logo-heading

27 เมษายน 2018 เป็นอีกหนึ่งวันที่โลกต้องจดจำ! เพราะนั่นคือวันที่ชีวิตของตำนานโคตรนักเตะอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า กำลังจะเปลี่ยนไป หลังได้กล่าวยุติการเดินทางร่วมกับ บาร์เซโลน่า ที่เนิ่นนานมากว่า 22 ปีหรือตั้งแต่ปี 1996

อิเนียสต้า คือหนึ่งในผลผลิตจากศูนย์ฝึกมนุษย์กลายพันธุ์หรือ แคมป์ ลามาเซีย ของ บาร์เซโลน่า และตัวเขาเองก็ได้สร้างประวัติศาสตร์และความทรงจำอันยอดเยี่ยมไว้มากมายที่สังเวียน คัมป์ นู ตลอดช่วงเวลา 16 ปีกับทีมชุดใหญ่ ดังนั้นเมื่อมีการจากลาเกิดขึ้นทางเรา "ขอบสนาม" ก็ขอพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปดูช่วงเวลาที่น่าจดจำของชายที่ชื่อ อันเดรส อิเนียสต้า กับสโมสรแห่งนี้กันสักหน่อย เปิดตัวที่เมืองบรูซ : ปี 2002 อิเนียสต้า เขามักพูดอยู่เสมอว่าเกมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขานั้นก็คือเกมที่ได้เปิดตัว เพราะนั่นเป็นเหมือนประตูเชื่อมโยงกาลเวลาสำหรับทุกๆ สิ่งที่จะตามเข้ามาในชีวิต ย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีก่อน บาร์เซโลน่า ภายในบัลลังก์ของ หลุยส์ ฟาน กัล เขาคือคนที่ให้โอกาสกับ อิเนียสต้า ได้ลงเล่นในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนอายุแค่ 18 ปีในนัดที่เจอกับ คลับ บรูซ ซึ่งชัยชนะเป็นของ บาร์ซ่า ในเกมนั้น ส่วนตัวของ อิเนียสต้า ก็ฉายแววได้ดีจนมิอาจมองข้ามเขาได้เลย ผู้เปลี่ยนเกมที่ ปารีส : ปี 2006 อิเนียสต้า เริ่มมีบทบาทสำคัญกับ บาร์เซโลน่า มากขึ้น ซึ่งในปี 2006 ภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ทีเดียวที่ อิเนียสต้า มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรองในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ กับ อาร์เซน่อล อย่างไรก็ตามเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังตอนที่ บาร์เซโลน่า ตามหลังอยู่ 0-1 และก็เหมือนเป็นการแก้เกมที่ตรงจุดจริงๆ เพราะ อิเนียส มีบทบาทมากที่สุดสำหรับเกมของ บาร์ซ่า ในช่วง 45 นาทีหลัง ก่อนพาทีมพลิกล็อคกลับมาเชือด "ปืนใหญ่" และเถลิงบัลลังก์แชมป์ "ยูซีแอล"  ในปีนั้นสมใจ อิเนียสต้าโซ่ : ปี 2009 ถ้าพูดถึงหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของ อิเนียสต้า ต้องนึกถึงเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2009 ที่เจอกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศ นัด 2 โดยนัดแรกเสมอกันมา 0-0 ที่ คัมป์ นู ตัดภาพกลับมาที่ เดอะ บริดจ์ เชลซี เจ้าบ้านเป็นฝ่ายขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกมจาก ไมเคิ่ล เอสเซียง แถม บาร์ซ่า ยังมาเหลือผู้เล่น 10 คนอีกเมื่อ เอริค อบิดัล โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป ความได้เปรียบตกอยู่ในกำมือของ เชลซี แล้ว เพราะ ลิโอเนล เมสซี่ เองก็ไม่สามารถแผลงฤทธิ์ได้มากนักในเกมนั้น อย่างไรก็ตามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+3 จากเสียงเฮดังสนั่นของกองเชียร์เจ้าบ้านจู่ๆ มันกลับกลายเป็นน้ำตาแทน เพราะ อิเนียสต้า ได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดชี้เป็นชี้ตายเลือกที่จะยิงเองมันซะเลย และที่สำคัญคือทิศทางบอลมันดันพุ่งติดไซด์ก้อยนิดๆ หนีมือ ปีเตอร์ เช็ก เสียบมุมสามหลี่ยมเข้าไป ส่งผลให้เกมนั้นพลิกนรกอย่างจังและเป็น บาร์ซ่า ที่ได้ก้าวขึ้นบันไดสู่รอบชิงชนะเลิศ พายุไต้ฝุ่นโหมหนักที่ เบร์นาเบว : ปี 2009 ถ้าได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นของ บาร์เซโลน่า หนึ่งในความทรงจำที่ต้องมีประดับในอาชีพคือการได้สู้รบกับคู่อริตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด โดยในปี 2009 การบุกไปเยือนสังเวียน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว มันไม่ใช่งานง่ายอยู่ที่แล้วที่จะเก็บชัยชนะออกมาได้จากที่นั่น แต่ในปีนั้นการที่ บาร์เซโลน่า มี อิเนียสต้า กับ ชาบี เอร์นานเดซ ประจำการตรงแดนกลางมันเป็นเหมือนพายุลูกใหญ่ที่ปั่นป่วนทำลายความสมดุลของ เรอัล มาดริด ไปเสียหมด และในวันนั้น บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายบุกไปทลายด้วยสกอร์ 6-2 ชูถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 2 ในชีวิต : 2009 หลังจากผ่านด่านโหดอย่าง เชลซี มาได้อย่างหวุดหวิด บาร์เซโลน่า ต้องเข้าไปประชันแข้งกับอีก 1 ตัวแทนจาก อังกฤษ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้ปีนั้น อิเนียสต้า จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อย และความฟิตไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังไว้ใจให้ อิเนียสต้า ลงเล่นเป็นตัวจริงต่อสู้กับทีมของโคตรกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อิเนียสต้า ฝืนลงเล่นทั้งที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถผ่านบอลทำแอสซิสต์ให้ ซามูเอล เอโต้ ส่งบอลซุกก้นตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วยให้ทีมขึ้นนำได้ ก่อนจะจบเกมที่สกอร์ 2-0 และ บาร์เซโลน่า ได้ ทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนั้น สแปนิช ซูเปอร์ คัพ อันน่าจดจำ : ปี 2011, 2012 ถือเป็นเกมที่ อิเนียสต้า วาดลวดลายฟอร์มการเล่นได้สวยที่สุดเกมหนึ่งในชีวิต และเกมนั้นเขาก็มีชื่อขึ้นบนสกอร์บอร์ดพร้อมกับพา บาร์เซโลน่า เอาชนะ เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 5-4 ต่อเนื่องจนถึงปีต่อมาก็ยังต้องมาปะมือกับ "ราชันชุดขาว" อีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวของ อิเนียสต้า นั้นอาจไม่ได้มีชื่อเป็นคนทำประตู แต่เขาก็ได้โชว์ลีลาการลากเลื้อยบวกเทคนิคชั้นเลิศในการผ่านแนวรับศัตรูก่อนจะเซ็ตบอลให้คู่ขาอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ ซัลโวตุงตาข่ายเข้าไป แต่ปีนั้น เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายได้แชมป์จากกฏอเวย์โกล์ที่สกอร์เสมอกัน 4-4 ปล่อยของใส่ เปแอสเช : ปี 2015 เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ปี 2015 ที่ดวลกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อิเนียสต้า ก็ปล่อยของทันทีเลยจังหวะที่ทีมได้ประตูขึ้นนำ โดยเขารับบอลในแดนตัวเองห่างจากกรอบโทษ 20 เมตร ก่อนพลิกและกระชากลากเลื้อยทะลุทะลวงขึ้นมา ก่อนจะจ่ายคิลเลอร์พาสฝ่าท่ามกลางผู้เล่นของคู่แข่ง 4 คนถวายให้ เนย์มาร์ หลุดเดียวเข้าไปซัลโวตุงตาข่าย ซึ่งถือเป็นจังหวะการเล่นหนึ่งที่น่าจดจำที่สุดของเขาเลย ท้ายที่สุดสำหรับ อิเนียสต้า : ปี 2018 การชิงชัยฟุตบอลถ้วย โกปา เดล เรย์ ของ สเปน ที่ บาร์เซโลน่า ยำใหญ่ใส่สารพัด เซบีย่า ไป 5-0 นั่นคือเกมสุดท้ายของ อิเนียสต้า ก่อนจะออกมาแถลงข่าวประกาศอำลาทีมในช่วงจบฤดูกาลนี้ โดยตัวเขาสามารถทำประตูได้ด้วยในเกมนั้นจากการผ่านบอลของ ลิโอเนล เมสซี่ ก่อนจะได้รับเสียปรบมือดังกึกก้องไปทั่วสนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ จากทั้งแฟนๆ บาร์ซ่า และ เซบีย่า ตอนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 88 และนั่นถือถ้วยแชมป์ใบที่ 31 ของ อิเนียสต้า กับ บาร์เซโลน่า และดูเหมือนกับว่าจะยังมีใบที่ 32 นั่นแชมป์ ลา ลีกา ในฤดูกาลนี้  

-HaMuDosSantos-

 
logoline