ทีมชาติไทย เวอร์ชั่น 2021 ที่จะลงเตะซูซูกิ คัพ 2020 ได้เผยโฉมออกมาแล้ว ภายใต้การคุมทัพของกุนซือคนใหม่อย่าง มาโน่ โพลกิ้ง แน่นอนว่าทั้ง 30 รายชื่อ มีทั้งถูกใจ และขัดใจ แฟนบอล แต่มันก็นานาจิตตัง สุดท้ายแล้วผลงานคือคำตอบ
ในที่สุดเราก็ได้เห็นหน้าคร่าตาทีมชาติไทย ชุดใหญ่ของกุนซือ "มาโน่ โพลกิ้ง" กันแล้ว หลังจากที่มีการประกาศรายชื่อ 30 แข้งช้างศึกชุดลุยซูซูกิ คัพ ออกมาเป็นที่เรียบร้อย เผื่อใครยังไม่เห็นรายชื่อ เข้าไปดูที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
แน่นอนว่าเมื่อมีการประกาศรายชื่อออกมา มันก็ย่อมมีทั้งคนที่ถูกใจ และไม่ถูกใจ ซึ่งมันเป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะโค้ชคนไหนก็โดนตลอด ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกรายชื่อมันถูกใจแฟนบอลทุกคน แต่ทั้งหมดทั้งมวลคนที่มีสิทธิ์ในการเรียกนักเตะมาติดทีมชาติก็คือเฮดโค้ช ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่จะตามมาทั้งหมดเช่นกัน
เอาละเรามาว่ากันที่รายชื่อนักเตะทั้ง 30 คนกันหน่อย ไล่ไปตามตำแหน่ง โดยผมจะวิพากษ์วิจารณ์ไปตามความรู้สึกส่วนตัว บวกกับมองเหตุผลของทั้งสองด้าน ถึงตัวที่ถูกเลือกมาแบบมีประโยคคำถามอยู่ในใจ
เริ่มที่ผู้รักษาประตู มี 3 คน ประกอบไปด้วย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ฉัตรชัย บุตรพรม, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
สองรายแรกก็เป็นไปตามคาด ไม่มีอะไรติดใจ ส่วนที่เป็นคำถามก็คือ "กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์" ความเห็นส่วนตัวผมแล้วการเลือกมาก็ไม่ผิด เพราะอย่างที่มาโน่ ให้สัมภาษณ์ก็คือว่า "ตอง" มีภาวะการเป็นผู้นำ มีประสบการณ์ เคยคว้าแชมปืมาแล้ว และการเล่นในลีกยุโรปแม้จะไม่ได้ลงสนามมันก็เป็นการบอกถึงคุณภาพไปในตัว
เพียงแต่มันก็น่าเสียดายแทนนายทวารในไทยลีกหลายๆ คนที่โชว์ฟอร์มดีแต่ไม่มีชื่อ อย่าง วรวุฒิ ศรีสุภา ของท่าเรือ, ปฏิวัติ คำไหม ของสมุทรปราการ ซิตี้ ที่ผมชอบเป็นพิเศษ รวมทั้ง กัมพล, นนท์ ก็มีการถูกพูดถึง แต่เมื่อผมอ่านใจ มาโน่ แล้ว เหมือนเขาจะชอบ กวินทร์ เป็นการส่วนตัวสมัยที่อยู่บียู ก็เคยมีข่าวว่าอยากได้ แถมตอนที่กุนซือทีมชาติไทยยังเป็นมือขวา เชเฟอร์ อยู่ กวินทร์ ก็คือมือหนึ่งในตอนนั้นและคงจะอยากได้นักเตะคาเร็คเตอร์แบบนี้มาอยู่ในทีม
แต่สำหรับเหตุผลของคนที่ไม่เห็นด้วยแล้วมองว่าการมาของ "ตอง" ครั้งนี้ยังไงก็ไม่ได้เป็นมือหนึ่งอยู่แล้ว น่าจะเปิดโอกาสให้เด็กใหม่ได้มาซึมซับบรรยากาศในทีมชาติเพื่อเป็นอนาคต เพราะอย่าลืมว่านายทวารทั้ง 30 คนที่มีชื่อ ก็อายุ 30 อัพกันหมดแล้ว แต่ก็นั่นแหละ บางที่ที่มาโน่ เรียกตองมาอาจจะไม่ใช่มือสองมือสามก็ได้นะ!!
ตำแหน่งกองหลัง ที่ดูจะมีติ่งในใจนิดหน่อยก็คือ เอเลียส ดอเลาะ ที่หลายคนยังไม่ค่อยมั่นใจ หรืออาจจะมองว่าน่าจะมีตัวที่ดีกว่านี้
แต่ส่วนตัวผมมองว่า เอเลียส ก็โอเคแหละ แต่น่าจะมีเซ็นเตอร์มาอีกสักคนเพื่อความอุ่นใจ เพราะ 4 คนมันดูจะน้อยไปหน่อยกับทัวร์นาเม้นท์ที่เตะกันยาว 1 เดือนเต็ม แต่จริงๆ แล้ว 4 คนก็น่าจะเพียงพอถ้ามันไม่มีใครเจ็บหนักไปเสียก่อน และเผลอๆ เซ็นเตอร์ตัวที่ 4 อาจจะไม่ได้ลงเลยก็เป็นได้ ส่วนแบ็กทั้งสองฝั่งดูแล้วก็ลงตัวทั้งหมดไม่มีอะไรติดใจ
ขณะที่กองกลางถูกเรียกมาถึง 15 คน ซึ่งก็จะเป็นกลางแท้ๆ ประมาณ 9-10 คน ที่เหลือก็เป็นพวกปีกและตัวรุกสารพัดประโยชน์ ถ้าถามผมก็มองว่าเยอะไป น่าจะได้ตัวกลางออกไปได้สักคนถึงสองคนแล้วไปเพิ่มหลังกับหน้าอีกอย่างละคนน่าจะเวิร์คกว่า
ส่วนตัวที่เรียกมาผมก็ไม่ได้ติดอะไร ถือว่าเป็นตัวที่ทำผลงานได้ดีในลีกบวกกับตัวเก๋าที่มีประสบการณ์กับทีมชาติอยู่แล้ว นี่ขนาดว่าเยอะแล้วนักเตะอย่าง เชาว์วัฒน์, รัชนาท, วิศรุต, รัตนากร ก็ยังเบียดเข้ามาไม่ได้เลย แถมยังมีตัวที่เจ็บอย่าง พีรดนย์ กับ เจริญศักดิ์ อีกที่หลุดไป
ส่วนกองหน้าสองรายแรกอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, ศุภชัย ใจเด็ด ด้วยผลงานและประสบการณ์ต้องมาอยู่แล้ว แต่ที่เกิดคำถามก็คือในรายของ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ผลงานไม่ไดีกับเมืองทองฯ แต่สุดท้ายมีชื่อเข้ามาเป็นตัวเลือกที่สามในตำแหน่งหน้าเป้า
ส่วนตัวผมมองว่าด้วยความที่ทีมชาติชุดนี้จะไม่มีเวลาฝึกซ้อมที่ไทยเลย ดังนั้นก็ต้องเอาคนที่พร้อมและมีประสบการณ์คุ้นเคยกับเพื่อร่วมทีมไปก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องปรับตัว และไม่ได้กลัวเรื่องการตื่นสนาม หากเอาตัวใหม่อย่าง เจนภพ หรือใครไป มันไม่มีอะไรการันตีว่าจะเล่นได้หรือไม่ เพราะบอลสโมสรกับเกมทีมชาติมันต่างกัน
ซึ่งถ้าสมมติว่าเรามีเวลาฝึกซ้อมสัก 1-2 สัปดาห์ ผมว่านักเตะที่ชื่อหลุดไปน่าจะได้เข้ามาซ้อมทั้งหมด และการตัดตัวมันก็จะไม่เป็นแบบนี้แน่นน แต่ในเมื่อไม่มีเวลาซ้อม มันก็ต้องเอาตัวชัวร์ไว้ก่อน
ก็เลยทำให้ในการประกาศรายชื่อ 30 คนของทีมชาติไทยครั้งนี้ มันก็น่าเสียดายสำหรับนักเตะหลายๆ คนที่ฟอร์มดีในลีกแต่ไม่มีชื่อ แต่ส่วนนึงผมก็เข้าใจ มาโน่ และทีมชาติไทยที่ตัดสินเลือกนักเตะแบบนี้
จะอย่างไรก็ตามการวิพากษ์วิจารณ์มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้น อย่างที่บอกว่าคงทำให้ถูกใจคนไทยทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่จะทำให้เสียงวิจารณ์นั้นเงียบไปก็คือผลงานในสนาม ดังนั้นในซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ มาโน่ จะรอดตัวจากเสียงวิจารณ์ทั้งหมด ถ้าจบทัวร์เม้นท์ด้วยคำว่า "แชมป์"!!!!!
