่เห็นคือ กองกลางทำเกมขึ้นมาได้ ป้อนได้ แต่ข้างหน้าจบไม่ได้ หรือพอป้ายบอลออกข้าง ก็ทำเสียไปซะงั้น นั่นทำให้เราได้เห็นภาพ เด็กเก่าแห่งบีจี ได้มาคำรามสะใจที่ ลีโอ สเตเดี้ยม ทั้ง “เจ้าแคมป์” สรรวัชญ์ เดชมิตร และ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย เมื่อต้นสังกัดของพวกเขาคว้าประตูชัยในช่วงทดเจ็บ ในวันที่ บางกอกกล๊าส เอฟซี ต้องหนีตกชั้น สิ่งที่ดีที่สุดของ “บีจี” ในตอนนี้ ที่ผมเห็น คือ “เจ้านิว” ผมเห็นความเดอะแบกของเจ้าหนุ่มคนนี้ เขาพยายามทั้งตัดบอล ทั้งทำเกม ทั้งโฮลด์ดิ้งบอล ทั้งเชื่อมเกม ทั้งวิ่งพล่านไปทั่ว แต่สิ่งที่เขาทำได้ในทีมชาติ ถูกปฏิเสธด้วยความสามารถของเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ทันเขา เพราะสิ่งที่บีจีมี ไม่ใช่ “พี่มุ้ย” ไม่ใช่ “พี่อุ้ม” ไม่ใช่ “เจ้าเจ” “นิว” เป็นคนที่แก้จังหวะคลุกคลิกเก่ง แต่เวลาที่เขาขโมยบอลได้ คนที่รับบอลต่อจากเขา ก็ทำได้ไม่ดีพอ ไม่เหมือนเพื่อนๆ ในทีมชาติ เขาเล่นดี เขาเล่นเด่น เขาไล่บอล เขาจ่ายบอล แต่สิ่งที่เขาบันดาลไม่ได้ นั่นคือ “ประตู” ฉะนั้น คนที่รับบอลจากเขา ต้องมีคุณภาพพอที่จะทำประตูได้ ซึ่งการได้ประตูในความหมายของฟุตบอล นั่นคือ สิ่งที่นำพาสู่ชัยชนะ ผมเห็น “เจ้านิว” หงุดหงิดใส่ จักรกฤษ ลาภตระกูล ที่ไม่ยอมจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้าย ผมเห็น “เจ้านิว” หงุดหงิดกับความพยายามบางอย่างที่ยากเกินไปของเพื่อนหลายคน แทนที่จะเล่นฟุตบอลที่ง่าย ในวันที่ บางกอกกล๊าส เอฟซี ต้องหนีตกชั้น บทสรุปของ บางกอกกล๊าส ในวันก่อน ต่อหน้าแฟนบอลในลีโอ สเตเดี้ยม 4,728 คน นั่นคือ พวกเขามีนักเตะที่มีคุณภาพสำหรับการเป็นแชมป์ หรืออยู่ในทีมระดับท็อปของลีก เพียง 4-5 คนเท่านั้นในทีมชีตตัวจริง ซึ่งทุกคนต้องประคองคนอื่นมากเกินไป และนั่นก็ทำให้พวกเขา ไม่ได้ยืนในจุดที่พวกเขาควรจะได้ยืน…

“จอน”

logoline