เกมบิ๊กแมตช์ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2018 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล นอกจากจะเป็นการฟาดแข้งกันของ 2 ทีมหัวแถวประจำศึกสังเวียน พรีเมียร์ลีก แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเรื่องราวความบาดหมางระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และ อาร์แซน เวนเกอร์
สงครามระหว่างทั้งคู่ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ 2004 จากนั้นก็ผลัดกันออกมาหมัดออกอาวุธเล่นงานกันด้วยวาทะต่างๆ ในหลายๆ ประเด็น จนถึงวันนี้มันจะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาทั้ง 2 จะได้เผชิญหน้ากัน ก่อนที่ เวนเกอร์ จะลาจาก อาร์เซน่อล และ พรีเมียร์ลีก ไปในช่วงจบซีซั่น และเพื่อให้เรื่องราวของทั้งคู่ถูกกล่าวขานต่อไปทาง "ขอบสนาม" ขอพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปดูไทม์ไลน์ชีวิตสงครามของทั้งคู่กันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และมีเด่นๆ ตรงไหนบ้าง เมื่อ เชลซี มีแต่ผู้เล่นต่างชาติ : กุมภาพันธ์ 2005 เวนเกอร์ เปิดปากวิจารณ์ เชลซี ที่ส่วนใหญ่เน้นใช้ผู้เล่นต่างชาติและแทบจะไม่เห็นผู้เล่นชาวอังกฤษเลย "ผมไม่เห็นว่า เชลซี จะเน้นใช้ผู้เล่นชาวอังกฤษมากกว่าเราตรงไหนเลย ใครที่เป็นผลผลิตของพวกเขา ใครที่เป็นนักเตะโฮมโกรว์น? ผมเห็นแค่คนเดียวคือ จอห์น เทอร์รี เท่านั้น" มูรินโญ่ คือตัว อันตราย! : สิงหาคม 2005 เวนเกอร์ วิจารณ์แท็คติก 'รถบัส' ของ มูรินโญ่ "ผมรู้ว่าเราอาศัยอยู่ในโลกที่มีเพียงผู้ชนะและผู้แพ้ แต่เมื่อทีมกีฬาปฏิเสธที่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์ กีฬากำลังตกอยู่ในอันตราย" ไอ้พวกถ้ำมอง! : ตุลาคม 2005 มูรินโญ่ เริ่มตอบสนองบ้างหลังเจอ เวนเกอร์ บ่นใส่หลายๆ เรื่อง โดยตราหน้าว่าเป็นพวกถ้ำมองสนใจแต่เรื่องคนอื่น "เวนเกอร์ นี่มีปัญหากับเราจริงๆ นะ และผมก็คิดว่าเขากำลังทำในสิ่งที่คนในอังกฤษเรียกว่า ไอ้พวกถ้ำมอง เขามันเป็นคนที่เอาแต่สนใจเรื่องคนอื่น" มูรินโญ่ มันโง่เง่าสิ้นดี! : พฤศจิกายน 2005 เวนเกอร์ สวนกลับหลัง มูรินโญ่ อ้างว่าจะใช้เรื่องกฏหมายเล่นงานตน "เขามันบ้า และไม่ได้อยู่ฐานบนความเป็นจริง และไร้ซึ่งความเคารพ เมื่อคุณให้ความสำเร็จกับคนโง่ มันยิ่งทำให้เขาโง่เง่าขึ้น ไม่ใช่ฉลาดขึ้น" ไม่เคยได้ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วยังไง ? : กุมภาพันธ์ 2007 หลังจาก อาร์เซน่อล แพ้ บาร์เซโลน่า ในรอบชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2006 มูรินโญ่ ได้ยกปมนี้มาล้อ เวนเกอร์ เพราะตนนั้นเคยได้มาแล้วกับ เอฟซี ปอร์โต้ ก่อนที่ เวนเกอร์ จะสวนกลับว่า "บางทีผู้จัดการทีมที่ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมเสมอไป สิ่งที่สำคัญก็คือคุณต้องดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอาชีพเขาไม่ว่าจะ 10 15 หรือ 20 ปี คุณภาพแบบไหนที่คุณทำผ่านงานของคุณ และคุณทำได้คงเส้นคงวามากแค่ไหน? ถ้าคุณอยากเปรียบเทียบผู้จัดการทีมทุกคน คุณต้องให้ทรัพยากรพวกเขาเท่ากันและให้เวลา 5 ปี จากนั้นดูว่าใครทำได้ดีที่สุด" เวนเกอร์ เฉ่ง มูรินโญ่ ที่สั่งให้นักเตะ เรอัล มาดริด ล้างใบเหลืองใน แชมเปี้ยนส์ ลีก : พฤศจิกายน 2010 ถึงแม้ มูรินโญ่ จะไม่อยู่ใน พรีเมียร์ลีก แล้ว แต่ปัญหาความบาดหมางกับ เวนเกอร์ ก็ยังไม่จบ โดยทางนายใหญ่ชาวเฟร้นช์แมนได้แขวะไปถึงแท็คติกของ "เดอะ เวิร์ส วัน" ที่่สั่งให้นักเตะ เรอัล มาดริด ทำตัวเองให้โดนไล่ออกจากสนามเพื่อล้างโทษใบเหลือง "มันน่าละอายที่เห็นแบบนี้จากสโมสรใหญ่ มันดูน่าเกลียดน่ากลัว คุณไม่อยากยอมรับเรื่องนั้น" ทีมอะไรว๊า? ร้างแชมป์ตั้งแต่ปี 2005 : พฤศจิกายน 2010 หลังโดนเหน็บเรื่องแท็คติก มูรินโญ่ ก็จัดการเอาคืนด้วยการขยี้ปมเรื่องห่างเหินความสำเร็จเรื่องถ้วยแชมป์ "เขาควรไปอธิบายกับ แฟนบอล อาร์เซน่อล ว่าเขาทำไมถึงคว้าแชมป์ไม่ได้สักถ้วยเลยตั้งแต่ปี 2005 แทนที่จะมาพูดถึง เรอัล มาดริด" ทำให้ดีลของ มาต้า กลายเป็นธุรกิจ : มกราคม 2014 ในช่วงที่ มาต้า หมดบทบาทกับ เชลซี ในยุคของ มูรินโญ่ และมีหลายทีมสนใจ แต่ทีมที่ได้ไปคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย เวนเกอร์ วิจารณ์ว่าที่ มูรินโญ่ ทำไปแบบนั้น เพราะ เชลซี เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ครบ 2 นัดแล้ว "เชลซี เล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ครบ 2 นัดไปแล้ว และจริงๆ พวกเขาควรขาย มาต้า ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนถ้าเกิดคุณอยากให้ความยุติธรรมต่อทุกทีม มันไม่ควรเกิดขึ้น" ผู้เชี่ยวชาญแห่งความล้มเหลว! : กุมภาพันธ์ 2014 มูรินโญ่ ได้ทีสวนกลับ เวนเกอร์ ด้วยเรื่องเดิมนั่นคือเรื่องการร้างความสำเร็จ "ถ้าจะถามผมว่าผมกลัวความล้มเหลวหรือเปล่า? ขอบอกก่อนว่า เวนเกอร์ คือผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว ไม่ใช่ผม ถ้าใครคิดว่าเขาพูดถูก ผมกลัวความล้มเหลว เพราะผมไม่ได้ล้มเหลวบ่อยนัก บางทีเขาอาจพูดถูกก็ได้ ผมไม่คุ้นชินกับความล้มเหลว เพราะในความจริงเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการล้มเหลวจากการไม่มีแชมป์ติดมือมานานถึง 8 ปี มันความล้มเหลว ถ้าผมทำให้ เชลซี ไม่ได้แชมป์เลยตลอด 8 ปี ผมจะเดินออกไปและไม่กลับมาอีกเลย" ไฝว้กันที่ข้างสนาม : ตุลาคม 2014 เป็นเกมที่เดือดทั้งในและนอกสนามจริงๆ แต่สิ่งที่อยู่ในสายตาชาวโลกก็คือการปะทะกันบริเวณม้านั่งสำรองของ มูรินโญ่ และ เวนเกอร์ และวันนั้น เวนเกอร์ ถึงกับฟิวส์ขาดไปผลักอกใส่ มูรินโญ่ เวนเกอร์ กล่าว "พวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเกินไป เมื่อมองย้อนกลับไปผมคิดว่าผมไม่ควรตอบโต้ไปแบบนั้น มันไม่ใช่พฤติกรรมที่ควรอยู่ในสนามฟุตบอล ผมเสียใจอยู่เสมอกับสัญญาณความรุนแรงที่เกิดขึ้น และผมก็ต้องขอโทษด้วย แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของความคลั่งไคล้ในเกมการแข่งขัน ถ้าจะถามว่า มูรินโญ่ ยั่วโมโหรึเปล่า? ผมรู้สึกเช่นนั้นนะ และผมเองก็ไม่ได้เดินเข้าไปในพื้นที่เขตของ เชลซี เลยด้วย" หัดให้ความเคารพคนอื่นบ้าง : พฤษภาคม 2015 เวนเกอร์ ในฐานะที่อายุมากกว่าก็ได้ออกมาสั่งสอน มูรินโญ่ หัดแสดงความเคารพต่อคนอื่นบ้าง "ผมคิดว่าผมเคยพูดไปแล้วนะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้จัดการทีมก็คือการให้ความเคารพผู้จัดการทีมคนอื่น คู่แข่งก็เช่นกันไม่ใช่ว่าคุณจะไม่เคารพเขา แน่นอนผมเชื่อว่าบางครั้งผู้จัดการทีมก็หัวร้อนได้ในระหว่างเกม มันเป็นเรื่องของแพสชั่นที่จะเป็นตัวควบคุมปฏิกริยาทางร่างกาย" ยังขยี้ปมห่างเหินจากความสำเร็จไม่เลิก : กรกฏาคม 2016 มูรินโญ่ ใช้ เวนเกอร์ เป็นข้ออ้างเรื่องการคว้าความสำเร็จ หลังถูกถามว่าจะพา แมนฯ ยูไนเต็ด ไปไกลถึงแชมป์ได้ไหม ? นับตั้งแต่หมดยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน "มีผู้จัดการทีมบางคนที่คว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 10 ปีก่อน ครั้งสุดท้ายที่ผมคว้าแชมป์คือเมื่อ 1 ปีก่อน ถ้าผมยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ลองจินตนาการถึงคนอื่นสิ การจบอันดับ 4 ไม่ใช่เป้าหมาย" ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็ประสบความสำเร็จได้ : กันยายน 2016 หลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างใช้เงินเสริมทัพมหาศาลเพื่อซื้อความสำเร็จ แต่ เวนเกอร์ บอกไม่เป็นจำเป็น "ผมคุม อาร์เซน่อล มา 21 ปีดังนั้นผมจะไม่ขอพูดถึงมัน มันจะมีอยู่แน่ๆ 1 ทีมหรือบางครั้งก็ 4 ทีมที่รวยกว่าเรา ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการจัดการสถานการณ์ของตัวเองให้ดี แน่นอนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวยกว่าเรา เชลซี รวยกว่าเรา และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็รวยกว่าเรา แต่เรายังเชื่อว่าเรายังมีทางอื่นเพื่อไปสู่ความสำเร็จได้" คนมีตังค์อะจะทำไม : ตุลาคม 2016 จากนั้นไม่นาน มูรินโญ่ ก็ได้ออกมาตอบโต้ เวนเกอร์ เรื่องการใช้เงิน "เมื่อผมได้ยินผู้จัดการบางคนออกมาวิจารณ์ ผมไม่คิดว่าพวกเขาเคยเจอกับปัญหานี้นะ เพราะการมีปัญหานี้ คุณจำเป็นต้องอยู่กับหนึ่งในสโมสรชั้นแนวหน้าของโลก ที่แมนฯยูฯมันเกิดขึ้นได้" จับมือกันเถอะ : พฤษภาคม 2017 หลังจบเกมที่ อาร์เซน่อล เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 เรื่องอารมณ์หลังเกมไม่ได้เดือดอย่างที่คิด เมื่อทั้ง มูรินโญ่ และ เวนเกอร์ จับมือกันด้วยดี มูรินโญ่ ได้กล่าวว่า "แฟนๆ อาร์เซน่อล คงมีความสุข และผมก็ดีใจกับพวกเขาด้วย เป็นครั้งแรกที่ผมเดินออกมาจากที่นั่นและพวกเขามีความสุข ตอนผมออกมาจาก ไฮบิวรี่ พวกเขาร้องไห้ ตอนผมออกมาจาก เอมิเรตส์ พวกเขาก็ร้องไห้ เดินออกมาที่ถนนข้างนอก็มีแต่คนเดินก้มหน้า วันนี้พวเขาเล่นเวฟกันได้สง่างาม มันเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ คุณคิดว่าผมจะชื่นใจไหมกับทีมที่ไม่คว้าแชมป์เลยอย่าง อาร์เซน่อล แน่นอนว่าผมตอบว่าไม่ แต่วันนี้ผมก็พยายามเต็มที่แล้ว อาร์แซน เวนเกอร์ ไม่ใช่ผู้จัดารทีมธรรมดาๆ นะ เขาคือยอดโค้ช และสถิติต่างๆ ของเขาที่ผ่านมามันก็ไม่ธรรมดาเลย การเราจับมือกันมันก็คือเรื่องปกติแหละ ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมาทั้งชีวิต รู้ดีว่าปัญหามันจะเกิดขึ้นแค่ในสนาม และเมื่อถึงวันถัดไปก็จะจบลง" เวนเกอร์ ประกาศอำลา อาร์เซน่อล : เมษายน 2018 เวนเกอร์ ตัดสินใจยุติบทบาทของตัวเองกับ อาร์เซน่อล ที่ดำรงตำแหน่งมานานว่า 22 ปี “หลังจากที่ผมได้พิจาราณาอย่างรอบคอบ และพูดคุยกับสโมสร ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ผมจะก้าวลงจากตำแหน่งตอนจบฤดูกาลนี้ ผมรู้สึกซาบซึ้งที่ได้ร่วมงานกับสโมสรแห่งนี้ และมีช่วงเวลาดีๆ ที่น่าจดจำมานานหลายปี” “ผมคุมทีมนี้ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทเต็มที่ ผมอยากจะขอขอบคุณทีมงานสต้าฟฟ์โค้ช, นักเตะ, ผู้บริหาร และแฟนบอลทุกคน ที่ร่วมกันทำให้สโมสรแห่งนี้มีแต่ความพิเศษ ผมขอฝากให้แฟนๆ คอยสนับสนุนสโมสรต่อไป เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ทีมไปได้สูงกว่านี้ ผมจะรักและตามเชียร์ อาร์เซน่อล ไปตลอดกาล” ในฐานะคนที่เคยบาดหมางกันมาก่อนในวันนี้ มูรินโญ่ ขอประกาศสงบศึก และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน “ถ้าเขามีความสุขผมก็มีความสุข ถ้าเขาเสียใจผมก็เสียใจเช่นกัน ผมอวยพรให้คู่แข่งของผมเจอสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ส่วนตัวผมแล้ว ณ จุดๆ นี้ถ้าเขาแฮปปี้กับการตัดสินใจและมองไกลถึงเส้นทางต่อไปในอาชีพและชีวิตของเขา ผมก็มีความสุขกับเขาด้วย ถ้าเขาเสียใจผมก็คงเสียใจเหมือนกัน มิสเตอร์ เวนเกอร์ คือคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดเป็นเวลาเนิ่นนานหลายปีในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และนั่่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาควรได้รับความเคารพเพียงใด”-HaMuDosSantos-