logo-heading

การกลับมาสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ โรเมลู ลูกากู เหมือนเป็นการแปะป้ายประกาศว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ขุนพล เชลซี ภายใต้การคุมทีม โธมัส ทูเคิ่ล พร้อมมาประกาศศักดาไล่ล่าคว้าแชมป์อีกครั้ง หลังจากไม่ได้ชมเชยมานานแล้วถึง 4 ปี

การที่ เชลซี ได้ ลูกากู คัมแบ็กล่าตาข่าย จะมีหลายสิ่งหลายอย่างตามมา ซึ่งดูแล้วมีแต่ประโยชน์ทั้งนั้น เพราะ พี่ตู้ เวอร์ชั่นนี้ ไม่เหมือนกับ 10 ปีก่อนอีกแล้ว มาดูว่าศักยภาพของ ลูกากู จะนำอะไรมาสู่สโมสรบ้าง

1. สถิติการยิงประตู

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าแฟนบอล เชลซี รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ ติโม แวร์เนอร์ กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาร่วมทีม เพราะก่อนหน้านั้นดันดาวรุ่ง แทมมี่ อับบราฮัม มาเป็นตัวความหวัง แต่กลับกลายเป็นหัว 2 แนวรุกทีมชาติเยอรมัน โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สิงห์บลูส์ ยิงได้เพียง 58 ประตู ตลอด 38 นัด ในลีกเมื่อซีซั่นก่อน น้อยสุดใน 7 อันดับแรก โดย แวร์เนอร์ ยิงไป 6 ตุง ขณะที่ ฮาแวร์ตซ์ แค่ 4 ลูก 2 คนรวมกันได้ 10 ประตู เท่านั้น ถือว่าน้อยกว่าที่แฟนบอลตั้งเป้าเอาไว้เยอะมาก ต่อให้จะมีแชมป์ยุโรป ก็ตาม แต่กระนั้นการมาของ โรเมลู ลูกากู มันมีโอกาสทำให้ เชลซี แข็งแกร่งมากขึ้น กับจังหวะการจบสกอร์ ถึงแม้ ลูกากู จะมีฉายา พี่ตู้เย็น สมัยอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ประทานโทษ 2 ซีซั่นกับ ปีศาจแดง ยิงแตะเลข 2 หลักทั้งหมด และ นับตั้งแต่ไปอยู่ อินเตอร์ มิลาน เขากลายร่างเป็นโคตรดาวยิง เพราะ 2 ปีกับ งูใหญ่ ซัลโวไป 64 ลูก จาก 95 นัด โดยสร้างสถิติไว้มากมาย ทั้งยิงครบ 50 ตุง ให้กับ อินเตอร์ เร็วกว่า โรนัลโด้ ตำนานโล้นทองคำของ บราซิล ไหนจะมีซัดใส่ เอซี มิลาน คู่อริตลอดกาล 4 นัดติดต่อกัน เป็นคนแรกในรอบ 71 ปี ดังนั้นมันพอจะเป็น ทฤษฎีสมคบคิดได้เลยว่า มันมีโอกาสมากเหลือเกิน ที่ทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล จะยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ จากการได้ ลูกากู มาล่าตาข่าย อีกคน ซึ่งบวกกับออปชั่นในแนวรุก เชื่อเหลือเกินว่า เชลซี อาจจะซัลโวมากกว่า 58 ประตู ที่เคยทำไว้เมื่อซีซั่นก่อน

2. โอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

การที่คุณจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้นั้น คุณต้องมีคุณสมบัติเพียบพร้อม มีองค์ประกอบหลายๆอย่างมาฟิวชั่นรวมกัน อาทิ ความแข็งแกร่ง, แท็คติคแต่ละเกม, เรื่องผู้เล่นบาดเจ็บ และ ความสม่ำเสมอ เพราะลีกนี้ มี สิงสาราสัตว์ เพียบ ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล ไหนจะมี เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาอีก ฉะนั้นอันดับแรกที่ควรทำ ก็คือการเสริมทัพให้แข็งแกร่งมากกว่าซีซั่นก่อน ยิ่งเป็นแชมป์ยุโรป ก็มีโอกาสที่จะดึงตัวดังๆเข้ามา โดย เชลซี ก็ไม่ยอมน้อยหน้าทีมอื่น เพราะจัดการคว้าตัว ลูกากู มาด้วยค่าตัว 97.5 ล้านปอนด์ แพงสุดเป็นอันดับ 2 ของลีก เป็นรองแค่ แจ็ค กรีลิช ที่เพิ่งย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาอยู่กับ เรือใบสีฟ้า ด้วยเม็ดเงิน 100 ล้านปอนด์ ซึ่งการคว้า ลูกากู มาร่วมทีม ด้วยเม็ดเงินขนาดนี้ เป้าหมายของสโมสร ไม่มีสถานอื่น นอกจากกลับมาทวงบัลลังค์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง สานต่อ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยนักเตะที่มีอยู่ก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว แถมไม่เสียตัวหลักออกไปสักคน บวกกับการมี พี่ตู้ เพิ่มเข้ามา บอกเลยว่า เชลซี โคตรน่ากลัว ต่อกรขับเคี่ยวกับบรรดาหัวตารางของลีกสนุกแน่นอน ซีซั่นก่อนจบอันดับ 4 ปีนี้อาจจบเป็นอันดับ 1 ก็เป็นได้

3. ประสบการณ์

คัมแบ็กเข้าถ้ำ สิงห์บลูส์ ครั้งนี้ของ โรเมลู ลูกากู เขาไม่ใช่เด็กแบเบาะ ยังไม่เจนโลก เหมือนสมัยที่เพิ่งย้ายจาก อันเดอร์เลชท์ มาอยู่กับทีม เมื่อปี 2011 ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุได้แค่ 18 ปี ไม่ใช่แค่สถานะสำรอง แต่แทบไม่มีโอกาสลงสนาม โดย 8 นัดที่ได้ลงเล่น เป็นตัวจริงเพียงแค่ 1 นัด เท่านั้น จากเด็กที่ไร้ประสบการณ์ เขาได้ไปเก็บชั่วโมงบินกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แบบยืมตัว โดยยิงกระฉูด จนโด่งดังไปเตะตา เอฟเวอร์ตัน มาข้อซื้อด้วยราคา 28 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสโมสร จากนั้นย้ายไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนราคาค่าตัวสูงถึง 75 ล้านปอนด์ ก่อนโยกย้ายไป อินเตอร์ มิลาน อีก 74 ล้านปอนด์ เห็นไหมครับว่า เส้นทางลูกหนังของ ลูกากู ก้าวกระโดดขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณ์ก็สั่งสมเพิ่มพูนไม่หยุดหย่อน จากเด็กที่เป็นแค่ตัวสำรอง เคยโดนโค้ชบางคนหมางเมิน เคยถูกด่าว่าอ้วนเป็น ตู้เย็น ตอนนี้เขาได้พิสูจน์ให้แฟนบอลได้เห็นเป็นขวัญตาแล้วว่า การฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้เขาเป็นยอดกองหน้า คือของจริงที่ทุกคนให้การยอมรับ โดยเฉพาะการสร้างผลงานการทำประตูกับ อินเตอร์ มิลาน จนเป็นสถิติมากมาย และ ที่สำคัญเป็นคีย์แมนคว้าแชมป์ "สคูเด็ตโต้" มาครอง ดังนั้นการย้ายกลับ เชลซี เชื่อว่า ลูกากู ก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง โดยเฉพาะสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นสังเวียนที่เขายังไม่สามารถทำประตูได้เลย ฉะนั้น โรเมลู ลูกากู เวอร์ชั่นนี้ เหมือนเปิดเจอการ์ด ตี +10 เขาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน มั่นใจมากกว่าแต่ก่อน และ มีประสบการณ์มากกว่าแต่ก่อน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้มันจะทำให้ เชลซี อันตรายกว่าเดิมหลายขุม

4. เกิดการแข่งขันภายในทีม

ว่ากันตามตรง ในตำแหน่งกองหน้าของ เชลซี เกิดการแข่งขันน้อยมาก เพราะต่อให้ ติโม แวร์เนอร์ ปืนฝืดแค่ไหนเมื่อซีซั่นก่อน ก็ยังยึดตัวจริงสม่ำเสมอ ส่วน แทมมี่ อัมบราฮัม กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มีหน้าที่แค่สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเท่านั้น เรียกว่าไม่มีใครไปกดดันเอาเสียเลย ซึ่งนั่นก็คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ เชลซี เสริมกองหน้า เท่ากับว่าการมาของ ลูกากู มันจะทำให้การแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งภายในทีมเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะถ้า แวร์เนอร์ ไม่แอคทีฟตัวเองขึ้นมา ก็มีโอกาสหลุดไปนั่งสำรองแบบยาวๆ ยิ่งเป็นแท็คติคของ ทูเคิ่ล ที่มักใช้หน้าเป้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่ตรงกับ ลูกากู โดยตรง อย่างไรก็ตาม การแข่งขันภายในทีม ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เพราะต่อให้มีอีกคนต้องไปนั่งสำรอง แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง มันก็จะเป็นการยกระดับทีมให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม รีดฟอร์ดที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา บางที แวร์เนอร์ อาจจะเรียกฟอร์มยิงกระฉูด เหมือนสมัยอยู่ ไลป์ซิก เพื่อทำให้ ทูเคิ่ล ต้องปวดหัวในการเลือก 11 ผู้เล่นตัวจริง

ฮาย ฮาวดี้

logoline