5 นักเตะสุดทรหด ! วิ่งไม่มีหมดตลอดทั้งเกม

นักเตะที่มักจะถูกมองข้าม แต่ทว่าโคตรสำคัญก็คือพวกสายอึด สายวิ่ง ที่เป็นคนที่ทำเพื่อทีม

สุด ๆ นักเตะเหล่านี้ต้องมีความฟิตมหาศาล เหมือนมีมากกว่าหนึ่งปอด ว่าแล้ว "ขอบสนาม " จะพาไปดูเหล่าบรรดานักเตะสายอึด ที่ว่ามีใครกันบ้าง ไปดูกันเลย  

คาเซมิโร่ - เรอัล มาดริด

คาเซมิโร่ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับในแบบฉบับที่ครบเครื่องสมบูรณ์แบบ มีความโดดเด่นในเรื่องของการคุมจังหวะ คอยเก็บกวาดทำลายเกมรุกของศัตรูโดยอาศัยความถึกทน บู๊ระห่ำใส่แหลกแบบไม่หยุดยั้ง เขาเป็นนักเตะที่มักได้เล่นเต็มเกมอยู่เสมอ ไม่ค่อยโดนถอดออก จะว่าไปก็เหมือนกับถังนัำมันของ All New Yamaha AEROX  ที่มีขนาดใหญ่ ทรงพลัง ทำให้วิ่งได้เต็มที่ไปทั่วสนามแบบนี้ โดยไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าให้เห็นทั้งที่พี่แกเองก็ตะลุยสู้ฟัดอยู่ตลอดทั้งเกม ซึ่งปัจจัยหลักๆ ก็มาจากการเป็นนักเตะจำพวกปอดเหล็กนั่นเอง ถึง คาเซมิโร่ จะไม่ได้เป็นที่พูดถึงหรือโดนสปอร์ตไลท์ส่องแสงไปมากนักยามอยู่ในสนาม แต่เขาถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ เป็นตัวรักษาความสมดุลในแดนกลาง แถมยังช่วยให้เพื่อนๆ รอบข้างเล่นกันได้ง่ายและสบายมากขึ้นราวกับเป็น "ผู้ปิดทองหลังพระ" ยังไงยังงั้นเลย และการที่เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในยอดมิดฟิลด์แห่งโลกลูกหนังยุคปัจจุบันก็ไม่มีคัดค้านในเรื่องนี้

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เป็นผลผลิตที่โตมาจากอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยตรง แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องบอกว่าก็ผ่านร้อนมาหนาวมาเยอะเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาพี่แกเป็นนักเตะที่เข้าข่ายว่าจะโดนโละทิ้งหลายต่อหลายรอบในทุกช่วงตลาดซื้อขาย สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เริ่มได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก่อนจะมีบทบาทลากยาวมาจนถึงยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ด้วยความที่พี่แกไม่ใช่นักเตะที่มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ก็เลยต้องอาศัยความขยันทุ่มเท และการรักษาความฟิตให้พร้อมอยู่ตลอด เพราะหน้าที่ของ แม็คโทมิเนย์ ตามใบสั่งของโค้ชก็คือการยืนอยู่หน้าแนวรับ คอยจับตาย และวิ่งไล่เบียดกดดันศัตรูเพื่อทำลายจังหวะเกมในแดนกลาง ใครที่เป็นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็น่าจำได้ดีว่าเมื่อปีที่แล้วในช่วงที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กักตัวอยู่บ้านพี่แกได้โชว์สถิติการซ้อมอันน่าทึ่งถึงความปอดเหล็กของตัวเองนั่นก็คือการวิ่งในระยะทาง 5.03 กิโลเมตร โดยใช้เวลาแค่เพียง 16.01 นาทีเท่านั้น เล่นทำเอาแฟนๆ เข้าไปสรรเสริญซูฮกกันยกใหญ่เลยทีเดียว

จอร์จินโญ่ - เชลซี

ก่อนหน้านี้ จอร์จินโญ่ เป็นนักเตะที่มักโดนวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยๆ เรื่องวิ่งน้อย จนมีช่วงที่หลุดไปเป็นสำรองบ้าง โดนดองบ้าง แต่พอ เชลซี มาอยู่ในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด รวมไปถึง ทีมชาติอิตาลี จากการมาของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ดูเหมือนสไตล์และแนวทางของ จอร์จินโญ่ จะค่อยๆ เปลี่ยนไป จอร์จินโญ่ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่คอยคุมจังหวะเกม พร้อมกับอาศัยการผ่านบอลอันแม่นยำซึ่งเป็นจุดเด่นคอยสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนๆ แต่ในยุคที่โลกลูกหนังเริ่มนิยมการเล่นเพรสซิ่ง วิ่งบีบพื้นที่เพื่อกดดันให้ศัตรูเล่นยากมากขึ้น เราก็เลยได้เห็น จอร์จินโญ่ ในเวอร์ชั่นที่กลายเป็นนักเตะวิ่งสู้ฟัด เคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา ทั้งการลงไปช่วยเกมรับ และยามเติมเกมบุกก็ได้เห็นการลากเลื้อยทะลุทะลวงไปข้างหน้ามากขึ้นราวกับเป็นแข้งมิดฟิลด์ประเภท บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ โดยธรรมชาติ  ในศึก ยูโร 2020 ที่ อิตาลี เป็นฝ่ายเถลิงบัลลังก์แชมป์ จอร์จินโญ่ คือผู้เล่นที่ถูกมองว่าโดดเด่นที่สุดในทัวร์นาเมนต์ซึ่งสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันการันตีก็คือ ถ้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากทาง ยูฟ่า ส่วนในเรื่องของสถิติการวิ่งระยะทางรวมพี่แกคือผู้เล่นที่สถิติที่ดีสุดด้วยที่ตัวเลข 86.61 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นที่พาบอลเคลื่อนที่ด้วยระยะทางที่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยเช่นกันที่ 33.12 กิโลเมตร เป็นรองแค่เพียง เปดรี้ คนเดียวเท่านั้น

เปดรี้ - บาร์เซโลน่า

การทุ่มเททำงานอย่างหนักนับเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ และไอ้หนู เปดรี้ ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างชั้นดีที่พิสูจน์ให้เราได้เห็นถึงสิ่งเหล่านี้ และมันก็ทำให้ไอ้เด็กคนนี้ได้กลายเป็นกำลังสำคัญของ บาร์เซโลน่า และ ทีมชาติสเปน ในทันทีตั้งแต่เกมประเดิมสนาม ตำแหน่งของ เปดรี้ คือมิดฟิลด์ตัวกลางแต่บทบาทหน้าที่ของเขาจะหนักไปในทางผู้เล่นเบอร์ 10 ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการพาบอลทะลุทะลวงและขับเคลื่อนเกมไปข้างหน้า คอยสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมไม่ต่างจาก อันเดรส อิเนียสต้า ด้วยความที่เป็นหัวใจสำคัญบอลส่วนใหญ่จะถูกถ่ายมาที่ เปดรี้ ดังนั้นเขาจึงเป็นนักเตะที่ต้องวิ่งและเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาทั้งยามมีบอลและไม่มีบอล  ความปอดเหล็กของไอ้หนู เปดรี้ ได้ยลโฉมสู่สายตาชาวโลกแบบเด่นชัดในฤดูกาล 2020-21 ที่ลงเล่นไปทั้งสิ้น 72 นัดรวมทุกรายการทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดกว่าผู้เล่นทุกคน ได้ลงเล่นเต็มเกมทุกนัด จะ 90 นาที หรือ 120 นาทีก็วิ่งได้ แรงดี ไม่มีตก เราได้เห็นภาพนี้ชัดๆ มาแล้วในศึก ยูโร 2020 ที่ผ่านมากับ ทีมชาติสเปน พร้อมกับสร้างสถิติเป็นนักเตะที่วิ่งเยอะที่สุดอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนต์ที่ 76.14 กิโลเมตร เป็นรองแค่ จอร์จินโญ่ และ คัลวิน ฟิลลิปส์ แค่หลัก 6-7 กิโลเท่านั้น ถ้าเกิด สเปน สามารถตีตั๋วเข้ารอบชิงฯ ได้ แน่นอนว่า สถิติ นัมเบอร์ วัน จะเป็นของเด็กคนนี้แน่นอน ถึงรูปร่างจะเล็ก ผอมกระหร่อง แต่ด้วยความขยันทุ่มเท ความสดใหม่ของวัย บวกกับพรสวรรค์ระดับสูง มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นรองคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่าเลยสักนิด อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งที่ดีที่สุดเบอร์ต้นๆ ของยุคด้วย หลายๆ คนต่างก็ฟันธงและมั่นใจมากๆ ว่าในอนาคตข้างหน้าเราสามารถเรียกเด็กคนนี้ว่าเป็น "ตำนาน" ได้แน่นอน

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ - เชลซี 

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันในชนิดที่ว่ายังไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้ และถ้าจะพูดถึงนักเตะที่ อึก ถึก ทน วิ่งได้ไม่มีหมดตลอดทั้งเกม ราวกับขุมพลังที่ไม่มีวันหมดเหมือน All New Yamaha AEROX  ที่มีถังน้ำมันขนาดใหญ่ 5.5 ลิตร  เติมสะดวกโดยไม่ต้องลงจากรถ แถมยังวิ่งได้ไกลไปทุกที่สุดๆไปเลย อะนะขอเนียนนิดหนึ่ง การมีชื่อของผู้ชายคนนี้ติดโผเข้ามามันก็ไม่ได้ชวนให้รู้สึกเซอร์ไพรส์เลยสักนิด ถึงรูปร่างจะเล็กจิ๊ดเดียวแต่ประสิทธิภาพในด้านฝีเท้าเรากลับมองเห็นเขาเป็นม้าที่พยศไปทั่วสนาม และนี่ก็คือนักเตะที่มีสถิติวิ่งในระยะทางรวมมากที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมาด้วย แต่สำหรับ ก็องเต้ ไอ้หมอนี่ไม่ได้มีดีแค่วิ่งเยอะอย่างเดียวนะ แต่ทุกการเคลื่อนที่ของพี่แกยังเต็มไปด้วยความเฉียบคมและความเด็ดขาดของการเข้าสกัดบอล ไล่ปัดกวาดทำลายเกมคู่แข่ง ตลอดจนคอนโทรลและการถ่ายบอล  การมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อยู่ในสนามจะทำให้ทีมของคุณเหมือนมีผู้เล่นเพิ่มอีกหนึ่งเป็น 12 คน เพราะไม่ว่าลูกบอลจะอยู่ไหนพี่แกจะอยู่ตรงนั้นเสมอ นับเป็นอาวุธเด็ดที่จะขาดไปไม่ได้จริงๆ การที่ เลสเตอร์ ซิตี้ หรือ เชลซี ประสบความสำเร็จมีถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือในยุคนี้ ตลอดจนกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ได้เถลิงบัลลังก์ แชมป์โลก ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งก็คือการมีผู้ชายคนนี้อยู่ในทีมนี่แหละ 

HaMu Dos Santos