logo-heading

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับเกมบิ๊กแมตช์ประจำศึก ยูโร 2020 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ผลปรากฏว่า อังกฤษ เป็นฝ่ายโค่น เยอรมัน ไปได้ 2-0 พร้อมกับตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย 

ส่วนเรื่องราวตลอด 90 นาทีจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างนั้นไปติดตามคอนเทนต์จากทางเรา "ขอบสนาม" ได้เลยครับ ! สมกับเป็นเกมบิ๊กแมตช์เพราะทั้ง อังกฤษ และ เยอรมัน ต่างก็วางแท็คติกมาดี เน้นรัดกุม สู้กันได้สู้สี ผลัดกันครองบอล และก็มีจังหวะได้ลุ้นทำประตูพอๆ กัน แต่ถ้าเกิดมองในภาพรวม อังกฤษ เป็นฝ่ายที่ครองเกมได้มากกว่า เพราะทาง เยอรมัน จะเด่นกว่าแค่ช่วง 10 นาทีแรก กับช่วงท้ายครึ่งแรกเท่านั้น การสร้างสรรค์เกมส่วนใหญ่ทาง อังกฤษ ค่อนข้างจะเจาะทาง เยอรมัน ได้เยอะทางริมเส้น และคนที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหามากๆ สำหรับทีมของ โยอาคิม เลิฟ ก็คือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง  มี 2 จังหวะเด่นๆ ที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ใกล้เคียงมากๆ กับการพา อังกฤษ ขึ้นนำ นั่นก็คือจังหวะแรกของเกมที่พี่แกได้ส่องไกลเน้นๆ ในระยะนอกกรอบเขตโทษ เรื่องของทิศทางและน้ำหนักจัดว่าแจ่มเลย เล่นทำเอา มานูเอล นอยเออร์ ต้องออกแรงเซฟด้วยการพุ่งปัดแบบสุดตัว เพราะไม่งั้นเสียประตูแน่นอน เช่นเดียวกับช่วงท้ายครึ่งแรก อังกฤษ มีอีกหนึ่งช็อตที่เฉียดได้ประตูขึ้นนำมากๆ จากจังหวะเสียบอลของ โธมัส มุลเลอร์ ที่เบิ้ลบอลพลาด โดน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โฉบและลากจี้ตะลุยเข้าสู่กรอบเขตโทษ ถึง เยอรมัน จะมารุมสกัดได้ทัน แต่บอลมันเด้งมาเข้าทาง แฮร์รี่ เคน ก่อนจะแต่งกระชากเข้าขวาหนี มานูเอล นอยเออร์ แน่นอนว่าช็อตนั้นเจ้าตัวหมดสิทธิ์เซฟแล้วแน่นอน แต่น่าเสียดายเพราะพี่แกแตะยาวไปหน่อยก็เลยโดน มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ มาสกัดทิ้งไปได้  ส่วนทาง เยอรมัน จุดเด่นของพวกเขาก็คือนักเตะแต่ละคนต่างก็มีทักษะการวางบอลยาวที่ดีซึ่งในเกมนี้ก็มีหลายช็อตที่จ่ายตัดแนวรับ อังกฤษ ได้ และโอกาสที่พวกเขาใกล้เคียงต่อการใส่สกอร์มากที่สุดก็คือนาที 31 ที่ อังกฤษ เสียบอลตรงกลาง และบอลจังหวะเดียวจาก ไค ฮาแวร์ตซ์ แทงทะลุช่องยาวให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเดี่ยวไปดวลตัวๆ กับ จอร์แดน พิคฟอร์ด ในกรอบเขตโทษ แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าพักหลังๆ เรื่องความเด็ดขาดและความเฉียบคมค่อนข้างจะเป็นปัญหาสำหรับผู้ชายคนนี้ และจังหวะนั้นเขาก็ไม่สามารถส่งบอลผ่านนายทวารของคู่แข่งได้ จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0 ในรูปเกมที่สูสี กินกันลงยาก และไม่ค่อยมีชเพราะต่างฝ่ายต่างให้ความสำคัญในเรื่องของความรัดกุม อาศัยจังหวะที่คู่แข่งพลาดแค่นั้น ส่วนเรื่องโอกาสการลุ้นทำประตูทั้ง อังกฤษ และ เยอรมัน ก็มีฝั่งละ 3 ครั้งเท่ากัน และก็ตรงกรอบ 2 ครั้งเท่ากันอีกด้วย  พอกลับมาครึ่งหลังทาง เยอรมัน ก็เป็นฝ่ายที่วูบวาบกว่าทั้งการตั้งเกมรวมถึงการหาจังหวะโจมตีใส่อังกฤษได้ก่อน โดยนาที 48 บอลเปิดจากซ้ายเข้ากรอบเขตโทษ ทาง อังกฤษ สกัดทิ้งไปได้ แต่มันไม่พ้นวิถีของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ได้โอกาสหวดฮาร์ฟวอลเลย์ในจังหวะ แต่ อังกฤษ ยังโชคดีเพราะวิถีบอลมันไปตรงตัวของ จอร์แดน ฟิคพอร์ด พอดีก่อนจะปัดทิ้งข้ามคานไป ถ้าลูกนี้ทิศทางบอลมันออกซ้ายหรือไม่ก็ขวา จะทางใดทางหนึ่งก็แล้วแต่มันจะเป็นประตูอย่างแน่นอน เยอรมัน ดูจะเป็นฝ่ายรูปเกมดีกว่าไม่ว่าจะเป็น การทำชิ่งต่อบอลกัน การครองเกม รวมถึงจังหวะการเข้าทำในครึ่งหลัง แต่ไปๆ มาๆ ในนาที 75 แฟนบอล "สิงโตคำราม" ก็ได้ลุกเฮกันลั่นสนาม เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม บอลจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไหลต่อไปฝากให้ แฮร์รี่ เคน ไหลย้อนมาให้ แจ็ค กรีลิช และตามด้วย ลุค ชอว์ ก่อนจะปาดเข้ามาหน้าปากประตู ต้องชม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่วิ่งหนีตัวประกบมาได้ก่อนจะปาดเข้ายิงเข้าไปจ่อๆ ให้ อังกฤษ ขึ้นนำ เยอรมัน 1-0 ในนาที 75 เท่ากับว่าทั้ง 3 ประตูของ อังกฤษ ที่เกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 มันมาจากไอ้เจ้า สเตอร์ลิ่ง ทั้งหมด และในเกมนี้เขาก็เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุด ความรวดเร็วว่องไวดั่งปีศาจมันสามารถสร้างปัญหาให้ เยอรมัน ได้เยอะจริงๆ เราจะเห็นในหลายๆ ที่ สเตอร์ลิ่ง ใช้จุดเด่นข้อนี้ดึงตัวประกบจากคู่แข่งได้ไม่ 1 ก็ 2 ตัวตลอด สถานการณ์บีบบังคับให้ เยอรมัน ต้องรีบทวงประตูคืน และมันกมก็มีจังหวะที่น่าจะได้ลูกตีเสมอมากๆ เพราะ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เกือบจะกลายเป็นฮีโร่และก็ผู้ร้ายในเวลาเดียวกัน เล่นทำเอาใจแฟนๆ อังกฤษ หล่นไปถึงตาตุ่มเลย เพราะพี่แกเล่นจ่ายบอลคืนหลังพลาด ทำให้ เยอรมัน ได้ใช้จังหวะสวนกลับ บอลที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ แทงทะลุช่องให้ โธมัส มุลเลอร์ หลุดเข้าไปยิงเน้นๆ ในกรอบเขตโทษ แต่สุดท้ายผลปรากฏว่าบอลมันถากเสาเฉี่ยวออกไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่จังหวะนั้นตัวของ พิคฟอร์ด เองก็ขาตายล้มตัวไปผิดทางแล้วด้วย เมื่อคุณมีโอกาสแล้วแต่สุดท้ายไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ชะตากรรมที่ เยอรมัน เจอก็คือการโดน แฮร์รี่ เคน ปลดล็อคประตูแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ช่วยให้ อังกฤษ หนีห่างเป็น 2-0 ช็อตนี้ต้องชม ลุค ชอว์ ที่สามารถตัดบอลจาก แซร์จ นาบรี้ มาได้ ก่อนจะลากขึ้นมาและไหลออกซ้ายให้ แจ็ค กรีลิช แล้วตักให้ แฮร์รี่ เคน ได้โขกเน้นๆ นับเป็นการเซ็ตอีกหนึ่งจังหวะการเข้าทำที่เพอร์เฟคมากๆ ของ อังกฤษ  ต้องชม แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่เปลี่ยนส่ง แจ็ค กรีลิช ลงมาในช่วงท้ายเกม เพราะมันทำให้เกมกลับมาเป็นของ อังกฤษ อีกครั้ง และการมีส่วนร่วมกับประตูที่ 2 ก็เท่ากับว่า แจ็ค กรีลิช ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ ทั้งๆ ที่พี่แกได้ลงสนามในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 แค่ 116 นาทีเท่านั้น ต้องพูดเลยว่านี่คือแข้งคุณภาพอย่างแท้จริง ส่วนทาง เยอรมัน ถึงแม้จะรีบแก้เกมด้วยการส่งพวกตัวรุกลงมาโหมหนักใส่ แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ไม่มีจริง และก็เป็นทางทัพ "สิงโตคำราม" ที่สามารถโค่น "อินทรีเหล็ก" ได้ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี นับตั้งแต่ปี ฟุตบอลโลก ปี 1966 โดยชัยชนะในนัดนี้มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ อังกฤษ จะตีตั๋วลิ่วไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เพราะพวกเขาจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง สวีเดน และ ยูเครน ในรอบ 8 ทีม ส่วนอีกสายหนึ่งก็คือ เช็ก กับ เดนมาร์ก ถ้าเทียบกันเรื่องศักยภาพแล้ว อังกฤษ ดูภาษีดีกว่า แต่ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สุดท้ายแล้วมันจะเป็นไปตามที่ผู้คนคาดหวังไหมก็ต้องมาลุ้นกัน ! 

HaMu Dos Santos

มีลุ้นถึงรอบชิงฯ ! อังกฤษ นิ่งกว่าเยอะ ไล่อัด เยอรมัน 2-0 ซิวตั๋วรอบ 8 ทีม

logoline