logo-heading

ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้ มีอะไรใหม่ๆให้น่าติดตามค่อนข้างเยอะเหลือเกินครับ เพราะ ยูฟ่า ได้ปรับระบบการแข่งขันให้มันดูมีความน่าสนใจ, ให้แต่ละสโมสรทุ่มเทกับทัวร์นาเมนต์นี้มากยิ่งขึ้น ยิ่งมียักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า ร่วงจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาฟาดแข้งด้วย ยิ่งน่าดูมากขึ้น

เอาเป็นว่า ยูโรปา ลีก มีอะไรให้ต้องพูดถึงกันบ้างในซีซั่นนี้ ไปติดตามกันเลยครับ

- ยูโรปา ลีก เปลี่ยนระบบการแข่งขันแบบใหม่

ปกติแล้ว การแข่งขัน ยูโรปาลีก ดั้งเดิม จะมีทีมเข้าร่วม 48 ทีม ในรอบแบ่งกลุ่ม แบ่งเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม โดยจะเอา 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งหมด 24 ทีม และ อีก 8 ทีม ที่ร่วงตกมาจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาจับสลากแข่งขันกันแบบน็อคเอาท์ ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ด้วยระบบเหย้า-เยือน ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ว่ามีหลายๆคนที่ยังไม่รู้ว่า ยูโรปา ลีก ประจำฤดูกาล 2021-22 ได้เปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขันไปเป็นแบบใหม่ โดยรอบแบ่งกลุ่มจะมีทีมเข้าร่วม ลดลงมาเหลือ 32 ทีม เท่านั้น โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม อย่างไรก็ตาม คราวนี้จะไม่ได้เอา 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์แบบอัตโนมัติอีกแล้ว โดยจะเอาแค่แชมป์กลุ่ม จาก 8 กลุ่ม ผ่านเข้าไปรอเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ดังนั้นอีก 8 ทีม ที่เหลือจะมาจากไหนล่ะ ? ด้วยความที่ ก่อนหน้านี้ ยูโรปา ลีก เป็นถ้วยเล็กของยุโรป หลายๆทีมชั้นนำ ไม่ค่อยให้ความสนใจ ทำให้ทาง ยูฟ่า ได้เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน เพื่อให้มันตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น ฉะนั้น ยูฟ่า จึงใช้ระบบใหม่ โดยให้ทีมอันดับ 2 จากรอบแบ่งกลุ่ม จะต้องไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ พบกับทีมอันดับ 3 ที่ตกรอบมาจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งผู้ชนะอีก 8 ทีม จะได้ไปต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งจะมีการจับสลากประกบคู่ ในวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม นี้ โดยมีเงื่อนไขคือทีมจากประเทศเดียวกัน จะไม่พบกันเอง โดยอันดับ 2 จากรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก จะได้เป็นทีมวาง อารมณ์เหมือนว่าให้วัดกับทีมที่ตกมาจากถ้วย บิ๊กเอียร์ ไปเลย ขณะที่ทีมอันดับ 3 จากรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรป้า ลีก ปกติแล้ว จะต้องเก็บกระเป๋าออกจากทัวร์นาเมนต์ไปเลย แต่ปีนี้มีระบบใหม่ พวกเขายังได้โอกาสแก้ตัว เพราะจะได้หล่นไปเล่นรอบเพลย์ออฟ ในศึก ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งมีทีมดังๆหล่นไปเล่นเพียบ อาทิ เลสเตอร์ ซิตี้, กลาสโกว์ เซลติค, โอลิมปิก มาร์กเซย และ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เป็นต้น

- บาร์เซโลน่า ไม่ง่ายที่จะคว้าแชมป์

ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้ ก็เป็นอีกปีที่น่าติดตามเหมือนกัน เพราะมียักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ด้วยชื่อเสียงและดีกรีที่สั่งสมมาในอดีต ทำให้มองกันว่า "เจ้าบุญทุ่ม" เป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆ ที่มีโอกาสคว้าแชมป์รายการนี้ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมันไม่ง่ายแบบที่ใจคิด เพราะอย่างที่บอกครับ ยูโรปา ลีก ปีนี้ มันยากและเข้มข้นกว่าเดิม เพราะ บาร์ซ่า จะต้องผ่านรอบเพลย์ออฟไปก่อน ถึงจะได้เข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งรอบเพลย์ที่ บาร์เซโลน่า มีโอกาสไปประจันหน้านั้น มีแต่ สิงสาราสัตว์ เต็มไปหมด อาทิ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส, นาโปลี, ลาซิโอ หรือ โอลิมเปียกอส เป็นต้น หากจับเจอของแข็งโป้ก อาจมีสิทธิ์ตกรอบได้เหมือนกัน หากดูจากฟอร์มของ เจ้าบุญทุ่ม ตอนนี้

- เต็ง 1 ของรายการ

ถึงแม้ว่าตอนนี้ ยูโรปา ลีก ยังต้องรอแข่งรอบเพลย์ออฟ เพื่อหาอีก 8 ทีม ไปโม่แข้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่กระนั้นก็มีบ่อนถูกพนันถูกกฎหมายของทางฝั่งยุโรป ได้ออกราคามาแล้วว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำจาก บุนเดสลีกา เยอรมัน คือเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ไปครอง (แทง 1 จ่าย 6 ไม่รวมทุน) ถึงแม้ว่า เสือเหลือง จะต้องไปเตะรอบเพลย์ออฟ เช่นกัน ส่วนเต็ง 2 ของรายการ เขายกให้เป็น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่มี เดอะ จีเนียส วัน เดวิด มอยส์ กุมบังเหียน เพราะทัพ ขุนค้อน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเวที ยูโรปา ลีก ที่เข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ด้วยการชนะ 4 นัด เสมอ 1 นัด และ แพ้แค่ 1 นัด รวมถึงผลงานในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ปราบมาแล้วทั้ง ลิเวอร์พูล และ เชลซี จึงไม่แปลกที่ เวสต์แฮม ถูกมองให้เป็นอีกหนึ่งตัวเต็ง ขณะที่เต็ง 3 คือ โอลิมปิก ลียง ทีมชั้นนำจาก ลีก เอิง ฝรั่งเศส หลังจากทำฟอร์มแจ่มแมวเหลือเกิน โดยในรอบแบ่งกลุ่ม เก็บชัยชนะไปถึง 5 นัด และ หลุดเสมอไปแค่ 1 นัด เท่านั้น โดยไม่พ่ายให้กับทีมใดเลย ด้วยผลงานแบบนี้ ทำให้ โอแอล ติดอยู่ในลิสต์ ท็อปทรี ที่มีโอกาสคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้

- เยอรมัน กับ สเปน มีทีมส่งเข้าประกวดมากที่สุด

สโมสรจาก บุนเดสลีกา เยอรมัน และ ลา ลีกา สเปน ถือว่าเป็นลีกที่มีทีมผ่านเข้ามาประกวดชิงชัยโทรฟี่ ยูโรปา ลีก มากที่สุดในซีซั่นนี้ ด้วยจำนวน 4 ทีม เท่ากับพอดิบพอดี แต่กระนั้น 4 ทีมจาก ลา ลีกา สเปน ประกอบด้วย บาร์เซโลน่า, เซบีย่า, เรอัล โซเซียดาด และ เรอัล เบติส ต้องหล่นมาเล่นรอบเพลย์ออฟทั้งหมด และ ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้ไปต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้าย หรือไม่ แต่ในรอบ 10 ปีหลังสุด สโมสรจากแดน กระทิงดุ เป็นแชมป์ได้ถึง 7 ครั้ง ในรายการนี้ ผิดกับทางฝั่ง บุนเดสลีกา เยอรมัน เพราะตอนนี้มี ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เข้าไปยืนรอในรอบ 16 ทีมสุดท้าย อยู่แล้ว ส่วนอีก 2 ทีม อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับ ไลป์ซิก ที่ร่วงมาจาก ยูซีแอล ต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟ ดังนั้นยิ่งทีมเยอะ ก็มีโอกาสเข้าป้ายมากกว่า แต่ทฤษฎีนี้ก็ไม่เกิดขึ้นเสมอไป

- จับตาดาวยิง

หากเป็นเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเรื่องของดาวซัลโว แน่นอนว่าจะต้องนึกถึง และ จับตานักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ อาทิพวก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ลิโอเนล เมสซี่  แต่หากเป็น ยูโรปา ลีก มันเหมือนกับได้ฉายแววนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในระดับชั้นแนวหน้า ให้นักเตะใหม่ๆ คลื่นลูกใหม่ ได้ส่องแสงประกายออกมาบ้าง อย่างตอนนี้ในเรื่องชาร์ตดาวซัลโว กลายเป็น กาเลโน่ ตัวรุกจาก บราก้า กับ คาร์ล โตโก เอก็อมบี้ กองหน้าของ โอลิมปิก ลียง ยิงด้วยจำนวนเท่ากันที่ 6 ประตู อย่างไรก็ตาม ยังมีดาวยิงอีกหลายคน ที่น่าติดตามเหลือเกิน อาทิ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (โอลิมปิก มาร์กเซย), วิคเตอร์ โอซิมเฮน (นาโปลี), ชิโร่ อิมโมบิเล่ (ลาซิโอ) หรือ ซาอิด เบนราห์มา (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) เป็นต้น ต่อให้เป็นรายการเล็ก แต่ชื่อเสียงของแต่ละคน ก็ไม่ธรรมดา มารอดูกันว่าสุดท้ายแล้ว นอกจากแชมป์ ใครจะคว้ารางวัลดาวซัลโว รายการนี้ไปครอง

ฮาย ฮาวดี้-

logoline