logo-heading

ส่งผลให้โอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ริบหรี่ทันตา เนื่องจากไม่สามารถทำแต้มแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 

แต่กระนั้นก็ต้องให้เครดิตกับทางฝั่ง สเปอร์ส เป็นพิเศษ เพราะเกมนี้พวกเขาเล่นได้ตามคำสั่งของ อันโตนิโอ คอนเต้ จริงๆ โดยเฉพาะเกมรับ ที่ช่วยกันปัดกวาดหน้าประตูได้ดีเหลือเกิน พอมีจังหวะได้เข้าทำ ก็ได้ลุ้นอยู่หลายดอก พร้อมทำเซอร์ไพรส์บุกขึ้นนำก่อนด้วย

กระนั้นผลเสมอนัดนี้ มันไม่ได้ส่งผลเสียแค่กับ ลิเวอร์พูล เพราะมันก็กระทบชิ่งมาถึง ไก่เดือยทอง เช่นกัน เอาเป็นว่าไปติดตามประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนี้กันเลยครับ

- ครึ่งแรก 0-0 แต่ได้ลุ้นทั้งคู่

เป็นไปตามความคาดหมายสำหรับรูปเกมที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก นั่นก็คือ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองบอลได้เยอะมากกว่า ส่วน สเปอร์ส ก็จะมาตั้งโซนแพ็คแนวรับ และ ใช้จังหวะโต้กลับเร็วแบบสายฟ้าฟาด โดยมีทั้ง ซน ฮึง-มิน และ แฮร์รี่ เคน เป็นตัวทีเด็ด

45 นาทีแรก เป็น ลิเวอร์พูล ครองบอลได้เยอะกว่าก็จริง ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสหาช่องเจาะเข้าทำยากมาก โดยยิงตรงกรอบแค่ 2 ครั้ง เท่านั้น ทว่า หงส์แดง ก็เกือบได้ของขวัญจากนักเตะ สเปอร์ส เหมือนกัน เมื่อ ไรอัน เซสเซยง โหม่งบอลผิดเหลี่ยม ย้อยมาทางประตูตัวเอง ถ้าไม่ได้ อูโก้ ยอริส ช่วยไว้ มีถึงตัว ซาลาห์ อย่างแน่นอน

รวมถึงช็อตที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังตัวเก่ง กระโดดเอาชนะตัวประกอบของ สเปอร์ส ถึง 2 คน บอลลอยผ่านมือ ยอริส ไปแล้ว กระนั้น "บุญมีแต่กรรมบัง" เนื่องจากมันไปชนคานเต็มๆ พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

ส่วน สเปอร์ส ถึงแม้จะครองบอลได้น้อย และ ต้องถอยเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่ทุกคนก็เล่นกันอย่างมีวินัย ช่วยกันไล่ทุกจังหวะ จนกระทั่งมาถึงช่วงท้ายครึ่งแรก ก็เกือบทำเซอร์ไพรส์ใส่ ลิเวอร์พูล เหมือนกัน เพราะก่อนหมดเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก ได้ซัดเต็มข้อนอกกรอบ โดย อลิสซอน เบ็คเกอร์ ต้องออกแรงเซฟ ปัดไปชนเสา นับว่าครึ่งแรกแม้จะ 0-0 แต่ก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด

- ซน ฮึง-มิน ร้อนแรงเกินห้ามใจ

นาทีนี้ นักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องยกให้กับ ซน ฮึง-มิน จริงๆครับ ซีซั่นนี้ ถือเป็นซีซั่นที่ดีที่สุดของเขากับ ไก่เดือยทอง เลยก็ว่าได้ โดยซัลโวบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปแล้ว ถึง 20 ประตู โดยไม่มีลูกจุดโทษเข้ามาเกี่ยวข้องสักลูกเดียว ซึ่้งนับตั้งแต่ขึ้นปี 2022 ซัดไป 12 ตุง

เท่านั้นยังไม่พอครับ ตี๋ซน ยังถูกโฉลกกับการเจอ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก ไม่ว่าทีมจะเสมอหรือแพ้ แต่ 4 นัดหลังสุดที่พบกัน เขาซัดใส่ หงส์แดง ไปถึง 3 ลูก และ นัดนี้ก็ยังเป็นตัวแสบเช่นเดิม เพราะประตูนี้อาจทำให้ หงส์แดง ถึงกับพลาดแชมป์ลีก

โดยประตูที่ ซน ฮึง-มิน ทำได้ ต้องชมการประสานงานกับเพื่อนๆ เริ่มตั้งแต่ แฮร์รี่ เคน ลากหนีตัวประกบ มาหาพื้นที่ว่าง ก่อนจะไหลไปด้านซ้ายให้กับ ไรอัน เซสเซยง ที่เติมเข้ามาโล่งๆในกรอบเขตโทษ ก่อนจะปาดมาให้กับ ตี๋ซน ยิงแบบจ่อๆไม่พลาด โดย 20 ประตูที่เขาซัดไปนั้น เป็นสถิติมากสุด ตั้งแต่ค้าแข้งอาชีพ และ ส่งผลให้ตอนนี้ขึ้นมาเป็นรองดาวซัลโวของลีก เป็นรอง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แค่ 2 ลูก เท่านั้น

- หลุยส์ ดิอาซ คือการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเห็นบทสัมภาษณ์ของเหล่าบรรดากูรูลูกหนัง ต่างยกยอปอปั้น หลุยส์ ดิอาซ ไว้ว่า นี่คือการเซ็นสัญญานักเตะที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ เพราะนัดที่ ลิเวอร์พูล พลิกนรกกลับมาเอาชนะ บียาร์เรอัล 3-2 จนผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เพราะนักเตะรายนี้ลงมาเปลี่ยนแปลงให้พลิกไปอีกแบบ

เช่นกันครับ ในช่วงที่ หงส์แดง เป็นฝ่ายตามหลัง ไก่เดือยทอง นั้น แนวรุกพยายามหาช่องเจาะกำแพงเมืองจีน ที่ คอนเต้ สร้างมา ให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จเสียที จนกระทั่ง หลุยส์ ดิอาซ นี่แหละครับ ใช้ความสามารถเลี้ยงตัดเข้าในหนีตัวประกอบ ก่อนจะมีโชคนิดๆ ยิงไปแฉลบผู้เล่น สเปอร์ส เปลี่ยนทิศทาง เป็นประตูตีเสมอให้กับ ลิเวอร์พูล เป็น 1-1

ประตูนี้ของ ดิอาซ มันสำคัญมาก ถึงจะไม่ดีพอทำให้ทีมเก็บ 3 คะแนน แต่มันก็ยังทำให้สถิติการไร้พ่ายในถิ่นแอนฟิลด์ซีซั่นนี้ ดำเนินต่อไป โดยเฉพาะ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิม่า โกนาต้า ถ้า 2 คนนี้ลงสนาม ทีมยังไม่เคยแพ้คาบ้านในลีก

ซึ่งการมาของ ดิอาซ นับว่าสำคัญต่อ ลิเวอร์พูล จริงๆ เขาเป็นนักเตะที่พร้อมทำเพื่อสโมสรอยู่ตลอดเวลา และ พร้อมลากจี้ใส่คู่แข่งเพื่อช่วยทีมสร้างสรรค์ประตู โดยซีซั่นนี้ ผลงานส่วนตัว นับตั้งแต่อยู่ เอฟซี ปอร์โต้ จนมาถึง หงส์แดง เขาลงเล่นรวมกันแล้ว 50 นัด ซัดไป 22 ประตู พร้อมทำอีก 8 แอสซิสต์ นับว่ามีอิมแพ็คกับทีมมากเหลือเกิน

- ลิเวอร์พูล เสมอเหมือนแพ้

ต่อให้การเก็บ 1 คะแนน นัดนี้ของ ลิเวอร์พูล จะขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของลีกแบบชั่วคราว แต่กระนั้นผลเสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประหนึ่งว่า ขุนพล หงส์แดง เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปแล้วแหละครับ เพราะมันส่งผลต่อการไล่ล่าแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือเกิน

เนื่องจาก ลิเวอร์พูล ลงแข่ง 35 นัด มี 83 คะแนน เท่ากับ เรือใบสีฟ้า แต่กระนั้นพวกเขาแข่งมากกว่า 1 เกม เท่ากับว่า ถ้าหาก เดอะ ซิตี้เซ่น ปิดจ็อบ เก็บ 3 แต้ม เหนือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ตามที่หวังล่ะก็ แทบจะทำให้ หงส์แดง เข่าอ่อนยอมรับโชคชะตาว่าอาจหมดโอกาสลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ 4 แชมป์ ในซีซั่นนี้

การแข่งขันเหลืออีกเพียงแค่ 3 นัด ดังนั้นถ้า ลิเวอร์พูล ยังต้องการต่อลมหายใจในการลุ้นแชมป์ ให้มันน่าตื่นเต้นมากกว่านี้ พวกเขาต้องแปลงร่างกลายเป็นสาวก สาลิกาดง อย่างเต็มตัว อย่างน้อยก็เชียร์มาตั้งแต่ยุค เจมส์ มิลเนอร์ แบบไม่มีข้อแม้ เดี๋ยวมารอดูกันว่า ผลคู่ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล จะเป็นอย่างไร เพราะมันจะมองเห็นภาพทีมแชมป์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

- ผลเสมอก็ไม่ดีกับ สเปอร์ส เช่นกัน

ไม่ใช่แค่ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ทีมเดียวนะครับ ที่เสียหายอย่างใหญ่หลวงกับผลเสมอนัดนี้ เพราะมันก็ส่งผลต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มากเช่นกัน แน่นอนว่าการบุกมาแอนฟิลด์ ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายสำหรับ ไก่เดือยทอง อยู่แล้ว การเก็บ 1 แต้มกลับบ้านไป ย่อมสำคัญมากทีเดียว

อย่างไรก็ตาม 1 คะแนน สำหรับ ไก่เดือยทอง มันอาจส่งผลให้พวกเขาพลาดโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ เลยก็ว่าได้ครับ เนื่องด้วย สเปอร์ส พลาดโอกาสแซงหน้า อาร์เซน่อล ขึ้นไปอยู่อันดับ 4 โดยยังอยู่อันดับ 5 มีแต้มตามหลัง ไอ้ปืนใหญ่ 1 คะแนน แถมยังแข่งมากกว่า 1 นัด

ดังนั้น ถ้าสมมุติว่า อาร์เซน่อล เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ จะเพิ่มช่องว่างหนี ไก่เดือยทอง เป็น 4 แต้ม เรียกว่าจะเป็นช่องว่างที่ทำให้ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ เสียเปรียบทันที ในการลุ้นติดท็อป 4 ก่อนจะต้องมาดวลกันในศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ช่วงกลางสัปดาห์

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline