รวมเหตุผล ! ทำไม เวย์น รูนี่ย์ ถึงคู่ควรกับตำแหน่งกุนซือ เอฟเวอร์ตัน

เอฟเวอร์ตัน กำลังมองหาผู้จัดการทีมคนใหม่หลังเพิ่งสั่งปลด ราฟาเอล เบนิเตซ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดย ณ ตอนนี้คนที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่สุดเบอร์ต้นๆ ก็ได้แก่ เวย์น รูนี่ย์

วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการรวบรวมเหตุผลว่า "ทำไม เวย์น รูนี่ย์ ถึงเหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งกุนซือใหญ่ เอฟเวอร์ตัน"

ชื่อเสียง

เวย์น รูนี่ย์ ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะระดับตำนานคนหนึ่งของวงการลูกหนัง ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อและหน้าตาของผู้ชายคนนี้ แน่นอนว่าด้วยความของคาแร็คเตอร์ บวกกับชื่อเสียงที่เคยเป็นพ่อค้าแข้งระดับซุปตาร์ ถ้าการกลับมายังรั้ว กูดิสัน พาร์ค ในครั้งนี้เกิดขึ้นจริงสิ่งหนึ่งที่ เอฟเวอร์ตัน จะได้รับแน่ๆ ก็คือเรื่องความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากสื่อ, หมู่แฟนบอล หรือเหล่าบรรดาบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวงการลูกหนัง เหมือนกับที่มันเพิ่งเกิดขึ้นกับ แอสตัน วิลล่า ตั้งแต่ได้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด มากุมบังเหียน ยิ่งถ้าเกมไหนมีคิวต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมเก่าของ เวย์น รูนี่ย์ หรือต้องทำศึก เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ กับ ลิเวอร์พูล ในฐานะที่เป็นแฟนบอลของ เอฟเวอร์ตัน อยู่แล้ว บวกกับการเป็นเด็กเก่าของ "ปีศาจแดง" รับประกันได้เลยว่าสนุกแน่ มันจะมีเรื่องราวมากมายให้พูดถึง ตลอดจนเรื่ององศาของความดุเดือดนั้นอาจจะพุ่งปรี๊ดจนปรอทได้เลยทีเดียว

ดึงดูดนักเตะ

คล้ายๆ กับเรื่องแรกที่ว่าไปคือ ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ แน่นอนว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ เอฟเวอร์ตัน น่าจะได้รับจากอิทธิพลของ เวย์น รูนี่ย์ ก็คือเรื่องการดึงดูดนักเตะในการเสริมทัพ ถึงประสบการณ์บนเส้นทางสายกุนซือจะยังมีไม่มากนัก แต่ทุกคนทราบดีถึงโปรไฟล์สมัยที่พี่แกเป็นนักเตะ เพราะนี่คือนักฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งในยุคมิลเลเนี่ยม ด้วยความทรงจำมากมายบวกกับสิ่งต่างๆ ที่เคยทำมาในอดีตก็ถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กรุ่นใหม่ เชื่อได้เลยว่าดาวรุ่งยุคนี้หลายๆ คนต่างก็ยกให้เขาเป็นแรงบันดาลใจ และถ้ามีโอกาสก็อยากจะร่วมงานกับผู้ชายคนนี้ทั้งนั้นแหละ เราได้สิ่งอิทธิพลเหล่านี้มาบ้างแล้วเมื่อคุณลองมองไปที่ แอสตัน วิลล่า ของ เจอร์ราร์ด ที่สามารถคว้านักเตะอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาร่วมทีมได้ ย้อนกลับไปสมัย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้โอกาสบัญชาทัพทีมเก่า "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เขาก็สามารถเสริมนักเตะอย่าง มาเตโอ โควาซิช, ฮาคิม ซิเย็ค, ติโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, ติอาโก้ ซิลวา, เอดูอาร์ เมนดี้ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาสู่ทีมได้ ซึ่งทั้ง เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด และ เวย์น รูนี่ย์ ต่างก็ได้ชื่อว่าเป็นตำนานในยุคเดียวกัน สามารถสร้างอิมแพ็คได้ในระดับเดียวกัน ดังนั้นนี่คือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับ เอฟเวอร์ตัน หากได้ชายที่ชื่อ เวย์น รูนี่ย์ มาคุมทัพ

ผลงาน

เวย์น รูนี่ย์ เริ่มต้นเส้นทางสายกุนซือเมื่อช่วงปลายปี 2020 เมื่อ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่กำลังระส่ำหนักอยู่ในยุคตกต่ำก็เลยทำให้สโมสรสั่งปลด ฟิลิปป์ โคคู ออกจากตำแหน่ง พร้อมกับแต่งตั้งให้ เวย์น รูนี่ย์ ก้าวขึ้นมาเป็นรักษาการแทนชั่วคราวโดยมี เลียม โรเซเนียร์, เชย์ กีฟเว่น และ จัสติน วอล์คเกอร์ เป็นผู้ช่วยทีมสต๊าฟ โดย เวย์น รูนี่ย์ เริ่มต้นตอนที่ ดาร์บี้ ยังจมอยู่บ๊วยของตาราง และก็แพ้มา 4 เกมติด แรกๆ ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างเยอะเรื่องเกมรับห่วย เล่นบอลไม่มีทรง แต่ต่อมาผลงานของทีมก็เริ่มกระเตื้องขึ้นก่อนที่ทาง "แกะเขาเหล็ก" จะแต่งตั้ง เวย์น รูนี่ย์ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมแบบเต็มตัวถาวรช่วงเดือนมกราคมปี 2020 และจากนั้นไม่นานพี่แกก็ตอบแทนความไว้ใจนั้นได้เป็นอย่างดีตอนช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เพราะ รูนี่ย์ พา ดาร์บี้ เก็บได้ 31 คะแนนจากความเป็นไปได้ 54 จาก 18 เกม ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 18 และอยู่เหนือโซนตกชั้นอยู่ 8 คะแนน ก่อนจะพาทีมจบที่อันดับ 21 มี 44 คะแนนจาก 46 คะแนน รอดตกชั้นได้สำเร็จแบบฉิวเฉียดจากการมีแต้มอยู่เหนือโซนแดงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น ฤดูกาล 2021-22 นับเป็นปีที่สาหัสและทุกข์ทรมานสุดๆ สำหรับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ พวกเขาโดนสั่งตัดแต้ม 12 คะแนน หลังจากยอมถูกควบคุมกิจการ เพราะสโมสรประสบปัญหาอย่างหนักทางด้านการเงินภายใต้การบริหารของ เมลวิน มอร์ริส มิหนำซ้ำยังมาโดนหักอีก 9 คะแนนหลังทำผลิดเรื่องละเมิดกฏควบคุมการเงินของลีกอังกฤษ เบ็ดเสร็จเท่ากับว่าโดนหักไป 21 แต้มด้วยกัน จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกๆ คนรู้สึกมั่นใจมากๆ ว่ายังไง ดาร์บี้ เคาน์ตี้ โดนตัดแต้มไปมากขนาดนี้ยังไงก็ต้องตกชั้นแน่นอน เพราะผลงานก็ไม่ได้ดูดีอยู่แล้ว ปัญหาภายในก็เยอะ นักเตะไม่มีกระจิตกระใจจะเล่นฟุตบอลหรอก อะไรทำนองนี้ แต่แล้วผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ เวย์น รูนี่ย์ ก็เป็นคนจุดประกายความหวังขึ้นมา เขาพาทีมชนะ 5 จาก 10 เกมหลังสุด และแพ้แค่ 2 นัดเท่านั้น ตอนนี้ขยับจากอันดับบ๊วยเป็นรองบ๊วย มี 14 คะแนน และมีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยแค่ 8 คะแนนเท่าไหร่ มันอาจจะฟังดูเหมือนยังห่างไกล แต่ถ้าเกิดคุณไปดูผลงาน ณ ตอนนี้ถ้าเทียบกันทั้งหมดกับ 12 ทีมครึ่งล่างของตาราง แชมเปี้ยนชิพ จะเห็นได้ชัดว่า ดาร์บี้ เคาน์ตี้ คือทีมที่ผลงานเยี่ยมที่สุด ชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุดและไม่แพ้ใคร นี่คือสิ่งที่ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้รับความดีความชอบและคำชื่นชมมากมาย เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ดาร์บี้ เคาน์ กำลังเจอกับปัญหาต่างๆ มากมาย แต่ รูนี่ย์ กลับอดทัน ปรับตัวอยู่กับมันได้ และช่วยแก้ไขไปทีละขั้น และด้วยภาวะความเป็นผู้นำในระดับสูงของเขาก็ถือเป็นส่วนช่วยปลุกใจให้นักเตะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แน่นอนว่านี่คือคุณสมบัติสำคัญที่กุนซือทุกคนควรมี 

เด็กเก่า เอฟเวอร์ตัน

เหตุผลสุดท้ายที่ เวย์น รูนี่ย์ เหมาะสมที่สุดสำหรับการรับงานเป็นกุนซือใหม่ให้กับ เอฟเวอร์ตัน ก็คือการเป็นบุคลากรของที่นี่มาก่อน เขาคือผลผลิตที่โตมาจากอคาเดมี่ของสโมสรโดยตรง และจากการโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับการยกย่องว่าเป็น วันเดอร์ คิด ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งยุคมันก็ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อยในฤดูกาล 2002-03 ก่อนจะย้ายไปสร้างทำตำนานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กอบโกยความสำเร็จมามากมายจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก และสร้างสถิติต่างๆ ให้จดจำไว้มากมาย หลังเสร็จสิ้นภารกิจตลอด 13 ฤดูกาลกับ "ปีศาจแดง" เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้โอกาสกลับมาสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับแฟนบอล "เอฟเวอร์โตเนี่ยน" อีกครั้งในฤดูกาล 2017-18 นับเป็นการกลับมายังรั้ว กูดิสัน พาร์ค ครั้งแรกในรอบ 15 ปี ถึงแม้จะคว้าโควต้าอะไรไม่ได้แต่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมจบที่อันดับ 8 จากการลงเล่น 31 นัด ทำได้ 10 ประตู และทำไปอีก 2 แอสซิสต์ เบ็ดเสร็จตลอดระยะเวลาการค้าแข้ง 2 คำรบกับ เอฟเวอร์ตัน เวย์น รูนี่ย์ ได้โอกาสรับใช้ทีมไปทั้งหมด 117 นัด ยิงได้ 28 ประตู  ด้วยความที่ เวย์น รูนี่ย์ เป็นคนในของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" มาก่อน เรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีและสิ่งต่างๆ ก็น่าจะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว การจากไปของ ราฟาเอล เบนิเตซ ทำให้ชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ กลายเป็นตัวเต็งที่สุดที่จะเข้ามารับช่วงต่อกับ เอฟเวอร์ตัน ล่าสุดสื่อในอังกฤษรายงานว่าทางสมสรเตรียมเรียกมาสัมภาษณ์งานในเร็วๆ นี้

HaMu Dos Santos