logo-heading

ต้องยอมรับว่าผลงานในช่วงการออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ของ แฮร์รี่ เคน ค่อนข้างน่าผิดหวัง และมาตรฐานของเขาก็ต้องหล่นไปแบบน่าใจหาย จำนวนที่เขาทำได้มันไม่ได้มากมายเหมือนครั้งอดีตที่ผ่านมา

แม้สถิติโดยรวมกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในซีซั่นนี้เจ้าตัวจะซัดไปแล้ว 7 ประตู แต่ทว่าในจำนวนดังกล่าวเพิ่งซัดในเกมลีกไปได้เพียงตุงเดียวเท่านั้น จากการลงสนามทั้งหมด 828 นาที หรือถ้าเทียบง่ายๆ คือ เคน อยู่ในสนามครบ 90 นาที มากถึง 9 นัด แต่กลับผลิตสกอร์ได้เพียงน้อยนิด แต่ทว่ากับผลงานล่าสุดในนามทีมชาติอังกฤษ เจ้าตัวเพิ่งจัดการทำยิง 4 เม็ด ในเกมที่ถล่ม ซาน มาริโน่ 10-0 เรียกได้ว่าผลงานต่างกับยามลงเล่นในสีเสื้อของ "ไก่เดือยทอง" ดีนักแล ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราในวันนี้จะมาวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ผลงานของ เคน ในปีนี้กับสโมสรยังไม่ปังอย่างที่หวัง แต่กับพุ่งกระฉูดเมื่อลงสนามรับใช้ชาติบ้านเกิด ซึ่งจะมีเหตุผลอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย

ปัญหานอกสนาม

ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมาในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลภาษากายของ แฮร์รี่ เคน ทั้งการโบกมือลา และการใช้ห้วงเวลาหนึ่งกับแฟนบอล "ไก่เดือยทอง" นานๆ มันคล้ายกับเป็นการสื่อว่าเวลาของตัวเขากับสโมสรแห่งนี้กำลังจะหมดลงแล้ว ผนวกกับข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการย้ายทีมโดยมี แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมเต็ง 1 ที่จะสอยตัวเขาไปเสริมทัพ แต่ทว่าพอเวลาผ่านไปดูเหมือนอะไรๆ ที่คิดไว้จะไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ สุดท้าย เคน ก็โพต์ข้อความผ่านโซเชียลส่วนตัวใจความคือไม่ได้ย้ายไปไหน และพร้อมที่จะอยู่สู้ต่อกับทีมในฤดูกาลนี้ ทำให้แฟนบอลบางกลุ่มไม่พอใจ เพราะการกระทำของเขาทั้งไม่ยอมมารายงานตัว ไม่ยอมมาซ้อมกับทีม มันเลยพลิกจากคนรัก กลายเป็นแฟนบอลเกลียดขี้หน้าขึ้นมาทันที ซึ่งด้วยประเด็นนอกสนามแบบนี้แน่นอนมันย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของตัว เคน อยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะจากตอนแรกใจลอยไปไกลถึง แมนเชสเตอร์ แต่ทว่าบทสรุปต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรุงลอนดอนตามเดิม  แม้เวลาจากที่ผิดหวังคราวนั้นจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่เชื่อว่าใจลึกๆ ของเขายังคงผิดหวังไม่น้อย ฉะนั้นปัจจัยนอกสนามเรื่องการย้ายทีมมันย่อมส่งผลต่อจิตใจเมื่อเวลาลงไปสู้ในสนามได้เหมือนกัน ไขปัญหาทำไมทีมชาติ กับสโมสร ผลงานของ เคน ถึงแตกต่างกัน

ความกดดัน

สืบเนื่องจากประเด็นดังกล่าวเมื่อ เคน หักเลี้ยวหัวรถประกาศอยู่ค้าแข้งต่อกับทีม ฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องเผชิญคือเสียงก่นด่าจากแฟนบอล และที่สำคัญคือความกดดันจะถาโถมเขามากกว่าเดิม เพราะนอกจากต้องผลิตสกอร์ตามมาตรฐานของเขาที่ทำมาตลอดในช่วง 5-6 ปีหลังสุดแล้ว เขายังต้องแบกรับความกดดันจากช่วงเปลี่ยนตัวกุนซือจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำไว้ค่อนข้างน่าผิดหวัง สู่หัวเรือคนใหม่อย่าง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ฉะนั้นในแต่ละเกม เคน ต้องใส่ความทุ่มเท และความพยายามแบบสุดแรงถีบ บนข้อแม้ที่มีความคาดหวัง และกดดันจากแฟนบอลอย่างมหาศาลบนบ่าทั้งสองข้าง ที่จะคอยจับจ้องว่าต้องทำประตูให้ และต้องพาทีมชนะให้ได้ และเมื่อยิ่งนานวันยังคงทำไม่ได้ความกดดันก็จะคืบคลานมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ซึ่งกับตรงนี้มันค่อนข้างจะแตกต่างกับยามลงสนามในนามทีมชาติอังกฤษที่เขาไม่ต้องแบกภาระ หรือความคาดหวังอะไรให้มากนัก เนื่องด้วยส่วนหนึ่งรอบข้างของเขาเกื้อหนุน และแบ่งเบาภาระในทำผลิตประตู ไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ฟิล โฟเด้น หรือ แจ็ค กรีลิช ฉะนั้นมันจึงไม่แปลกที่ส่วนใหญ่ชื่อของ เคน มักจะโชว์อยู่บนสกอร์บอร์ดแทบตลอดเวลาสวมเครื่องแบบตรา "สิงโตคำราม" 

คู่แข่งที่ดวลด้วย

ปัจจัยข้อนี้ไม่ได้มีเจตนาจะด้อยค่าคู่แข่งในแต่ละชาติที่อังกฤษต้องเผชิญด้วย แต่มันคือความจริงที่ปรากฎเด่นชัดว่าเมื่อทัพ "สิงโตคำราม" ได้โอกาสลงสนามดวลแข้งด้วยพวกเขามักเป็นต่ออยู่หลายช่วงตัว ก่อนที่จะจบลงด้วยชัยชนะแบบถล่มทลายอยู่บ่อยครั้ง อย่างในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก อังกฤษ ถูกจับมาอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้แข็งมากนักประกอบไปด้วย ฮังการี, อันดอร์รา, โปแลนด์, แอลเบเนีย และ ซาน มาริโน่ แน่นอนด้วยคู่แข่งไม่แปลกที่พวกเขาจะรั้งจ่าฝูงของกลุ่มแบบไร้พ่าย และผลการแข่งขันก็สามารถยิงคู่แข่งได้แบบ 3, 4  หรือ 5 ประตู ได้แบบไม่ยากเย็นนัก ส่วน แฮร์รี่ เคน ผลงานของเขาในรอบคัดเลือกนี้กระหน่ำไปแล้วถึง 12 ประตู จากการลงสนาม 8 นัด ซึ่งนี่แหละมันเลยเป็นอีกหนึ่งข้อแตกต่างที่ทำให้ทำไมเวลาหัวหอกรายนี้ลงสนามกับทีมชาติจึงสามารถระเบิดฟอร์มเก่งออกมา และยิงประตูได้อย่างบ่อยครั้ง แต่ทว่ากับฟุตบอลลีกด้วยคู่แข่งที่ไม่ง่ายต่อการดวลด้วย บวกกับชื่อชั้นของแนวรับในพรีเมียร์ลีก และแท็คติกที่ถูกนำมาใช้ มันเลยอาจเป็นการหยุดยั้ง เคน ในการผลิตผลิตสกอร์ แต่อย่างไรก็ตามจากสถิติที่ผ่านมา บวกกับความเก่งกาจของ เคน ฝีเท้าระดับเขาเดี๋ยวก็คงหาทางกลับมาผงาดยิงเป็นกอบเป็นกำอีกครั้งได้แน่ ไขปัญหาทำไมทีมชาติ กับสโมสร ผลงานของ เคน ถึงแตกต่างกัน

ปัจจัยเรื่องกุนซือ

ประเด็นสุดท้ายจะไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้นั้นก็คือเรื่องของแท็คติกของกุนซือที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาในฤดูกาลนี้อย่าง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เพราะต้องยอมรับว่าการเข้ามาของเขาประสิทธิภาพของ แฮร์รี่ เคน รวมไปถึงเกมรุกของ สเปอร์ส ขาดความน่ากลัวลงไปมาก ทั้งที่คุณภาพของทีมรั้งเบอร์ต้นๆ ของลีกเลยก็ว่าได้ ตัวเลขคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" ในพรีเมียร์ลีก 10 นัด แต่ทว่าสามารถรังสรรค์ให้ทีมผลิตประตูได้เพียง 9 ตุง ทั้งที่มีหน่วยทำลายล้างทั้ง แฮร์รี่ เคน, ซน ฮึง-มิน หรือ ลูคัส มูร่า อยู่ในทีม มันแสดงออกชัดเจนเลยว่า นูโน่ ไม่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่  แน่นอนด้วยปัจจัยในข้อนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ตัวของ เคน ยังไม่อาจเอาร่างทองของตัวเองออกมาใช้งานได้ แต่ทั้งนี้จะยกความผิดทั้งหมดให้กับกุนซือเพียงอย่างเดียวมันก็คงจะใจร้ายเกินไป เพราะส่วนหนึ่งก็ต้องกระจายความน่าผิดหวังมาให้กับหัวหอกชาวอังกฤษด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังกลับจากพักเบรคทีมชาติคงเป็นข้อพิสูจน์สำคัญสำหรับ แฮร์รี่ เคน แล้วว่าทิศทางจะเป็นไปในแบบไหน เพราะการได้ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาน่าจะช่วยให้เขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บวกกับเพิ่งทำแฮตทริกในเกมทีมชาติมาน่าจะนำมาต่อยอดกับสโมสรได้เช่นกัน สุดท้ายเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าอนาคตต่อจากนี้ของ เคน จะออกมาในรูปแบบไหน แต่ทว่าอย่างที่กล่าวไปด้วยฝีเท้าที่การันตีประตูของเขา เชื่อเหลือเกินว่าดาวยิงผู้นี้จะกลับมาเป็นเพชรฆาตได้อีกครั้ง  แต่ทว่าถ้ามันนอกเหลือไปจากนี้ จนถึงขั้นกู่ไม่กลับบางทีมันอาจจะถึงทางแยกที่ต่างคนต่างไปตามเส้นทางของตัวเองก็เป็นได้  

- Paolinho -

logoline