logo-heading

ถือว่า มิเกล อาร์เตต้า ยังห้อยพระดี เพราะอยู่รอดปลอดภัย ในฐานะกุนซือใหญ่ของ อาร์เซน่อล ทั้งๆที่ผลงานน่าจะกระเด็นตกเก้าอี้ไปแล้ว หลังจากพาทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" รั้งบ๊วย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกสตาร์ท 3 นัด แพ้รวด 3 นัด ชนิดเสียไป 9 ประตู และ ยิงใครไม่ได้เลย นับว่าแย่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

จริงๆแล้ว ช่วงเวลา ฟีฟ่า เดย์ มันเหมาะเจาะแก่การเปลี่ยนกุนซือเหลือเกิน เพราะมันมีเวลาให้โค้ชคนใหม่ได้เรียนรู้ทีม และ นักเตะ แต่ทำไมบอร์ดบริหาร "ไอ้ปืนใหญ่" ถึงยังให้โอกาสกับ อาร์เตต้า ได้ทำงานต่อไป บางทีเหตุผลเหล่านี้ อาจทำให้เขามีงานทำต่อไป

- ยังให้เวลาทำทีม เพื่อไม่มีข้อแก้ตัว

ใครบอกว่า อาร์เซน่อล ไม่มีตังค์ครับ พวกเขาเป็นทีมที่ใช้เงินเสริมทัพเยอะมากที่สุดในซัมเมอร์นี้ มากถึง 156 ล้านปอนด์ เยอะกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียอีก โดยหน้าใหม่ที่ตบเท้าก้าวเข้ามาก็ประกอบด้วย เบน ไวท์,  นูโน่ ตาวาเรส,อัลแบร์ แซมบี้ โลคองก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, อาร่อน แรมเดลส์ ก่อนจะปิดท้ายตลาดด้วย ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แนวรับเลือด ซามูไร ในเมื่อก่อนหน้านี้ อาร์เตต้า ได้วอนขอสาวก เดอะ กันเนอร์ส ให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ฝีมือก่อน เพราะนักเตะที่ซื้อเข้ามาใหม่ทั้ง 5 คน เขาเองก็ยังใช้งานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นในช่วง ฟีฟ่า เดย์ ให้เวลา พี่ต้า ต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก ทั้งปรับปรุงแก้ไข และ หลอมรวมให้ทีมเข้ากันเร็วที่สุด แต่กระนั้นเวลาของ อาร์เตต้า มีไม่เยอะ อาจจะแค่ 1 เดือน ต่อจากนี้เท่านั้น เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาเองสามารถกอบกู้ศรัทธากลับมาได้ ซึ่งตลอดเดือนกันยายน อาร์เซน่อล ไม่ได้มีโปรแกรมที่หนักมากนักใน 2 นัดแรก คือเปิดบ้านพบกับ นอริช ซิตี้ และ บุกไปเยือน เบิร์นลี่ย์ ถ้าหากยังเก็บแต้มไม่ได้อีก ก็คงถึงเวลาที่ต้องแยกทาง แต่ถ้าหากผ่าน 2 นัดนั้นมาได้ ว่ากันว่านัดชี้ชะตาเก้าอี้ของ อาร์เตต้า จะอยู่วันที่ 26 กันยายน เมื่อพวกเขาจะเปิดถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนคู่ปรับตลอดกาลของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นศึก นอรํท ลอนดอน ดาร์บี้ ซึ่งถ้าเกมนี้ อาร์เตต้า ยังคงทำผลงานเละเทะ แพ้คาบ้านล่ะก็ ไม่ใช่แค่ดูไม่จืด แต่บอร์ดบริหาร ก็คงไม่เลี้ยงไว้ให้เสียข้าวสุกอีกแล้ว

- โปรไฟล์กุนซือชื่อบิ๊กๆ ยังไม่พร้อมรับงาน อาร์เซน่อล

ด้วยความที่ อาร์เซน่อล ตอนนี้กำลังเป็นทีมเผือกร้อน ว่ากันตามตรงคงไม่มีใครอยากเข้ามารับงานมากเท่าไหร่ หากไม่ใช่คนที่ใกล้ชิด และ ผูกพันธ์กับสโมสรมานาน เพราะมันอาจเอาชื่อเสียงมาทิ้งได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่เรียกร้องให้ปลด อาร์เตต้า และ ให้ไปแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาแทน เพราะยอดกุนซือชาวอิตาเลี่ยน ยังว่างงาน หลังแยกทางกับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม โปรไฟล์ระดับ คอนเต้ เขาแทบไม่เคยเข้ามารับงานกลางคัน ส่วนใหญ่จะมาปักหลักตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ เพื่อสร้างทีมของตัวเองขึ้นมา ดังนั้นโอกาสที่จะไปเจรจาให้ คอนเต้ มายากมากในตอนนี้ อีกทั้งค่าจ้างของ คอนเต้ อาจจะแตะระดับ 20 ล้านยูโร ต่อฤดูกาล เป็นเม็ดเงินมหาศาล มากกว่า มิเกล อาร์เตต้า ถึง 4 เท่า !! ก็ไม่รู้ว่า อาร์เซน่อล จะพร้อมเปย์หนักขนาดนั้นหรือเป่ลา เพราะฝีมือระดับ คอนเต้ ถ้าได้มาคุมทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" จะยกระดับทีมได้แน่นอน มีประสบการณ์มากมาย พร้อมมีดีกรีคว้าแชมป์เพียบ โดยเคยกุมบังเหียน เชลซี คว้าโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้ว แต่กระนั้นอย่างที่บอกครับ ชั่วโมงนี้ อาร์เซน่อล สาละวันเตี้ยลง คงเป็นเรื่องยากที่จะไปเจรจาหากุนซือตัวท็อปยุโรปมาแทน นั่นแหละครับ มันก็เลยกลายเป็นประโยชน์ต่อตัว อาร์เตต้า ที่เขายังมีเวลาได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองอีกครั้ง

- ลูกรักบอร์ดบริหาร

ถ้าในแง่ของการเป็นลูกจ้าง อาร์เตต้า คือพนักงานที่เจ้านายรักใคร่ชอบพอ เพราะไม่ว่าจะสั่ง หรือ ให้ทำอะไร เขาก็ปฏิบัติได้แบบไม่อิดออด ต่อให้ฟอร์มันจะแย่ แต่สายงานทั้งเรื่องนโยบายการซื้อตัว หรือ ช่วง โควิด-19 ก็เป็นแกนนำขอลดค่าจ้างที่รับกับสโมสร ดังนั้น อาร์เตต้า นับว่าเป็นลูกรักของตระกูล โครเอนเก้ เลยทีเดียว เพราะต้องไม่ลืมว่า อาร์เตต้า ก็เป็นคนที่พาสโมสร กลับมาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เรียกว่าผลงานเก่าๆปังๆก็มีอยู่ จะเห็นได้ตลอดว่า เวลาที่ อาร์เซน่อล อยู่ในฟอร์มย่ำแย่ ร่วงหล่นมาท้ายตาราง แฟนบอลเรียกร้องให้ปลดออกจากตำแหน่งตั้งแต่ซีซั่นทีผ่านมา แต่ก็มีพวกผู้บริหาร ออกมาคอนเฟิร์มตลอดว่า ยังคงให้โอกาส และ เชื่อมั่นในฝีมือของกุนซือชาวสเปน รายนี้  หากเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆ เชื่อว่า อาร์เตต้า คงเด้งออกจากตำแหน่งไปนานแล้ว เพราะนอกจากอันดับที่มันย่ำแย่ ผลงานที่มันห่วยแตก ยังมีรายละเอียดเรื่องการเล่นที่ไม่เห็นว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ พี่ต้า ก็ยังได้โอกาสทำงานต่อไป ถ้าไม่ใช่ลูกรักบอร์ดบริหาร ป่านนี้ตกงาน นอนตีพุงอยู่บ้านแล้ว !

- โซลชา โมเดล

การเรียนรู้งานจากเพื่อนร่วมลีก ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะมันเป็นการศึกษาคู่แข่งไปในตัว ซึ่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงนี้ ก็เริ่มฮิตใช้เหล่าอดีตนักเตะของทีม ดันขึ้นมาเป็นกุนซือ อย่าง เชลซี เคยใช้บริการ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้นำทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้ โซลชา ก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างอะไรกับ อาร์เตต้า แฟนบอลตั้งแคมเปญ "โอเล่เอาท์" เรียกร้องให้สโมสร ปลด น้าลูกอม ออกจากตำแหน่ง เพราะผลงานการคุมทีม ลุ่มๆดอนๆ แบบที่หลายคนเรียกว่า "ลูปโซลชา" ไม่มีวี่แววใกล้เคียงความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม โซลชา ได้โอกาสจากบอร์ดบริหาร, ได้เวลาสร้างทีมจากนักเตะที่เขาเสริมเข้ามา โดยเฉพาะ บรูโน่ แฟร์นานเดส พอนานวัน ผลงานก็เริ่มดีขึ้น จากเคยหลุด โควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้กลับมาลุ้นแชมป์เต็มตัว จนล่าสุดแทบไม่มีการก่อหวอดไล่ น้าลูกอม ออกจากตำแหน่งให้เห็นอีกแล้ว ดังนั้น บอร์ดบริหาร อาร์เซน่อล ก็คงจะอยากนำเคสนี้มาใช้กับ อาร์เตต้า เหมือนกัน ด้วยการอดทนรอ ให้กุนซือรายนี้ได้สร้างทีม ที่สำคัญก็เป็นการประหยัดเงินไปในตัว เพราะถ้าหากมีการปลด อาร์เตต้า ตอนนี้ ก็อาจจะต้องเสียเงินจ่ายค่าฉีกสัญญาแยกทางประมาณ 10-15 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แต่ถ้าหากมันถึงกำหนดเส้นตาย และ ผลงานยังไม่ดีขึ้น เขาเองก็คงต้องแสดงความรับผิดชอบ ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งตัวอย่างก็ไม่มีให้เห็นว่า "บางครั้งการเวลาใช้พิสูจน์ตัวเองก็ไม่มีอะไรดีขึ้น บางคนบริหารมา 7 ปี ก็มีแต่แย่ลงทุกๆวัน" ฉะนั้นเวลาไม่ใช่คำตอบ แต่มันเป็นฝีมือมากกว่า เพราะถ้าผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด ..

ฮาย ฮาวดี้

logoline