logo-heading

ต้องยอมรับว่ากระแสของ นิวคาสเซิ่ล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นร้อนแรงมากเหลือเกิน ภายหลังพวกเขาได้เจ้าของทีมคนใหม่ที่รวยระดับมากที่สุดในวงการลูกหนังชั่วโมงนี้

ซึ่งสิ่งที่แฟนบอลพูดถึงกันมากที่สุดคือการที่ทีมจะมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ทัพ "สาลิกาดง" จะไปดึงนักเตะเกรดดีๆ เข้ามาสู่ทีม เพื่อยกระดับ และพาทีมเดินไปข้างหน้าเพื่อไปถึงเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นการลุ้นตั๋วไปลุยศึก แชมเปี้ยนส์ลีก หรือพุ่งชนความสำเร็จอย่างโทรฟี่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ทว่าในอีกมุมหนึ่งนอกจากนักเตะขาเข้าแล้ว นักเตะในทีมยุคปัจจุบันหลายคนก็ถือว่ามีผลงาน และมีความชอบธรรมมากพอในการที่จะได้สวมเสื้อของ นิวคาสเซิ่ล ต่อไป ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปยลโฉม 5 แข้งของทัพ "สาลิกาดง" ยุคปัจจุบันว่าคนไหนมีแววดีอาจจะได้อยู่กับทีมต่อไปในยุคนายทุนคนใหม่ที่รวยค้ำฟ้าแบบนี้

ฮาเวียร์ มานกีโญ่

5 แข้ง นิวคาสเซิ่ล แววดีที่ (อาจ) ได้อยู่ต่อในยุคเจ้าของคนใหม่ ฟูลแบ็คชาวสเปนที่ย้ายมาร่วมทัพตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ 2017 จาก แอต.มาดริด และก็ถือว่าเจ้าตัวยืนระยะ และเป็นแข้งตัวหลักของทีมมาตลอด ส่วนมากถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนทีมก็มักจะเลือกใช้บริการเขาอยู่เสมอตั้งแต่ยุคที่ ราฟาเอล เบนติเนซ จะนั่งแท่นคุมทัพ เรื่อยมาจนถึง สตีฟ บรูซ โดยจุดเด่นของอยู่ที่การเติมเกมรุกที่มักจะพาตัวเองขึ้นไปป้วนเปี้ยนอยู่ในแดนคู่แข่ง คอยเล่นงานสอดประสานกับแข้งริมเส้น หรือตัวเร็วสูงของทีมอย่าง อัลลอง แซงต์-แม็กซิแมง หรือ มิเกล อัลมิรอน  อีกอย่างคือความยืดหยุ่นของ มานกีโญ่ ที่สามารถลงเล่นได้ทั้งบทบาทแบ็คขวา และวิงแบ็คในกรณีที่ทีมปรับเปลี่ยนแผนมาเล่นแบบเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ 3 คน ส่วนอีกประเด็นคือความเข้าใจในทีม ซึ่งด้วยความที่เจ้าตัวอยู่กับทัพ "สาลิกาดง" มานานถึง 4 ปี ขืนทีมจะปรับเปลี่ยนพลิกโฉมแบบไม่มีแข้งเดิมๆ อยู่ก็คงจะดูหักดิบมากเกินไป ไม่มีเค้าโครงเดิมเลยมันจะหาตัวจูนกันให้ติดได้ลำบาก ฉะนั้นการที่ทีมยังคงมี มานกีโญ่ อยู่ในทีม ประจวบเหมาะสมผลงานของเขาก็ไม่ได้เข้านั้นย่ำแย่อะไร สู้เอาเงินลงทุนไปนำเข้านักเตะในตำแหน่งอื่นๆ ที่จำเป็นน่าจะเกิดประโยชน์ต่อทีมมากกว่า

จอนโจ้ เชลวี่ย์

5 แข้ง นิวคาสเซิ่ล แววดีที่ (อาจ) ได้อยู่ต่อในยุคเจ้าของคนใหม่ มิดฟิลด์หัวใสที่เป็นแข้งระดับซีเนียร์อีกคนในทีมชุดนี้ก็ว่าได้ เพราะเขาย้ายมาร่วมทัพ "สาลิกาดง" ตั้งแต่ช่วงปี 2016 จาก สอวนซี ซิตี้ ก่อนสถาปนาตัวเองกลายเป็นกองกลางตัวหลักของทีมมาโดยตลอด รวมแล้วถึงตรงนี้ลงสนามให้ นิวคาสเซิ่ล ไปแล้วมากถึง 173 นัดในทุกรายการ  แม้สถานการณ์ปัจจุบันของ เชลวี่ย์ จะได้รับบาดเจ็บบริเวณน่องทำให้เพิ่งลงเล่นในซีซั่นนี้ไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อเขาอาการดีขึ้นสามารถเรียกความฟิตกลับมาได้ เชื่อว่าด้วยผลงาน และฝีเท้าของเขาจะก้าวขึ้นมายกระดับแดนกลางของทีมให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบไป เชลวี่ย์ ก็คงไม่ต่างอะไรจากหัวใจของทีมในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการแจกจ่ายบอลให้เคลื่อนไปข้างหน้า คอยคุมจังหวะเกมช้า-เร็ว ขึ้นอยู่กับปลายสตั๊ดของเขาว่าจะกำหนดมันออกมาในรูปแบบไหน ผนวกกับการคาดการณ์ของสื่อในอังกฤษที่มองไปถึง 11 ตัวจริงโฉมใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล ในช่วงตลาดเดือนมกราคมนี้ ยังคงมองว่า เชลวี่ย์ คือคนสำคัญของทีม เพราะถ้าทีมมีศักยภาพเกมรุกที่ดีขึ้น ได้นักเตะที่สามารถผลิตสกอร์ได้มีคุณภาพกว่าเดิม ก็อาจจะช่วยให้ผลงานของกองกลางชาวอังกฤษยกระดับมาตรฐานของตัวเองให้ดีดตัวตามขึ้นไปด้วย

ฌอน ลองสต๊าฟฟ์

5 แข้ง นิวคาสเซิ่ล แววดีที่ (อาจ) ได้อยู่ต่อในยุคเจ้าของคนใหม่ กองกลางอนาคตไกลที่เติบโตขึ้นมาจากอคาเดมี่ของ นิวคาสเซิ่ล ก่อนได้โอกาสเปิดซิงกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2018 ในเกมที่ “สาลิกาดง” บุกไปพ่ายเละให้กับ ลิเวอร์พูล 4-0  ภายใต้การคุมทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ โดยได้โอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรองแทนที่ เคนเนดี้ ในช่วงนาทีที่ 73 ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องจวบจนมาถึงวันนี้ ปัจจุบัน ฌอน ในวัยเพียง 23 ปี แต่กลับลงสนามให้ทัพ "สาลิกาดง" ไปแล้วมากถึง 77 นัดด้วยกัน ยกตัวอย่างในซีซั่นนี้เจ้าตัวไม่เคยพลาดการลงสนามให้ทีมเลยสักเกมเดียว แบ่งเป็นตัวจริง 6 นัด และสำรองเพียง 2 เกมเท่านั้น ซึ่งจากตัวเลขที่กล่าวไปมันแสดงให้เห็นเลยว่ามิดฟิลด์รายนี้ความสำคัญของทีมมากพอสมควร แถมการเป็นลูกหม้อของทีมมันเลยยิ่งเป็นการส่งเสริมความเป็นเลือดเนื้อของสโมสรเพิ่มเข้าไปอีก เรียกได้ว่ามี DNA ความเป็น นิวคาสเซิ่ล แบบเต็มขั้น พร้อมต่อสู้เพื่อตราสโมสรอย่างแท้จริง บวกกับอายุที่เพิ่ง 23 ปี เขายังคงพัฒนาฝีเท้าตัวเองขึ้นไปได้อีกมาก บวกกับถ้ามีสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่ดี มีกุนซือที่เข้ามายกระดับฝีเท้าของเขาได้เชื่อว่า ฌอน ลองสต๊าฟฟ์ คงจะเฉิดฉายมากกว่าที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้อย่างแน่นอน

อัลลอง แซงต์-แม็กซิแมง

5 แข้ง นิวคาสเซิ่ล แววดีที่ (อาจ) ได้อยู่ต่อในยุคเจ้าของคนใหม่ ถ้าจะถามหากองหน้าตัวความหวังที่จะคอยผลิตสกอร์ให้กับทีมในชั่วโมงนี้ ยังไงเสียแฟนบอล "ทูน อาร์มี่" ส่วนมากก็คงยกมือชี้ไปที่ แซงต์-แม็กซิแมง อย่างแน่นอน เพราะนอกจากผลิตประตูแล้ว ยังเป็นทุกอย่างในเกมรุกทั้งการขึ้นเกม ใช้สปีดความเร็วในการฉีกหนีแนวรับคู่แข่ง ฉะนั้นเขาจึงเป็นหน่วยสังหารเบอร์ 1 ของทีมในชั่วโมงนี้ ทั้งนี้ดาวเตะวัย 24 ปี ย้ายมาร่วมทัพ "สาลิกาดง" เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ก่อนที่จะพัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญที่ทีมไม่อาจขาดหายได้ในตอนนี้ โดยในฤดูกาลนี้ แม็กซิแมง ลงสนามทุกรายการไปแล้วทั้งหมด 8 นัด จัดการซัดไป 2 พ่วงด้วยแอสซิสต์อีก 3 ครั้ง เรียกได้ว่ากว่าครึ่งที่ นิวคาสเซิ่ล ทำประตูได้ ต้องมีชื่อของชายผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งด้วยผลงานในระดับนี้ไม่แปลกที่ฉายา "เดอะ แบก" จะถูกบรรจงมามอบให้กับตัวเขา และการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล เชื่อว่ายังไงเสีย อัลลอง แซงต์-แม็กซิแมง ก็ยังคงยืนเป็นตัวหลักของทีมในช่วงเริ่มต้นตั้งไข่ของเจ้าตัวรายใหม่ เพราะถ้ามองในอีกมุมหนึ่งขนาดเพื่อนรอบข้างยังไม่เข้าขั้นเวิลด์คลาสยังมีผลงานที่ปังขนาดนี้ และถ้าได้วัตถุดิบดีๆ มาช่วยเติมแต่งผลงานของเขาอาจจะกระฉูดแตกกว่านี้ก็เป็นได้

มิเกล อัลมิรอน

5 แข้ง นิวคาสเซิ่ล แววดีที่ (อาจ) ได้อยู่ต่อในยุคเจ้าของคนใหม่ เจ้าของนักเตะค่าตัวแพงเป็นอันดับ 4 ของสโมสรด้วยมูลค่า 24 ล้านยูโรที่ นิวคาสเซิ่ล ไปลงทุนคว้าตัวมาจาก แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2019 แม้ช่วงแรกจะมีปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างลงตัวผลงานของเขาก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ อัลมิรอน ถือว่าเป็นนักเตะตัวหลักของทีมมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม แถมเป็นแข้งสารพัดประโยชน์ที่สามารถโยกไปเล่นได้หลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นตัวริมเส้นด้านซ้าย-ขวา, เพลย์เมคเกอร์ หรือกองหน้าตัวเป้า ซึ่งถือว่าตอบโจทย์กับทีมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี ด้วยสไตล์ของ อัลมิร่อน อาจจะเป็นจำพวกที่ไม่ได้มีผลงานการจบสกอร์แบบโดดเด่นมากนัก อย่างในฤดูกาลนี้ยังไม่สามารถผลิตสกอร์ให้กับทีมได้เลย แต่ทว่าถ้ามองลงไปในรูปแบบจะพบว่าเขามีส่วนร่วมอยู่ตลอดในการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมโดยเฉพาะในรายของ อัลลอง แซงต์-แม็กซิแมง ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ซึ่งด้วยผลงานที่ผ่านมา และฟอร์มในปัจจุบันมันก็ดีมากพอที่ทีมจะยังคงเก็บเขาไว้ใช้งานต่อไป แม้จะไม่ใช้ตัวเลือกแรกในกรณีที่ได้แข้งรายใหม่เข้ามา แต่ทว่าอย่างน้อยความสารพัดประโยชน์ของ อัลมิรอน สามารถช่วยเหลือทีมได้แน่ อยู่ที่กุนซือจะใช้งานเขาในบริบท และหน้าที่แบบไหนเท่านั้นเอง

- Paolinho -

logoline