หน้าแรก
หน้าแรก
ย้อนรอยผลงาน มอยส์ ที่ล้มเหลวกับ แมนยูฯ ก่อนเฟื่องฟูที่ เวสต์แฮม
26 ส.ค. 2564 | 11:37 น.
0
Pongsakorn.p
คลิกฟังข่าว!!
กำลังโหลด
ออกสตาร์ทศึก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ซีซั่นใหม่ได้จี๊ดจ๊าด และไฉไลเป็นอย่างมากสำหรับพลพรรคทัพ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายหลังกระโดดขึ้นแท่นนั่งเป็นจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้
การเก็บชัยชนะได้ 2 นัดติด พร้อมถลุงคู่แข่งได้มากถึง 8 ประตู ถือว่าเป็นผลงานที่เกินคาดหมายของทีมระดับกลางอย่างพวกเขาเป็นอย่างมาก
ซึ่งแน่นอนผลงานแบบนี้คนที่หนึ่งในคนที่ต้องได้รับคำชื่นชม และโค้งหัวคำนับคือ
เดวิด มอยส์
นายใหญ่ของพวกเขา ที่ยังคงรังสรรค์ผลงานออกมาได้น่าอภิรมณ์ต่อเนื่องจากช่วงท้ายฤดูกาลก่อน แม้จะมีกระแสค่อนขอด และถูกมองลดราคาความสามารถไปพอสมควรหลังพุ่งชนความล้มเหลวในฐานะกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ว่าแล้ววันนี้
ขอบสนาม
ของเราจะพาย้อนไปดูผลงานของอดีตเจ้าของฉายา
"The Choden one"
กันหน่อยว่าตั้งแต่รับงานที่ทัพ "ปีศาจแดง" จนถึงตอนนี้ชีวิตกุนซือลูกหนังของเขาเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
ตัวแทน "ป๋าเฟอร์กี้"
นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปช่วงปี 2013 งานใหญ่ที่เซอร์ไพรส์รองๆ จากการประกาศวางมือแบบฟ้าแลบของ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ก็คือการที่ทีมได้วาง
เดวิด มอยส์
นายใหญ่ของ
เอฟเวอร์ตัน
ในเวลานั้นเป็นตัวแทนที่จะเข้ามาสานงาน และไขว่คว้าความสำเร็จต่อจากบรมกุนซือชาวสกอตแลนด์รายนี้
แน่นอนภาพในวันนั้นมีแฟนบอล
ยูไนเต็ด
จำนวนไม่น้อยตั้งข้อสงสัยในฝีมือของกุนซือรายนี้ จริงอยู่ว่าการทำทีมทัพ "ทอฟฟี่" เขาเข็นทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ภายใต้ข้อจำกัดมากมายโดยเฉพาะเรื่องของตัวเงินที่ไม่ได้มากมาย แต่ก็พาทีมจบครึ่งบนของตารางมาแทบตลอด จนได้รับการยกย่องว่าเขาเป็นกุนซือที่เทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ในอังกฤษ ก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน แม้จะไม่เคยพาทีมเอื้อมมือไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ได้เลยก็ตาม
จริงอยู่ว่าช่วงออกสตาร์ทกับทัพ "ปีศาจแดง" มันอาจจะแลดูราบรื่น เพราะสามารถคว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลล์ มาครองได้ด้วยการเอาชนะ วีแกน แอธเลติก รวมไปถึงเกมแรกในพรีเมียร์ลีกก็ออกสตาร์ทได้อย่างสวยงามด้วยการบุกไปสอย สวอนซี ซิตี้ แบบราบคาบ 1-4 พร้อมทะยานรั้งจ่าฝูงตั้งแต่เกมแรก แต่ใครจะรู้นั้นกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาพาปีศาจตนนี้ขึ้นไปสูดหายใจอยู่บนยอดสุดของตารางคะแนน
เพราะหลังจากนั้นเหมือนความจริงเริ่มปรากฎกายมาให้แฟนบอลได้ยลโฉมมากขึ้นเรื่อยๆ จริงอยู่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือขุมกำลังเดียวกันกับที่ "ป๋าเฟอร์กี้" พาถลุงแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้ และก็ไม่ได้เสียแข้งกำลังสำคัญออกไปเลย แถม มอยส์ ยังไปดึงลูกน้องคู่ใจอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ มาเสริมแกร่งอีก
ย้อนกลับไปช่วงออกสตาร์ทเกมลีก ช่วง 6 เกมแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น และพบเจอกับความพ่ายแพ้ไปมากถึง 3 เกม พร้อมหล่นไปอยู่อันดับ 12 ของตารางคะแนน ซึ่งผลงานของทีมก็วนลูปเป็นเครื่องเล่นเหาะตีลังกาเลยก็ว่าได้ ชนะ, เสมอ และ แพ้ วนเวียนกันไป อาจมีช่วงที่ชนะติดต่อกัน 4 นัด แต่ทว่านั้นคือตัวเลขที่ดีที่สุดแล้ว
ก่อนที่กระแสคัดค้านจากแฟนบอลจะเริ่มก่อตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งวลี
"Moyes out"
หรือเหตุการณ์ที่แฟนบอลจ้างเครื่องบิน เพื่อบินวนเหนือสนามพร้อมติดข้อความว่า
“Wrong one- moyes out”
แสดงจุดยืนว่าแฟนบอลอยากจะให้คุณรับผิดชอบผลงานของทีมด้วยลาออกจากตำแหน่งซะ เพราะขืนอยู่ไปแม่งก็ไม่ได้ทำให้ทีมดีขึ้น
จนกระทั่งถึงวันที่บอร์ดบริหารอดทนไม่ไหว …
22 เมษายน 2014 ข่าวใหญ่หน้าหนึ่งสื่อทุกฉบับ แมนฯ ยูไนเต็ด บรรจงปลด
เดวิด มอยส์
ออกจากตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังเกมที่บุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 2-0 ได้เพียง 2 วันเท่านั้น ซึ่งตรงกับเกมการแข่งขันนัดที่ 34 ของฤดูกาล ก่อนที่ทีมจะทำการแต่งตั้ง
ไรอัน กิ๊กส์
มาคุมทีมแบบชั่วคราวจนจบฤดูกาลนั้น
ซึ่งเท่ากับว่า มอยส์ มีเวลาอยู่บนเก้าอี้ทัพ “ปีศาจแดง” เพียง 10 เดือนเท่านั้น ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวมันอาจจะมากไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับผลงานของทีมในช่วงที่ผ่านมา บทสรุปตัวเลข มอยส์ คุมทัพ "ปีศาจแดง" ไปทั้งหมด 51 นัด แบ่งเป็นชนะ 26 เสมอ 10 และ แพ้ 15 เกม
วีรกรรมก่อนก่อนที่เจ้าตัวจะโดดเด้งจากเก้าอี้คือพา แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนหยัดอยู่อันดับ 7 ของตาราง ตามหลังท็อปโฟร์ 9 คะแนน ส่วนในรายการบอลถ้วย ตกรอบ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการพ่าย บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสกอร์รวม 4-2, เอฟเอ คัพ โบกมือลาตั้งแต่ลงเล่นรอบ 3 ด้วยการเปิดบ้านแพ้ สวอนซี 1-2 ส่วน ลีก คัพ ตกรอบรองชนะเลิศด้วยการพ่ายจุดโทษ ซันเดอร์แลนด์ ภายหลังสกอร์รวม 2 นัด เสมอกัน 3-3
แน่นอนสิ่งที่ร่ายมาทั้งหมดมันก็เป็นหลักฐานที่เพียงพอแล้วกับการที่ทั้ง
แมนฯ ยูไนเต็ด
และ
มอยส์
ต้องแยกทางกัน เพราะมันไม่ใช่เพียงตัวของผลงานเพียงอย่างเดียว แต่มันรวมไปถึงสไตล์ฟุตบอลที่ผิดแปลกไปจากความเป็น "ปีศาจแดง" ที่แฟนบอลคุ้นเคย
สาเหตุสำคัญคือการก้าวกระโดดที่ใหญ่เกินไปหน่อยของ
มอยส์
ด้วย ไม่มีใครเถียงว่าผลงานของเขากับ เอฟเวอร์ตัน มันเข้าขั้นมาสเตอร์ที่แฟนบอลรับรู้ได้ถึงความเก่งกาจของตัวเขา แต่ทว่ามองในอีกด้านความสำเร็จในแบบรูปธรรมเขายังไม่อาจเสกให้ทัพ "ทอฟฟี่" ได้สุขสมหวังแบบเต็มคราบมากเท่าไหร่
และการที่ต้องมารับงานที่เขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าแสงสปอร์ตไลท์จะฉายมาที่เขามากกว่าเดิม ทำงานภายใต้ความกดดันที่มีเดิมพันคำว่าแชมป์เป็นเหมือนเส้นชัย และมุดหมายเดียวที่เขาเองต้องทำให้ได้ ไม่มีโจทย์อื่นนอกจากความสำเร็จ
ที่สำคัญคือการเดินตามรอยชายที่ชื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่สร้างอาณาจักรแห่งมีให้เติบโต และยิ่งใหญ่ มันยากมากที่จะหาใครสักคนมาทดแทน และทำให้แฟนบอลลืมภาพความสำเร็จไปได้ในชั่วพริบตา ซึ่ง มอยส์ ไม่อาจสลัดภาพ และรับมือกับความกดดันที่ถาโถมจากทุกรอบทิศตรงนี้
แน่นอนไม่มีใครรู้ว่าถ้าวันนั้นบอร์ดบริหารยังไม่ตัดสินใจปลดเขาออกจากตำแหน่ง "ปีศาจแดง" สถานะจะเป็นอย่างไร แต่ทว่าการเลือกที่จะเดินหันหลังให้กันในวันนั้นคงเป็นทางเดินที่เหมาะสมด้วยกันของทุกฝ่ายแล้ว
เริ่มต้นเส้นทางใหม่
หลังจากตกงานอยู่ราวปีเศษๆ มอยส์ ก็เริ่มรับงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขาเลือกเดินทางไปสเปนเพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ ภายหลังคุมทีมอยู่ในอังกฤษราวๆ 16 ปี และก็เป็น เรอัล โซเชียลดัด ที่จัดการคว้าตัวเขาไปคุมทัพในช่วงกลางๆ ของซีซั่น 2014-15 บทสรุปปีแรกกับศึกลาลีกา สเปน ตัวเขาพา โซเชียลดัด จบในอันดับที่ 12 ไม่ได้มีความสำเร็จอะไรมาให้เชยชม
ซึ่งหลังจากนั้นในซีซั่นถัดมาเจ้าตัวก็คุมทีมอยู่ได้เกือบๆ ครึ่งฤดูกาลก็มีอันต้องแยกทางกับสโมสร เนื่องด้วยผลงานที่ไม่ค่อยน่าประทับใจ ภายหลังเก็บชัยชนะได้เพียง 2 เกม จาก 10 นัดแรกในเกมลีก
จากนั้นเขาก็กลับมารับงานในอังกฤษอู่ข้าวอู่น้ำของเขาอีกครั้งกับ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเขามีโอกาสได้เริ่มงานตั้งแต่ก่อนเริ่มฤดูกาล 2016-17 แต่ทว่าดูเหมือนอะไรหลายๆ อย่างจะไม่เป็นใจ เพราะจบ 38 นัด ทัพ "แมวดำ" รั้งบ๊วยของตารางเก็บได้เพียง 24 แต้ม ตกชั้นไปตามระเบียบส่วน มอยส์ พอจบซีซั่นก็ดีดตัวเองด้วยการขอลาออกจากตำแหน่ง ก่อนที่จะออกมาให้เหตุผลว่าที่ทีมต้องตกชั้นไปส่วนหนึ่งเพราะเรื่องของเงินเสริมทัพที่ไม่ได้ตามที่ใจตนต้องการ
แต่ทว่าสิ่งที่พอสังเกตุได้คือนับตั้งแต่ออกจาก เอฟเวอร์ตัน กราฟชีวิตของ มอยส์ แม้จะมีงานให้ทำ แต่ทว่าผลงานดูจะไม่ค่อยน่าพอใจ และน่าชื่นชมมากเท่าไหร่ เพราะตัวเลขมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดี และเครดิตที่เขาเคยทำมามันก็เริ่มค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ
รับงานคุมทัพขุนค้อน
"คนมีฝีมือ ใครก็ต้องการ" หลังแยกทางกับ ซันเดอร์แลนด์ ได้ราวๆ 6 เดือน มอยส์ ก็ได้งานใหม่แบบรวดเร็วนั้นก็คือนั่งแท่นกุนซือ เวสต์แฮม ภายหลังทัพ "ขุนค้อน" ปลด สลาเวน บิลิช พ้นเก้าอี้กุนซือ โดยหลังเข้าคุมทีม มอยส์ ก็ค่อยๆ รักษาระดับจนพา เวสต์แฮม จบในอันดับ 13 ของตารางคะแนน ก่อนแยกทางกันไปหลังจบซีซั่น
ทางฝั่ง "ขุนค้อน" ก็ไปทาบทาม มานูเอล เปเยกรินี่ มานั่งแท่นกุนซือ แต่ทว่าก็คุมทีมได้อยู่ราว 1 ฤดูกาลครึ่งก็ต้องแยกทาง ก่อนที่บอร์ดบริหารจะหันกลับไปจีบให้ มอยส์ มารับงานอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมาคุมทัพ เวสต์แฮม อีกครั้งในช่วงเวลาที่ห่างจากครั้งแรกไม่นาน
ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ มอยส์ ค่อยๆ แต่งเติมเสริมทีม ซึ่งเราได้เห็นพัฒนาของทีมแบบภาพชัดเจนคือเมื่อซีซั่นที่แล้ว เมื่อ มอยส์ พาทีมจบในอันดับที่ 6 ของตารางคะแนน ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้ชื่อของเขาได้รับการจับตามองอีกครั้ง โอเคแหละส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตเหล่านักเตะที่ยกระดับขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม
แต่อีกครั้งก็ต้องให้ความดีความชอบแก่ มอยส์ ที่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะออกมาใช้ได้อย่างเต็มเปี่ยมโดยเฉพาะจิ๊กซอว์สำคัญอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด ที่กลับมาเล่นฟุตบอลด้วยความมั่นใจ และเป็นจอมยิงประตูอีกคนที่ผลงานร้อนแรงมากช่วงครึ่งซีซั่นหลัง
แน่นอนด้วยผลงานในช่วงขวบปีที่ผ่านมาทำให้ มอยส์ เองก็สามารถกู้ศรัทธา และเปลี่ยนคำนินทาของแฟนบอลได้มากพอสมควร เพราะนับตั้งแต่ออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เขาเหมือนกลายเป็นตัวตลกของแฟนบอลที่มักจะสร้างเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำขึ้นมาอยู่หลายครั้ง ความสามารถของเขาถูกดูแคลนไปไม่น้อย
แต่ทว่ากับปัจจุบันการคุมทีมในระดับกลางไม่ได้มีความคาดหวังที่สูงมากนัก บวกกับฝีมือของเขาที่ยังคงไว้ลายมันเลยออกมาเป็น เวสต์แฮม ที่น่ากลัวอย่างในปัจจุบัน แม้จะไม่ได้มีสตาร์มากนัก แต่เล่นด้วยความเข้าใจ และสามารถตอบสนองต่อแท็คติกของนายใหญ่ผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
โอเคว่าด้วยผลงานในซีซั่นนี้หลังผ่านไป 2 เกม มันยังไม่สามารถกำหนดทิศทางของทีมได้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทีมของ มอยส์ มีอนาคตที่สดใสมากพอสมควรในการเป็นก้างชิ้นใหญ่ของเหล่าทีมลุ้นแชมป์ที่จะผ่านด่านพวกเขาไปได้
นี่แหละมั้งที่เขาเรียกว่าคนบางคน มักเหมาะกับบางสถานที่
เช่นเดียวกับ เดวิด มอยส์ บางทีสโมสรระดับกลางๆ อาจเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเขามากเป็นที่สุด … ก็เป็นได้
- Paolinho -
เอเวอร์ตัน กอนซาลเวส หัวใจสำคัญที่อาจนำพา ทรู แบงค็อก ไปถึงแชมป์
23 เม.ย. 2567
เดือนเมษาพาซวย ! "อาร์เซน่อล" กับประวัติศาสตร์ที่อาจซ้ำรอย
19 เม.ย. 2567
17
บียู ฟัด ลำพูน จุดตัดสินชะตาเจ้าถิ่น หากพลาดอาจหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ไทยลีก
18 เม.ย. 2567
226
ช้างศึก ลบคำสบประมาท ประเดิมสวยคว่ำ อิรัก U23 ชิงแชมป์เอเชีย เกมแรก
17 เม.ย. 2567
73
นับถอยหลังศึกยู23 ชิงแชมป์เอเชีย กับเป้าหมายทีมชาติไทย ลุ้นตั๋วไปโอลิมปิก
15 เม.ย. 2567
22
ขอบสนาม
รู้ใว้ใช่ว่า
ใครคือ อาร์เน่ สล็อต ? หนึ่งในตัวเต็งกุนซือใหม่ ลิเวอร์พูล
23 เม.ย. 2567
ส.บอลสเปนเผยคลิปเสียง VAR ! ลาปอร์ต้า ไม่โอเคจะขอรีแมตช์
23 เม.ย. 2567
ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล ! รูเบน อโมริม บินมาลอนดอนเจรจากับ เวสต์แฮม
23 เม.ย. 2567
เนวิลล์ มั่นใจหาก เทน ฮาก จะได้อยู่ต่อหากคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ
22 เม.ย. 2567
แท็กที่เกี่ยวข้อง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เดวิด มอยส์
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ขอบสนาม
ข่าวล่าสุด
พระแม่มารีสาทร ชนะ วัดสุทธิฯ 3-1 ซิวแชมป์โซน 1 รอบ กทม. ฟุตบอล 7 คน GLO CUP 2024
23 เม.ย. 2567
เอเวอร์ตัน กอนซาลเวส หัวใจสำคัญที่อาจนำพา ทรู แบงค็อก ไปถึงแชมป์
23 เม.ย. 2567