logo-heading

ปาดเหงื่อรอดตายแบบหวุดหวิดอีกครั้งสำหรับพลพรรคทัพ "ปีศาจแดง" ภายหลังต้องเป็นฝ่ายไล่ตามตีเสมอ อตาลันต้า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากประตูสุดสวยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ซึ่งในเกมดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเป็นฝ่ายตามหลังก่อนถึง 2 ครั้ง แต่ทว่าพวกเขาก็สามารถพาตัวเองเก็บแต้มจากเกมเยือนได้สำเร็จ พร้อมผงาดรั้งเป็นจ่าฝูงของศึก แชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่มเอฟ ต่อไป ซึ่งในเรื่องรายละเอียดของเกมจะมีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง ขอบสนาม ของเราได้หยิบยกมาพูดคุยกันแล้ว จะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย

หลังสามอีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้จัดการปรับเปลี่ยนแนวทางของตัวเองโดยเฉพาะเรื่องของแท็คติกที่ปรับมาเล่นในระบบ 3 เซ็นเตร์ฮาร์ฟ ก่อนที่จะได้ผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมกลับมาออกมาด้วยการบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ สเปอร์ส 0-3 พร้อมผลงานที่ได้รับเสียงชื่นชม ถึงความใจกล้าของนายใหญ่ชาวนอร์เวย์ ว่าแล้วในเกมที่บุกเยือน อตาลันต้า พวกเขาต้องเจอข่าวร้ายเมื่อ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม และไม่ได้ร่วมเดินทางมาอิตาลีกับทีม ทำให้ก่อนเกมมีการคาดการณ์ไปต่างๆ นาๆ ว่า โซลชา จะเลือกแบบแผนไหนในการในรับมือ อตาลันต้า บทสรุปเขายังคงเลือกใช้แผน 3-4-1-2 โดยส่ง เอริค ไบยี่ ลงสนามเป็นตัวจริง เล่นร่วมกับ ราฟาเอล วาราน และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ส่วนแดนกลางได้ ปอล ป็อกบา กลับมา ถือว่าขุมกำลัง 11 ตัวจริงจัดเต็มอัตราศึกมากเลยทีเดียว แม้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนระหว่างเกมที่ วาราน ได้รับบาดเจ็บก็ตาม เหลาเกม แมนยูฯ ได้ พี่โด้ เป็น 'เดอะ แบก' คว้าหนึ่งแต้มจาก อตาลันต้า

รูปเกมไม่ดี แต่ยิงได้

ต้องยอมรับตามตรงว่าผลงานที่เกมบุกไปถอนขนทัพ "ไก่เดือยทอง" เหมือนเป็นภาพลวงตามากพอควร เพราะตลอด 90 นาทีในเกมที่บุกไปเยือน อตาลันต้า พวกพี่ๆ ทัพ "ปีศาจแดง" กลับโชว์ผลงานที่เรียกได้ว่าต่ำกว่ามาตรฐาน และรูปเกมเป็นรองแบบชัดเจน ไม่สามารถต่อเกมกันได้ติด อีกทั้งเกมรุกเหมือนถูกตัดขาดออกจากสารบบเสียอย่างงั้น อีกทั้งแดนกลางที่นำมาโดย ป็อกบา กลับเสียบอลจ่ายแทบทุกจังหวะ พูดตามตรงภาษาชาวบ้านเข้าใจง่ายคือพี่แกจะต้องโชว์คลึงบอล ครองบอล หรือความแข็งแกร่ง จนถูกแย่งบอลจากเท้าไปดื้อๆ มันเลยทำให้ทีมเสียเปรียบเอาง่ายๆ นี่ยังไม่รวมจังหวะเล่นพลาดหน้าประตูจนทำเกือบโดนลงโทษอีก แต่อีกหนึ่งคนที่ต้องชื่นชมให้ได้เลยคือ เอริค ไบยี่ ไม่รู้พี่แกไปกินยาผิดขวดหรือยังไง ทำให้ผลงานออกมาได้โคตรไฉไลดีนักแล กลายเป็นปราการหลังที่คอยประคอง และช่วยทีมให้รอดพ้นจากจังหวะเสียประตูได้หลายครั้ง และสิ่งที่เขาทำมันยังบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ความมั่นใจ และความน่าไว้ใจของเขามันมีมากกว่า แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เสียอีก แม้โดยรวมรูปเกมจะโดนเจ้าบ้านบดขยี้บี้เข้าใส่อย่างหนัก แต่ทว่าพวกก็อาศัยจังหวะฉาบฉวยยิงประตูตีเสมอได้เสียอย่างงั้น ซึ่งประตูแรกก็ต้องชื่นชมความยอดเยี่ยมของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่ตอกส้นเสียแบบเวิร์ลคลาส หรือประตูตามตีเสมอช่วงนาที 90+1 จาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ต้องยกเครดิตให้กับพี่แกแบบเต็มๆ  มองในแง่ดีแม้รูปเกมจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก แต่ทว่าก็สามารถเก็บคะแนนออกมาได้สำเร็จ แต่ทว่าในอีกมุมนึงมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะต้องมาเล่นแบบหืดจับอาศัยช่วงท้ายเกมบวกกับความสามารถของนักเตะกว่าจะได้ประตูตามที่ต้องการ

"เดอะ แบก" ที่ชื่อ โรนัลโด้

กับข้อครหาต่างๆ ที่ใส่ร้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาว่าทำให้ระบบทีมเสียอย่างนู้น อย่างนี้ ขออนุญาตให้เลิกคิดแบบนั้นเสียที หน้าที่ของพ่อหนุ่มจากโปรตุเกสคือทีมซื้อเข้ามาเพื่อทำประตู และสิ่งดังกล่าวมันก็ตอบกลับมาด้วยการยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ ลองคิดภาพทีมที่ไม่มี "ไอ้เจ็ตโด้" ดูสิสภาพจะออกมาเช่นไร นับสถิติเฉพาะในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ชายที่ชื่อ โรนัลโด้ ซัดประตูให้ทัพ "ปีศาจแดง" ไปแล้วมากถึง 5 ประตู จากการลงสนาม 4 นัด ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งนึงที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงได้เสียอีกนั้นก็คือ 8 ประตู อีกทั้ง 3 เกมล่าสุดถ้า ยูไนเต็ด ไม่ได้เจ้าของโค้ดเนม CR7 ผลงานคงออกมาไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นัก เพราะเจ้าตัวเป็นผู้ซัดทั้งประตูชัยดับ บียาร์เรอัล, ประตูพลิกนรกในเกมเฉือนชนะ อตาลันต้า และเหมาคนเดียว 2 ตุง พาทีมได้หนึ่งแต้มกลับมาจากอิตาลี ด้วยผลงานที่จับต้องได้ขนาดนี้ อย่ามัวแต่ไปมองเลยว่า โรนัลโด้ ทำให้ทีมเสียระบบ เพราะระบบของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้มันกำลังพึ่งพา และอาศัยฝีเท้าของชายผู้นี้มากกว่านั้นเอง เหลาเกม แมนยูฯ ได้ พี่โด้ เป็น 'เดอะ แบก' คว้าหนึ่งแต้มจาก อตาลันต้า

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค

ภายหลังนั่งตูดด้านมาอย่างยาวนาน ว่าแล้ว โซลชา ก็ได้เวลาใช้งานลูกทีมคนนี้เสียทีแต่ทว่าสิ่งที่ดูไม่ควรสมควรเท่าไหร่นักคือเข้าเลือกที่จะให้โอกาส ฟาน เดอ เบค ในสนามราว 8 นาที เท่านั้น พร้อมเสียงวิจารณ์ว่าเป็นอีกครั้งที่ "อีน้า" คิดช้าทำช้า กว่าจะเริ่มปรับขยับเอาตัวรุกลงมาเพื่อบดขยี้เอาประตูตีเสมอก็ปาไปช่วงท้ายเกมแล้ว ซึ่งในเคสของ ฟาน เดอ เบค การได้ลงมาช่วงท้ายเกมเจ้าตัวก็พยายามโชว์ผลงานของตัวเองเต็มที่ แน่นอนมันก็พอมองออกว่าด้วยฝีเท้าระดับเขามันไม่คู่ควรเลยกับสถานะที่ต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้ และมันยิ่งไม่ควรเป็นอย่างมากที่กลายเป็นตัวเลือกหมายเลขสุดท้ายในตำแหน่งกองกลางของทีม โดยซีซั่นนี้เท่ากับว่า ฟาน เดอ เบค เพิ่งมีโอกาสลงสัมผัสพื้นหญ้ารวมทุกรายการเพียง 144 นาที เท่านั้น แบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 6 นาที, แชมเปี้ยนส์ลีก 48 นาที และลีก คัพ 90 นาที ซึ่งอย่างที่บอกไปครับ ฟาน เดอ เบค ไม่คู่ควรกับการมีบทบาทในทีมเพียงเท่านี้จริงๆ

สถานการณ์ของกลุ่ม

ภายหลังจบเกมนัดที่ 4 ของรอบแบ่งกลุ่ม แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขายังคงยึดหัวหาดนำเป็นจ่าฝูงต่อไปด้วยการเก็บไปแล้ว 7 คะแนน เท่ากับ บียาร์เรอัล โดย อตาลันต้า ตามมาเป็นอันดับ 3 กวาดไปแล้ว 5 คะแนน ส่วน ยัง บอยส์ เพิ่งมีเพียง 3 คะแนน ที่พวกเขาเก็บได้ตั้งแต่เกมนัดเปิดสนามจากทัพ "ปีศาจแดง" ซึ่งด้วยสถานการณ์แบบนี้เกมหน้าที่ทัพ "ปีศาจแดง" จะยกพลบุกไปเยือน บียาร์เรอัล ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะได้จะทำให้โอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไปนั้นสูงขึ้นทันที และถ้าในกรณีบุกไปเก็บ 3 คะแนน และ อตาลันต้า ไม่สามารถเอาชนะ ยัง บอยส์ ได้ พวกเขาจะกรุยทางผ่านเข้ารอบต่อไปได้ทันที แต่... ถ้าในกรณีที่แพ้ขึ้นมาสถานการณ์จะกลับกลับตาลปัตรไปในอีกรูปแบบทันที ฉะนั้นชัยชนะเท่านั้นที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำให้ได้ ทว่าเมื่อถึงวันต้องดวลกับทัพ "เรือดำน้ำ" ก็ไม่แน่ว่ากุนซือที่ยืนคุมทีมอยู่ข้างสนามนั้นจะยังคงเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คนเดิมอยู่หรือไม่ ?

- Paolinho -

logoline