logo-heading

ความพ่ายแพ้แบบย่อยยับถล่มทลายในศึก แดงเดือด ต่อ ลิเวอร์พูล คาโรงละครแห่งความฝัน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันเหมือนเป็นการยิ่งตอกย้ำว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา ไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตอนนี้มีกระแสโหมหนักมากเรื่องกุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อน่าจะเป็น อันโตนิโอ คอนเต้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นสิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ การพาทุกท่านไปวิเคราะห์เจาะลึกถึงเหตุผลที่ว่า "ทำไม อันโตนิโอ คอนเต้ ถึงเป็นตัวเต็งที่สุดสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ? Ole Gunnar Solskjaer - latest news and gossip from The Sun

ตัวเต็งที่สุดตอนนี้ ?

ถ้าพูดถึงกุนซือที่ยังว่างงานอยู่และมีคุณสมบัติกับฝีไม้ลายมือคู่ควรกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้น อันโตนิโอ คอนเต้ และ ซีเนดีน ซีดาน แต่ดูเหมือนจะตัดชื่อของกุนซือชาวเฟร้นช์แมนไปได้เลย เพราะว่ากันว่า ตอนนี้ ซีดาน ยังไม่คิดถึงการกลับมารับงานคุมทีม ณ เวลานี้ และต้องการใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว นั่นจึงทำให้ชื่อของ อันโตนิโอ คอนเต้ กลายเป็นตัวเต็งที่สุดที่จะเข้ามารับงานต่อจาก โอเล กุนนาร์ โซลชา โดยล่าสุดสื่อท้องถิ่นในเมือง แมนเชสเตอร์ อย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่า ทางสโมสรได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับ คอนเต้ แล้ว ว่ากันว่าเงื่อนไขหลักๆ ที่จะทำให้เจ้าตัวยอมตอบรับงานนี้ก็คือการครอบคลุมการจัดการทีมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายนักเตะรวมถึงการวางโครงสร้างของทีม และในเหล่าบรรดาทีมที่อยู่ในข่ายของการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมดูเหมือนกับว่าโปรเจ็กต์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะดูดีที่สุด

การันตีเรื่องความสำเร็จ

มาดูในเรื่องของคุณสมบัติกันบ้าง อันโตนิโอ คอนเต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนังยุคนี้อย่างมิต้องสงสัย สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันการันตีก็คือเรื่องของความสำเร็จและถ้วยแชมป์ เรียกได้ว่าไปอยู่ไหนก็มีถ้วยแชมป์ลีกติดไม้ติดมือมาตลอด ไล่ตั้งแต่ ยูเวนตุส เฮียแกก็เป็นผู้พาทีมซิวแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ติดต่อกัน 3 สมัย รวมไปถึง แชมป์ ซูเปอร์ โคปปา อิตาเลียน่า อีก 2 สมัย นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองที่ทำให้ "ไอ้ม้าลาย" กลับมาเป็นสโมสรเบอร์ 1 ของแดนมะกะโรนีอีกครั้ง ตอนย้ายมาทำงานและได้ใช้ชีวิตใหม่ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในสายตาของผู้คนทั้งวงการเขามองว่ากันว่า 2 ทีมที่จะขับเคี่ยวกันเรื่องการแย่งชิงถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่มีใครมองว่า เชลซี ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ติดโผขึ้นมาเป็นตัวเต็งแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับกลายเป็นว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ได้พาลูกทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" หักปากกาเซียนและปาดหน้าทุกทีมชั้นนำเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จในรอบ 6-7 ปี และนั่นก็คือจุดที่ทำให้เขาเริ่มได้รับคำชื่นชมว่าเป็นสุดยอดโค้ชที่อยู่ในระดับเดียวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ โชเซ่ มูรินโญ่ และอีกมากมาย เช่นเดียวกับที่ จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า การกลับมาทำงานในบ้านเกิดที่ อิตาลี เมื่อปี 2019 พร้อมกับภารกิจในการพา อินเตอร์ มิลาน ทวงบัลลังก์ยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง จากทีมที่ได้ลุ้นแค่ท็อปโฟร์ ลุ้นแค่โควต้ายุโรป ขอแค่ได้ไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับ อันโตนิโอ คอนเต้ แกไม่ได้มองแค่นั้น เขาพา อินเตอร์ มิลาน ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์และแก่งแย่งชิงความเป็นหนึ่งบนสังเวียนลูกหนังอิตาลีอย่างเต็มตัวกับ ยูเวนตุส โดยในฤดูกาล 2019-20 อินเตอร์ มิลาน จบด้วยการเป็นรองแชมป์ก็จริง แต่ก็น่าเสียดายที่มีแต้มตามหลัง ยูเวนตุส แค่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรเพราะสุดท้ายแล้วมันก็เกิดขึ้นจริง เมื่อ อินเตอร์ มิลาน เป็นฝ่ายได้คว้า สคูเด็ตโต้ มาครองสมใจเมื่อฤดูกาล 2020-21 นับเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 11 ปี พร้อมกับหยุดสถิติของ ยูเวนตุส ที่ครองแชมป์มาอย่างยาวนานติดกัน 9 สมัย เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงที่กำลังโหยหาความสำเร็จ และอยากกลับมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ถ้าพูดถึงจุดๆ นี้ขอบอกเลยว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ดูเหมือนจะตอบโจทย์ที่สุดแล้ว

โมเดลระบบหลัง 3

ความสำเร็จมากมายที่สั่งสมมากับ 3 สโมสรยักษ์ใหญ่มันไม่ได้เกิดขึ้นจากเรื่องของบารมีหรือโชคดวงเข้าข้าง แต่มันมาจากความอัจฉริยะ มันสมองและภูมิปัญญาล้วนๆ อันโตนิโอ คอนเต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชที่อัจฉริยะที่สุดคนหนึ่ง ที่เราเห็นหลายๆ ทีมเล่นระบบหลัง 3 ตัวในยุคนี้ต้องบอกเลยว่าจุดเริ่มต้นมันมาจากผู้ชายคนนี้ที่เป็นผู้นำเทรนต์ตั้งแต่สมัยประสบความสำเร็จกับ ยูเวนตุส ด้วยระบบ แท็คติก และสไตล์ที่ชัดเจน เมื่อ คอนเต้ เป็นคนนำเทรนต์โมเดลระบบหลัง 3 เขาจึงรู้ดีกว่าใครว่าในตำแหน่งไหนใครคือคนที่เหมาะสมที่สุด จริงอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยมีช่วงที่ลองใช้ระบบนี้เหมือนกันซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะเวิร์คเท่าไหร่ไม่เหมือน 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 แต่ก็ไม่แน่หรอกถ้าบางทีถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เขาเข้ามาเป็นคนบัญชาทัพจริงๆ มันอาจจะเกิดยลโฉมใหม่ในทิศทางที่ดีขึ้น และอาจจะได้ผลดีกว่าที่คิดก็เป็นได้ 

การจัดการกับนักเตะ

อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นโค้ชที่เฮี้ยบจัดและใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด อย่างเรื่องของการวางหมากตัวผู้เล่น กองหลัง 3 คนต้องใช้คนแบบไหน วิงแบ็ก 2 ข้างต้องมีคุณสมบัติอะไร หน้าที่ของผู้เล่นกองกลางและแนวรุกต้องเล่นยังไงถึงจะได้ผลที่ดีที่สุด การมองขาด ณ จุดๆ นี้ถือเป็นจุดเด่นของเฮียแกเลยซึ่งนั่นมันก็หมายถึงการงัดศักยภาพที่ดีที่สุดในตัวนักเตะออกมานั่นเอง ยกตัวอย่าง วิคเตอร์ โมเสส จริงอยู่ที่เขาเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากโค้ชคนอื่นๆ สักเท่าไหร่ จะเรียกว่าเป็นคนนอกสายตาก็ได้ แต่ในยุคของ คอนเต้ ไอ้หมอนี่กลับกลายตัวเลือกเบอร์ 1 ในตำแหน่งวิงแบ็ก มีส่วนร่วมกับเกมสูงมากทั้งเกมรุกเกมรับ และก็มีฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาอีกด้วย เช่นเดียวกับ มาร์กอส อลอนโซ่ จากแข้งโนมๆ ก็แจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จัก เป็นฟูลแบ็กที่เติมเกมบุกได้มันส์สะใจ มีการสร้างสรรค์โอกาสที่หลากหลายตลอดจนสถิติการพังประตูที่ดีเยี่ยม  ถ้าสมมติ อันโตนิโอ คอนเต้ ได้งานที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จริงๆ มันก็หมายความว่ามันไม่มีการการันตีใดๆ ว่าผู้เล่นตัวจริงชุดปัจจุบันจะได้ยืนระยะและโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ คอนเต้ แล้วเขาไม่สนใจว่าคุณเป็นใครมาจากไหน ต่อให้คุณจะเป็นแข้งระดับซูเปอร์สตาร์ หรือเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาสยังไงก็ช่าง ถ้าเกิดขึ้นคุณไม่ใช่คนที่ตรงตามสเป็กหรือเล่นไม่เข้าระบบก็เตรียมตัวโดนดองนั่งสำรองยาวๆ ได้เลย ยิ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ชื่อว่าเป็นทีมใหญ่ มีซูเปอร์สตาร์อีโก้สูงๆ หลายคนก็ยิ่งต้องมีกุนซือแบบเขาเข้ามาจัดการระบบระเบียบภายในทีม 

นักวางแผน

โค้ชชาวอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่แท็คติกจัดๆ ซึ่งทาง อันโตนิโอ คอนเต้ เองก็คือหนึ่งในนั้น นอกจากการจัดทีมหรือวางหมากตัวผู้เล่นแล้ว เรื่องของการวางแผนรับมือกับคู่มือกับคู่แข่งก็ถือเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีมากๆ เช่นกัน เขารู้ว่าเมื่อเจอทีมที่เหนือกว่าต้องเล่นยังไง ทีมนี้เกมรุกโหดจัดจ้านต้องรับมือยังไง ต้องใช้แผนไหน และสั่งให้นักเตะคนไหนทำหน้าที่อะไร ลองสังเกตดูดีๆ บนหน้าสื่อต่างประเทศเราแทบไม่เห็น อันโตนิโอ คอนเต้ โดนด่าหรือโดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดทีมเลย เช่นเดียวกับเรื่องของการแก้เกมในสถานการณ์ต่างๆ มันก็มีอยู่หลายครั้งที่ลูกทีมของเขาต้องตกที่นั่งลำบาก แต่สุดท้ายก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้ เมื่อซาวด์เสียงฟังจากเสียงบ่นเสียงด่าของเหล่าบรรดาแฟนๆ "เร้ด เดวิลส์" มันค่อนข้างชัดว่านี่คือสิ่งที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ไม่มี และมันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับกุนซือของทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สถิติการเจอทีมใหญ่

การเก็บชัยชนะในเกมใหญ่ๆ หรือยามเจอกับทีมใหญ่ๆ ด้วยกันก็ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ฝันในการคว้าแชมป์เช่นกัน ถ้าไปย้อนดูสถิติของ อันโตนิโอ คอนเต้ ตั้งแต่สมัยคุม ยูเวนตุส, เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน ก็จัดว่าสถิติยอดเยี่ยมไม่เบาเลยเหมือนกัน ถ้านับแค่เกมลีกในช่วงที่คุม ยูเวนตุส ปี 2011-14 คอนเต้ เจอกับทีมใหญ่ไปทั้งหมด 30 ผลปรากฏว่าพลพรรค "เบียงโคเนรี่" ชนะ 19 เสมอ 7 และแพ้ 4 นัด ถัดมาตอนกุมบังเหียน เชลซี กับการฟาดแข้งกับทีม Top 6 ช่วงปี 2016-18 เขาพาลูกทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เก็บชัยชนะได้ 7 นัดจากการเจอกันทั้งหมด 12 นัด ที่เหลือคือแบ่งเป็น เสมอ 1 และ แพ้ 4 นัด ส่วน อินเตอร์ มิลาน ซึ่งเป็นสโมสรล่าสุดในการเจอกับทีมใหญ่ทั้งหมด 24 นัดชนะ 12 เสมอ 7 และแพ้ไป 5 นัดด้วยกัน และนี่ก็คือโปร์ไฟล์ทั้งหมดที่ อันโตนิโอ คอนเต้ สร้างมาในการคุมทีมระดับสโมสรตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แฟนๆ ชาว ขอบสนาม คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง คุณคิดว่านี่คือเขาคือคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่ในการพาทีมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ?

HaMu Dos Santos

logoline