logo-heading

หลังจากตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้โฟกัส เรือใบสีฟ้า เหลือเพียงแค่รายการนี้เท่านั้น และ ไม่มีทีท่าเลยว่าจะทำพลาดในอีก 3 นัดที่เหลือ เพราะนักเตะแต่ละคนมุ่งมั่น และ ช่วยกันเพื่อพาทีมเก็บ 3 แต้ม ซึ่ง สาลิกาดง คือเหยื่ออันโอชะชั้นดี โดยหลังจบเกมก็มีประเด็นดราม่าจากทางฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีกด้วย เนื่องจากมีกล่าวแซะถึง ลิเวอร์พูล เอาเป็นว่าเกมนี้มีอะไรต้องพูดถึง ไปติดตามกันเลยครับ

- เรือใบสีฟ้า ไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่ใครแค่คนเดียว

ขุมกำลัง แมนฯ ซิตี้ อัดแน่นไปด้วยแข้งตัวท็อป หากจะหยิบยกถึงคนสำคัญของทีม ก็ต้องมีชื่อ เควิน เดอ บรอยน์, รูเบน ดิอาซ หรือ เจา กานเซโล่ เป็นต้น แต่กระนั้นในช่วงหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็มีการหมุนเวียนใช้นักเตะ สลับสับหน้ากันไป โดยเฉพาะแนวรุก ที่โรเตชั่นได้อย่างสนุกมือ ใครลงมาก็มีส่วนร่วมทำประตูอยูเสมอ

อย่างเกมนี้ เป๊ป เลือกใช้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ แจ็ค กรีลิช เป็นตัวจริงในแผงแนวรุก ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดย หนูลิ่ง กดไป 2 ประตู ส่วนทาง กรีลิช ก็สามารถทำแอสซิสต์ให้กับเพื่อนได้ซัลโว นอกจากนี้ยังมี อายเมริค ลาปอร์ต และ โรดรี้ ที่ถนัดเกมรับ ก็ซัดให้ เรือใบสีฟ้า ได้เช่นกัน ขนาด ฟิล โฟเด้น ที่ลงมาเป็นสำรอง ก็ยิงได้เช่นกัน

มันทำให้เห็นว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ฝากผีฝากไข้ไว้กับใครแค่คนเดียว ระบบทีมเวิร์ค, ความขยัน และ การเล่นอย่างเข้าขารู้ใจ คือสิ่งสำคัญที่ เรือใบสีฟ้า ทะลวงไส้คู่แข่งเป็นว่าเล่น โดยหลังจากเปิดบ้านไล่อัด นิวคาสเซิ่ล 5-0 ได้มีสถิติที่ยอดเยี่ยมอันยอดเยี่ยมเพิ่มเข้ามา

นั่นคือ ไม่มีสโมสรไหนใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปอีกแล้ว ที่จะมีผู้เล่นทำแอสซิสต์ให้เพื่อนเกิน 10 ครั้ง ถึง 4 คน มากกว่า แมนฯ ซิตี้ เมื่อนับรวมทุกรายการ โดยตอนนี้ เดอ บรอยน์ แอสซิสต์ ไปแล้ว 13 ครั้ง, กาเบรียล เชซุส, ฟิล โฟเด้น เท่ากันที่ 11 ครั้ง และ เจา กานเซโล่ อีก 10 ครั้ง คิดดูซิครับว่าเอาแค่ 4 คนนี้รวมกัน นักเตะ เรือใบสีฟ้า ก็ซัดคู่แข่งไป 45 ลูกแล้ว อะไรมันจะโหดขนาดนั้น

- ครึ่งหลัง นิวคาสเซิ่ล ไม่ได้ลืมตาอ้าปาก

นับตั้งแต่ขึ้นปี 2022 นิวคาสเซิ่ล ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีฟอร์มร้อนแรงสุดๆ จากเคยหล่นไปอยู่โซนตกชั้น แต่หลังจากมีการเสริมผู้เล่นเข้ามาเพียบช่วงตลาดหน้าหนาว ก็เก็บ 3 คะแนน เป็นว่าเล่น จนก้าวกระโดนขึ้นมาเป็นอันดับเลขตัวเดียวด้วยซ้ำ อย่างในเดือนเมษายน ทัพ สาลิกาดง ลงเล่นไป 5 นัด เก็บชัยไปถึง 4 เกม จนทำให้ตอนนี้พวกเขารอดตกชั้นแน่นอนแทบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่มหาเศรษฐีชาวซาอุดิอาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร และ มีส่วนสำคัญทำให้ทีมผลงานดีขึ้นตามลำดับ แต่กระนั้นการจะไปเทียบเคียงกับบรรดาทีมชั้นนำบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังต้องพัฒนาอีกหลายขุม โดยก่อนหน้านี้ก็พ่ายคาบ้านกับ ลิเวอร์พูล มาก่อน 0-1

แต่ในเกมเจอกับ เรือใบสีฟ้า ขอกราบเรียนตามตรงว่า ขุนพล สาลิกาดง ยังอยู่ห่างจาก แมนฯ ซิตี้ อีกหลายหมื่นไมล์ โดยรูปเกม 45 นาทีหลัง มันมีช่วงที่ แมนฯ ซิตี้ ครองบอลได้ 99 เปอร์เซ็นต์ นิวคาสเซิ่ล แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น เรียกว่าไม่ได้ โงหัว ก็ไม่ผิดมากนัก 

นอกจากนี้การผ่านบอลของ แมนฯ ซิตี้ ช่วงหนึ่งของครึ่งหลัง จ่ายสำเร็จมากถึง 108 ครั้ง แต่ นิวคาสเซิ่ล ไม่โดนบอลเลยสักครั้งเดียว ซึ่งนี่มันถือเป็นมาตรฐานที่ห่างชั้นกันมาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล จะเอาไปต่อยอดเพื่อพัฒนาให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในซีซั่นถัดไป

- ยิงแบบนี้ ไม่ต้องให้ หงส์แดง ได้ลุ้น

ก่อนเกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะเริ่มขึ้น ต้องบอกตามตรงว่าสาวก ตูน อาร์มี่ งอกเงยขึ้นมาเยอะกว่าเดิมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะทางฝั่งแฟนบอล ลิเวอร์พูล ต่างประกาศตัวกันว่า เชียร์ สาลิกาดง มาตั้งแต่ยุค เจมส์ มิลเนอร์ หรือ จอนโจ้ เชลวี่ อะไรก็ว่ากันไป

เพราะหลังจากที่ หงส์แดง ไปสะดุดเสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-1 ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ เรือใบสีฟ้า มีโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกือบแตะ 90 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ดังนั้นถ้าหาก นิวคาสเซิ่ล ทำเซอร์ไพรส์ได้ล่ะก็ จะทำให้ ลิเวอร์พูล ถูกปั๊มหัวใจกลับมาลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ปล่อยให้ความหวังแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ทั้งขาประจำ และ ขาจร เกิดขึ้นเพียงแค่ 19 นาที เท่านั้น ก็สามารถซัดประตูขึ้นนำ สาลิกาดง ได้ทันที พอลูกแรกเริ่มขึ้น ลูกต่อไปก็ไหลมาเทมา โดยครึ่งแรกนำ 2-0 ส่วนครึ่งหลังมารัวเพิ่มขึ้นอีก 3 ตุง จบเกมด้วยการชนะ 5-0

เรียกว่าแฟนบอล สาลิกาดง ปิดไฟนอนตั้งแต่ครึ่งแรก โดยผลงานการยิง 5 ประตู ของขุนพล เรือใบสีฟ้า ทำให้พวกเขามีสถิติยิงคู่แข่งเกิน 5 ลูก มากถึง 6 นัดด้วยกันในซีซั่นนี้ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ แมนฯ ซิตี้ กลับไปครองจ่าฝูง ด้วยการนำหน้า ลิเวอร์พูล 3 คะแนน และ มีลูกได้-เสียแซงหน้าเป็น 4 ประตู เข้าไปแล้ว

- บทสัมภาษณ์ เป๊ป เหน็บ ลิเวอร์พูล

เชื่อแล้วแหละครับว่า ทำไม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถึงยกให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นศัตรูที่รัก และ เหมือน "หอกทิ่มแทง" คอยขัดขวางความสำเร็จอยู่ร่ำไป ซึ่งแน่นอนว่าการเอาชนะเหนือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับเข้าใกล้คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เข้าไปทุกขณะ

แต่กระนั้นในหัวของ เป๊ป เหมือนจะมีชื่อ ลิเวอร์พูล อยู่ตลอดเวลา เพราะหลังจบเกมกุนซือรายนี้ ได้ให้สัมภาษณ์เชิงแอบจิกกัด หงส์แดง อยู่หลายประโยค โดยเฉพาะการมองว่าเป็นทีมที่ไม่ได้มีประวัติศาสตร์มากนัก บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เนื่องจากตลอด 30 ปี เพิ่งได้แค่แชมป์เดียวเท่านั้น

"ผมรู้ดีว่า ทุกคนในประเทศนี้สนับสนุน ลิเวอร์พูล กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน และ ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล แต่ตอนนี้ชะตากรรมอยู่ในมือของเราเองทั้งหมดแล้ว และนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับเรา"

"แน่นอน ลิเวอร์พูล มีประวัติศาสตร์ที่น่าเหลือเชื่อบนสังเวียนเวทียุโรป แต่กระนั้นไม่ใช่สำหรับ พรีเมียร์ลีก เพราะ ลิเวอร์พูล เพิ่งคว้าแชมป์มาได้เพียงแค่ 1 ครั้ง จากตลอด 30 ปี!" 

ไม่รู้ว่า เป๊ป ไปหงุดหงิดที่ตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นดราม่าร้อนๆบนโลกโซเชี่ยล อย่างแน่นอน เพราะมันมีการพาดพิงถึง ลิเวอร์พูล แบบชัดเจน ประหนึ่งว่า เป๊ป แอบแซะว่าต่อให้คุณได้กี่แชมป์ แต่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่ในกำมือของ เรือใบสีฟ้า เท่านั้น

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline