logo-heading

เพราะนี่คือโค้ชที่กำลังพา หงส์แดง ยิ่งใหญ่ ได้ลุ้นแชมป์ทุกรายการที่ลงเล่น

เมื่อราวๆวสัก 2-3 เดือนก่อน แฟนบอล เดอะ ค็อป อาจจะรู้สึกห่อเหี่ยวใจที่ คล็อปป์ เปรยว่าเตรียมวางมือจากการเป็นกุนซือ ลิเวอร์พูล เมื่อสัญญาปี 2024 หมดลง แต่สุดท้ายเพราะประกาศิตเมีย เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เดอะ นอร์มอล วัน เลือกสะบัดน้ำหมึกกับสโมสร

แน่นอนการต่อสัญญาครั้งนี้ มันจะสร้างเอฟเฟ็กต์ให้กับ ลิเวอร์พูล มากมาย จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปวิเคราะห์พร้อมๆกันเลยครับ

- มัดใจให้นักเตะดังอยู่ต่อ

ถ้าองค์กรคุณแข็งแรง มีผู้นำชั้นยอด ที่พร้อมพาลูกทีมประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ฉะนั้นทำไมคุณจะต้องย้ายออกจากทีมด้วยล่ะ ? เช่นกันครับ ลิเวอร์พูล มี เจอร์เก้น คล็อปป์ กุมบังเหียน เขาประกาศศักดานำ หงส์แดง ขึ้นเป็นหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในโลก มีลุ้นแชมป์ทุกซีซั่น มันจึงเป็นแรงจูงใจชั้นเยี่ยม ให้นักเตะในทีมมีความหิวกระหายต่อไป

ไม่ต้องยกตัวอย่างไปไกลหรอกครับ การต่อสัญญาของ คล็อปป์ มันหมายถึงสัญญาณการต่อสัญญาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วย ถึงแม้ตอนนี้ บังโม กำลังมีปัญหาเรื่องรายละเอียดสัญญาค่าจ้าง แต่เขายังรัก ลิเวอร์พูล ไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นในเมื่อ ซาลาห์ คือลูกรักของ คล็อปป์ มันก็ไม่มีเหตุผลอันใด ที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมประสบความสำเร็จไปพร้อมๆกัน

ไม่ใช่เพียงแค่ ซาลาห์ เท่านั้นนะครับ บางทีการต่อสัญญาของ คล็อปป์ มันจะส่งผลเอฟเฟ็กต์ไปถึง ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ข้อผูกมัดกับ ลิเวอร์พูล จะหมดลงในปี 2023 เช่นกัน เชื่อว่า 2 คนนี้ไม่มีปฏิเสธแน่นอน เพราะเจ้านายของเขาจะเป็นคนเดิม ที่ปลุกปั้นทั้งคู่ขึ้นมาเป็นระดับโลก ด้วยการเล่นอันน่าตื่นเต้น และ ลุ้นแชมป์ทุกซีซั่นอย่างที่้บอก มันมีเหตุผลอะไร ที่ต้องย้ายออกไปจากตรงนี้ เนื่องจากในอดีตก็มีให้เห็น คนที่ย้ายออกจากแล้วล้มเหลว

ถึงแม้ว่า คล็อปป์ จะยืนยันว่าการต่อสัญญาของเขาจะไม่เกี่ยวกับอนาคตของ ซาลาห์, มาเน่ หรือ นักเตะคนอื่นๆที่กำลังต่อสัญญา แต่เชื่อเถอะครับ เอฟเฟ็กต์นี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้เล่นแน่นอน เพราะอย่างน้อยก็มีเฮดโค้ชเฮฟวี่เมทัล คอยบัญชาการอยู่ข้างสนามเหมือนเดิม

- ดึงดูดซูเปอร์สตาร์ 

ย้อนกลับไปก่อนยุคที่ ติอาโก้ อัลคันตาร่า จะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้ซื้อนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีมเลยสักคนเดียว ส่วนใหญ่เป็นนักเตะระดับเกรด C เกรด B แต่กลับมาปลุกปั้นให้เป็นระดับ A+ มากมาย อาทิ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หรือ แม้กระทั่ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เคยตกชั้นกับ ฮัลล์ ซิตี้ ใครจะเชื่อว่าวันนี้เขาสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลก

เมื่อก่อนยุคที่ หงส์แดง ไร้ความสำเร็จ มีแต่คนอยากย้ายเพื่อคว้าแชมป์ ล่าสุดก็คงเป็น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แต่ตอนนี้ คล็อปป์ สร้างทีมให้แข็งแกร่งทั่วแผ่นดิน ด้วยสไตล์เกมรุกอันน่าตื่นตาตื่นใจ ได้ลุ้น 4 แชมป์ประวัติศาสตร์ ด้วยความเกรียงไกรแบบนี้ มีหรือว่านักเตะดังๆจะไม่สนใจ เหมือนอย่าง ติอาโก้ ที่เขาแสดงความแน่วแน่ว่าอยากเล่นให้กับ คล็อปป์ ซึ่ง ติอาโก้ น่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์รายแรก ที่ซื้อเข้ามาในยุค เดอะ นอร์มอล วัน พร้อมกับแหกกฎเรื่องนักเตะวัย 30 ปี 

ด้วยความสำเร็จที่ คล็อปป์ สร้างขึ้นมา จะทำให้เขาและทีมงาน สร้างทีมให้แข็งแกร่งได้ง่ายมากขึ้น เพราะนักเตะหลายๆคนก็อยากย้ายมาร่วมทีม ต่อให้จะไม่ซื้อซูเปอร์สตาร์ แต่การดึงตัวรายอื่นๆก็คงจะง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ เฉกเช่น หลุยส์ ดิอาซ ไงล่ะครับ แทบไม่มีข่าวว่าติดต่อ ก่อนจะดำเนินงานซื้อตัวเมื่อช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยนักเตะเองก็ให้ความสนใจ ก่อนตกลงปลงใจ ปาดหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คว้าตัวมาร่วมทีม ซึ่งนี่แหละครับมันคืออีกหนึ่งเอฟเฟ็กต์ที่ คล็อปป์ สร้างขึ้นมา

- ลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเทียบเท่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ไม่ว่าจะกี่สิบ กี่รอยปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล จะเป็นคู่อริกันไปตลอดกาล ครึ่งหนึ่งในอดีตยุคที่ หงส์แดง เกรียงไกร เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี ได้ถึง 18 สมัย ก่อนจะไปล้อเลียน ปีศาจแดง "เก่งจริงเอ็งก็คว้าแชมป์ให้แซงพวกเขาซิวะ"

ต่อมาในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สร้างทีมให้แข็งแกร่งกว่า ลิเวอร์พูล หลายขุม คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นว่าเล่น จนสุดท้ายวันนั้นก็มาถึง วันที่ ปีศาจแดง ทำสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแซงหน้า หงส์แดง ด้วยจำนวน 20 สมัย ก่อนจะล้อเลียนคู่อริว่า "ไม่เห็นเคยได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สักที"

จนกระทั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้เข้ามาจุดประกายความหวัง เขาทำตามสัญญาว่าขอเวลา 4 ปี จะพาทีมคว้าแชมป์ โดยเริ่มต้นจากการเป็นแชมป์ยุโรป สมัยที่ 6 ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์ที่สาวก เดอะ ค็อป รอคอยมา 30 ปี ก็คือคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตามหามาครองได้สำเร็จ ทำให้สถิติแชมป์ลีกสูงสุดของ ลิเวอร์พูล เพิ่มเป็น 19 สมัย เหลืออีกเพียงแค่ 1 ครั้ง จะทำสถิติเทียบเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที

ต้องบอกว่ามีโอกาสอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้ คล็อปป์ ทำ ลิเวอร์พูล ให้อยู่เหนือไปอีกขั้น กำลังบดบี้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างเมามันส์ ดังนั้นถ้า คล็อปป์ ได้สร้างทีมไปอีก 4 ปี ขุมกำลังก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ การลุ้นแชมป์ลีกก็ยิ่งเพิ่มโอกาสมากขึ้น ถึงแม้จะมี เรือใบสีฟ้า เป็นขวากหนาม ก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าลืมว่ายังมี เชลซี ที่กำลังได้เจ้าของสโมสรคนใหม่ พร้อมมาขับเคลื่อนทีมเหมือนเดิม รวมถึง อาร์เซน่อล ก็กำลังดีวันดีคืนเช่นกัน

ฉะนั้นต้องมารอดูกันว่า คล็อปป์ จะสามารถพา หงส์แดง คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อีกสมัยหรือไม่ รวมไปถึงแชมป์ฟุตบอลถ้วยอื่นๆอีกด้วย

- เพิ่มฐานแฟนคลับ

ถ้าคุณเกิดมาในยุคที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ คุณก็คงจะมีพวก เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊ก เป็นไอดอล, ถ้าคุณดูบอลในยุค สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็น เดอะ แบก พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 5 ก็อาจจะตกหลุมรัก หงส์แดง หรือ เด็กรุ่นยุค 2000 อาจจะเติบโตขึ้นมา เห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ก็อาจจะซัพพอร์ท เรือใบสีฟ้า ได้เช่นกัน

จึงไม่แปลกที่ยุคนี้ เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา จะเทใจมาเชียร์ ลิเวอร์พูล กันมากกว่าเดิม เพราะด้วยความสำเร็จที่ คล็อปป์ สร้างขึ้น, เหล่านักเตะที่มีแคแร็คเตอร์ดึงดูดใจ ทั้ง ซาลาห์, ติอาโก้ หรือ หลุยส์ ดิอาซ ที่กำลังโชว์เทคนิคแพรวพราว รวมถึง การชูถ้วยแชมป์จนเมื่อยมือ เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้นเมื่อผลงานดี ฐานแฟนคลับก็จะเติบโตตามไปด้วย โดยมีรายงานจาก เจ้าหน้าที่ของสโมสร ที่คาดว่ายอดขายเสื้อจะทะลุ 2 ล้านเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ เลยทีเดียว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าตอนนี้แฟนบอลคลั่งไคล้ทีมมากเพียงใด

เหมือนอย่างที่เกม แดงเดือด ณ ประเทศไทย ตั๋วเข้าชมฝั่ง ลิเวอร์พูล เต็มไวเกินห้ามใจเหลือเกิน ซึ่งมันหมายความว่าแฟนบอลทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า ต้องการดูฟอร์มลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ มากเพียงไหน

ซึ่งทั้งหมดนี้ นับว่าโชคดีเหลือเกิน สำหรับ ลิเวอร์พูล ที่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ กุมบังเหียน เพราะกว่าจะเจอคนที่ใช่ ก็ร้างความสำเร็จมานานเหลือเกิน มารอดูกันว่า 4 ปี ต่อจากนี้ คล็อปป์ จะสร้างผลงานอะไรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีก แต่เชื่อเถอะว่ามันสร้างความสุขจนล้นปี่ให้กับสาวก เดอะ ค็อป เหลือเกิน

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline