logo-heading

ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขในอดีตได้ มีเพียงปัจจุบันเท่านั้นที่คุณต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งหลายปีก่อน ก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า แจ็ค กรีลิช จะพัฒนาแบบก้าวกระโดดในเส้นทางลูกหนัง จากเด็กเสเพลหลงแสงสี จะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงสุดในเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระดับ 100 ล้านปอนด์ หลังย้ายจาก แอสตัน วิลล่า ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เพราะชีวิตวัยรุ่นของ กรีลิช ที่ดูเหมือนจะหลงทาง แต่เวลาสั่งสอนให้เขาแข็งแกร่งขึ้น กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องผ่านความเป็น 18 ฝน มาไม่น้อย ฉะนั้นไปติดตามเรื่องราวชีวิตของ แข้งแพงสุดในลีกสูงสุดแดน "ผู้ดี" กันครับ

- เด็กเจิดจรัส แต่หลงแสงสี

ย้อนกลับไปสมัยเป็นวัยรุ่น แจ็ค กรีลิช ถูกจับตามองอย่างมาก ว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวดวงใหม่แห่งลูกหนังแดน "ผู้ดี" เขาเป็นเด็กปั้นของ แอสตัน วิลล่า อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ 6 ขวบ ได้รับการประคบประหงมเป็นอย่างดี เพื่อเติบโตเป็นตัวหลักของสโมสร และ เมื่อถึงวัย 16 ปี เขาก็ถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่สำเร็จ "พอล แกสคอยน์ คือนักเตะเยาวชนที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ และ แจ็ค ถือเป็นเด็กที่ใกล้เคียงจุดนั้นสุดๆ"  ไบรอัน โจนส์ อดีตกุนซือเยาวชน สิงห์ผงาด เคยกล่าวถึงฝีเท้านักเตะรายนี้ พอเข้าอายุ 18 ปี กรีลิช ก็ถูกส่งลงสนามเป็นตัวหลีกของทีม ได้ลงเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากกว่า 40 นัด ด้วยสไตล์กล้าเล่น กล้าเลี้ยงฝ่าแนวรับคู่แข่ง มันจึงเป็นที่ฮือฮาของแฟนบอลเป็นอย่างมาก และ ทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เขาเพิ่งบรรลุนิติภาวะมาหมาดๆ อยู่ในวัยที่อยากรู้อยากลอง และ จากชื่อเสียง มันทำให้เขาหลงแสงสี เข้าไปพัวพันเรื่องการ กินดื่มเที่ยว แถมยังมีข่าวฉาวจากเรื่องสารเสพย์ติด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นักเตะควรหลีกเลี่ยง ถ้าหากคุณอยากก้าวไปเป็นนักเตะระดับท็อป ถึงแม้ มิดฟิลด์เลือดผสม อังกฤษ-ไอร์แลนด์ จะมีฝีเท้าระดับพรสวรรค์ แต่ด้วยนิสัยขี้เมาหยำเป ทำให้อนาคตเป็นแข้งระดับท็อปคลาส เริ่มไกลห่างออกไป ..  ย้อนไปเหตุการณ์หลังความพ่ายแพ้ของ วิลล่า ต่อ อาร์เซน่อล ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2015 .. กรีลิช กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนสื่อกีฬา เมื่อไปเฉลิมฉลองแบบเมาเละเทะ นอนหมดสติ  “กลางถนน” ตอนกลางวันแสกๆ มีภาพซองบุหรี่ตกกระจายอยู่ข้างตัว ในช่วงไปพักร้อนที่ เตเนริเฟ่ ช่างเป็นภาพที่ดูน่าสมเพชเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เหตุการณ์นั้นครั้งเดียวนะครับ อีกทั้งยังมีช็อตเมาเละเทะที่เมือง แมนเชสเตอร์ รวมถึงภาพขณะสูดดมลูกโป่ง หรือ ที่เรียกกันว่า ‘แก๊สหัวเราะ’ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ทั้งๆที่ตอนนั้น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงแข่งขันกันอยู่ เรียกว่าใช้ชีวิตแบบเสเพลเต็มขั้น ช่างสวนทางกับอนาคตอันสดใส ที่กำลงรอเขาอยู่ 

- กรีลิช รู้ตัว เพราะเชื่อฟังผู้ใหญ่

ถ้าหาก กรีลิช ไม่ใช่คนสำคัญของ วิลล่า ผู้หลักผู้ใหญ่ก็คงตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว เพราะวีรกรรมของเจ้าตัว ให้อารมณ์เหมือนวัยรุ่น 18 ฝน .. หากไม่มีการพร่ำสอน หรือ ตักเตือน คงเละเทะไปกว่านี้ ดังนั้นการลงโทษ ก็คือต้องดัดนิสัยในสิ่งที่ทำผิดพลาด เรมี่ การ์ด อดีตกุนซือ แอสตัน วิลล่า ขณะนั้น ตัดสินใจแบนให้ กรีลิช ลงไปเล่นชุด ยู-21 ต่อให้ทีมต้องตกชั้นเมื่อซีซั่น 2015-16 และ มันก็ส่งผลให้ชื่อเสียงของ กรีลิช ที่เคยถูกคาดหวังว่าจะเป็นดาวดวงใหม่ กลายเป็นเด็กที่ถูกมองข้าม ไม่น่าก้าวขึ้นมาระดับท็อปได้อีกแล้ว ถึงขั้นที่สื่อตั้งฉายาให้เลยว่า "นักเลงไอริชขี้เมา"  แต่ประสบการณ์ความผิดพลาด มันสอน กรีลิช ให้เป็นผู้เป็นคน เพราะดาวเตะถุงเท้าสั้น สำนึกตัว และ พึงสำเหนียกว่า พฤติกรรมเสเพล ไม่สามารถทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลระดับท็อปได้ ทำให้ กรีลิช ตั้งใจกลับมาฝึกซ้อมอย่างหนัก ขอปักหลักอยู่ วิลล่า เพื่อตอบแทนสโมสรที่ยังให้ความไว้วางใจ จากเด็กที่ถูกแบนไปเล่น ชุด ยู-21 ก็กลับขึ้นมาช่วยทีมชุดใหญ่ได้อีกครั้ง ด้วยการโชว์ผลงานอันยอดเยี่ยม ผ่านเวลาไป 3 ฤดูกาล แจ็ค กรีลิช ก็สามารถนำ แอสตัน วิลล่า กลับคืนสู่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ  พร้อมกับการเดินทางครั้งใหม่กับทีมชาติ เมื่อเขาตัดสินใจเปลี่ยนจากการเล่นให้เยาวชนทีมชาติไอร์แลนด์ มาเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่าอนาคตเขาพร้อมรับใช้ทัพ “สิงโตคำราม” เพื่อตอบแทนที่สโมสรและประเทศแห่งนี้ ให้โอกาสในสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาด

- กรีลิช ประกาศศักดา เป็นตัวท็อปของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

หลังจาก กรีลิช พา วิลล่า กลับมาเล่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง .. กรีลิช ไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ชีวิตซ้ำรอย อีกครั้ง คราวนี้เขามุ่งมั่นฝึกซ้อม โฟกัสกับเกมการแข่งขัน ไม่มีข่าวฉาวบนหน้าสื่อกีฬาให้เห็นอีก นอกจากผลงานอันยอดเยี่ยม ที่เขากลายเป็น เดอะ แบก พา สิงห์ผงาด ด้วยการโชว์ฟอร์มซัดไป 8 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ รอดตกชั้นแบบหวุดหวิด เมื่อซีซั่น 2019-20 จากผลงานที่ กรีลิช ได้สร้างเอาไว้ มันเตะตาบรรดายักษ์ใหญ่เหลือเกิน โดยเฉพาะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีข่าวเชียร์ให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซื้อตัวมาเสริมความแข็งแกร่ง ซึ่งถ้าจำกันได้ เรียกว่า ปีศาจแดง มีกระแสข่าวกับ กรีลิช พอๆกับ เจมส์ แม็ดดิสัน มิดฟิลด์ตัวรุก เลสเตอร์  แต่เพราะเรื่องค่าตัว ที่แพงหูฉี่ระดับ 70 ล้านปอนด์ ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจถอนตัว เนื่องจากก็หวั่นใจว่าเม็ดเงินดังกล่าวมันสูงเกินไป กับนักเตะ ที่เพิ่งจะโชว์ฟอร์มให้เห็นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ซีซั่นเดียว อย่างน้อยยังพอมีเวลาให้ได้ติดตามนักเตะรายนี้อีกครั้ง

- กรีลิช เป็นข่าวฉาวอีกครั้ง เพราะ แหกกฎล็อคดาวน์

ว่ากันว่า คนเรานิสัยอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่สันดานข้างในมันเปลี่ยนกันยาก โดยเฉพาะความเป็น ไอริช เนื่องจากเรื่องปาร์ตี้ ทำให้ แจ็ค กรีลิช ตกเป็นข่าวฉาว และ ถูกด่ายับเยินบนโลกโซเชี่ยล อีกครั้ง ซึ่งสาเหตุก็มาจากที่ประเทศอังกฤษ สั่งล็อคดาวน์ ห้ามออกนอกสถานที่ และ ห้ามจับกลุ่มรวมกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โควิด-19 แต่ กรีลิช กลับฝ่าฝืนกฎออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย และ ที่มันย้อนแย้งกว่านั้นก็คือ ก่อนหน้ามีข่าวฉาวแค่ไม่กี่วัน เขาเพิ่งทำคลิปรณรงค์ให้ผู้คนอยู่บ้าน เพื่อสกัดเชื้อโรค ทว่าดันเป็นตัวเขาเอง ที่ฝ่ากฎล็อคดาวน์ ไม่เป็นแบบอย่างให้กับสังคม อย่างไรก็ตาม กรีลิช แสดงความรับผิดชอบ และ ออกมาขอโทษต่อสังคม .. ถึงแม้สิ่งที่เขาทำไป คือแบบอย่างที่ไม่ดี แต่อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่มากขึ้น ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ และ ปรับปรุงตัวให้เร็วที่สุด นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น เส้นทางค้าแข้งของ กรีลิช ก็ดีวันดีคืน โดยเฉพาะผลงานฤดูกาล 2020-21 เมื่อเขาโชว์ฟอร์มเวลาเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว มีทั้งเกมเปิดบ้านไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล 7-2 .. วันนั้นเขาแอสซิสต์ให้เพื่อน 3 ประตู และ ซัดเองอีก 2 ตุง อย่างเกมที่แพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 ก็เป็นคนทำแอสซิสต์ให้กับเพื่อนทำประตู รวมถึงเกมที่เจอกับ อาร์เซน่อล ..  เขาก็เป็นคนแอสซิสต์ได้เช่นกัน สามารถพา วิลล่า ถล่ม "ไอ้ปืนใหญ่" 3-0 นับว่าเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ขนาดว่า กรีลิช พลาดลงสนามไปถึง 12 เกม หลังจากมีอาการบาดเจ็บในช่วงต้นปี แต่ก็ยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล เพราะนี่คือนักเตะที่ปั่นป่วนคู่ต่อสู้ได้มากเหลือเกิน โดยมีสถิติเป็นนักเตะที่โดนทำฟาวล์มากสุด 110 ครั้ง 

- ข่าวย้ายทีมเงียบ ?

ต่อให้ กรีลิช จะมีสถิติผลงานอันยอดเยี่ยม ติดทีม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำซีซั่น แต่กระนั้นด้วยอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มให้เห็นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของซีซั่น กว่าจะกลับมาลงสนามได้ ก็ช่วงท้ายฤดูกาลไปแล้ว ถึงแม้มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ไปลุย ยูโร 2020 แต่กระนั้นเขาก็มีสถานะเป็นตัวสำรองเท่านั้น จริงอยู่ที่ กรีลิช จะเป็นสำรองตัวทีเด็ด ที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกใช้ลงไปเล่นงานคู่แข่ง แต่ก็แทบไม่เคยเป็นตัวจริง ผลงานยังลูกผี ลูกคน ไม่ได้โชว์ฟอร์มแบบเป็นชิ้นเป็นอัน และ ดูเหมือนว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเขาเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะว่า ปีศาจแดง ตัดสินใจไปทุ่มทุนซื่อตัว จาดอน ซานโช่ มาด้วยราคา 73 ล้านปอนด์

ทว่าบางครั้ง ฝีเท้า และ โชคชะตาก็มาพร้อมๆกัน

เพราะ กรีลิช เป็นนักเตะที่ได้ขึ้นพาดหัวบนสื่อกีฬาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องฉาวอีกแล้ว แต่กลายเป็นว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมทุ่มทุนสร้างคว้าเจ้าตัวไปร่วมทีม เนื่องจาก เป๊ป ต้องการนักเตะที่หิวกระหาย มีความมุ่งมั่นอยากคว้าแชมป์ ที่สำคัญต้องการได้ตัวมาแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งในทีม เพราะ เรือใบสีฟ้า บางคน อาจจะหมดไฟ กับความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามาทุกๆซีซั่น ซึ่งโปรไฟล์เหล่านั้น ช่างเหมาะกับ กรีลิช เหลือเกิน ใครๆก็รู้ว่า แมนฯ ซิตี้ คือทีมระดับมหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆของโลก ดังนั้นการจะคิดซื้อ กรีลิช ต้องทุ่มแบบชนิดที่ แอสตัน วิลล่า ไม่กล้าปฏิเสธ โดยเป็นข้อเสนอที่ สิงห์ผงาด ต้องตาลุกวาว เมื่อ บอร์ดบริหาร เรือใบสีฟ้า เปย์เงิน 100 ล้านปอนด์ สู่ขอนักเตะรายนี้  สุดท้ายดีลนี้ก็สำเร็จลุล่วง กลายเป็นว่า แจ็ค กรีลิช คือนักเตะที่มีค่าตัวแพงสุดในเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ .. ใครจะเชื่อล่ะว่า เด็กเสเพล ที่ดูไร้อนาคต จะปรับปรุงตัวกลายเป็นแข้งร้อยล้าน และ เตรียมสร้างความสำเร็จบนเส้นทางความฝันของเขา ซึ่งค่าตัวขนาดนี้ มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า แมนฯ ซิตี้ ตีราคาฝีเท้า แจ็ค กรีลิช ไว้สูงเพียงใด

ฮาย ฮาวดี้

logoline