logo-heading

ซึ่งในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาวงการลูกหนังเมืองมะกันถูกว่าดึงดูดดาวเตะชื่อดังให้ย้ายไปค้าแข้งไม่น้อย แม้ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงบั้นปลายการค้าแข้งก็ตาม แต่ทว่าก็สามารถสร้างสีสันให้วงการลูกหนังบ้านเขาได้ไม่น้อย

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยทำการคัดสรร 10 นักเตะชื่อดังที่เคยแวะเวียนไปโชว์ผลงานในศึกเมเจอร์ลีกว่ามีใครกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอลเยอรมัน เจ้าตัวโยกย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆ กับ ชิคาโก ไฟร์ ในช่วงระหว่างปี 2017-2019 ภายหลังแยกทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียง ประสบการณ์ และฝีเท้า เขาทำให้วงการลูกหนังในอเมริกาตื่นเต้นพอสมควรกับการย้ายมาของเขา แถมเป็นการนกระดับสโมสรให้มีความน่าสนใจจากแฟนบอลมากยิ่งขึ้นไป 

แม้ช่วงเวลา 3 ฤดูกาลกับ ชิคาโก ไฟร์ จะไม่อาจพาทีมพุ่งชนความสำเร็จได้ แต่ในแง่ของผลงานเขาก็ถือว่ารักษามาตรฐาน และลงเล่นได้สม่ำเสมอมากพอควร โดยสถิติระบุว่า ชไวน์สไตเกอร์ ลงเล่นไปมากถึง 92 นัด พร้อมทำไปได้ 8 ประตู และกลายเป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพการค้าแข้งของเจ้าตัวอีกด้วย

10 แข้งดังที่เคยโยกย้ายไปค้าแข้ง ณ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

กองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เชลซี ผู้ผ่านเวทีระดับสูงมาแล้วอย่างโชกโชน แถมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในสีเสื้อของทัพ "สิงห์บลูส์" 

ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็แวะเวียนไปค้าแข้งมาหลายที่ทั้ง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว กับ กาลาตาซาราย ก่อนแวะไปเล่นให้ เชลซี แบบช่วงสั้นๆ ก่อนที่หลังจากนั้นจะตรงดิ่งมาที่เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์

โดย มอนทรีออล อิมแพ็ค กลายเป็นสโมสรที่ได้ตัวตำนานกองหน้าทีมชาติไอวอรี่โคสต์ไปครอบครอง ซึ่ง ณ ตอนนั้นในวัย 37 ปี ดร็อกบา ยังคงมีความเก๋า และลีลาที่แพรวพราวเป็นอย่างมาก จนได้รับเลือกให้ติดทีม ออล สตาร์ เมื่อปี 2016 อีกด้วย

รวมแล้วเจ้าตัวลงสนามให้กับ มอนทรีออล ในช่วงเวลา 2 ปี ไปทั้งหมด 41 นัด กระหน่ำไป 23 ประตู รั้งเป็นดาวซัลโวตลอดกาลอันดับที่ 4 ของสโมสร ก่อนที่หลังจากนั้นเจ้าตัวจะไปปิดฉากชีวิตค้าแข้งกับ ฟีนิกซ์ ไรซิ่ง เมื่อปี 2018

อันเดรีย ปีร์โล่

กองกลางสายคลาสสิคของทีมชาติอิตาลี ผู้ได้รับการยกย่องถึงฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะมันสมองที่คอยสร้างสรรค์เกมในรูปแบบที่ไม่ต้องเคลื่อนที่เยอะ แต่ใช้ปลายสตั๊ดในการให้บอลคอยเคลื่อนที่แทน

อย่างที่เรารู้กันว่า ปีร์โล่ ถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในลีกบ้านเกิดสอยแชมป์ เซเรีย อา มาแล้วทั้งกับ ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน ทำให้ในช่วงปั้นปลายอาชีพเจ้าตัวเลือกที่จะออกมาหาความท้าทายนอกแผ่นเดินเกิดซึ่งก็เป็น นิวยอร์ก ซิตี้ ที่คว้าตัวเขามาร่วมทีมเมื่อปี 2015

ซึ่งเขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นแข้งคนแรกจาก MLS ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง FIFPro World XI ในช่วงฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร ส่วนสถิติโดยรวม ปีร์โล่ ลงสนามให้ทีมไปทั้งหมด 62 นัด พร้อมทั้งติดทีม ออล สตาร์ ของลีกเมื่อปี 2016 ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดในช่วงปี 2017 ปิดฉาก 25 ปีบนเส้นทางนักฟุตบอล

แฟรงค์ แลมพาร์ด

อีกหนึ่งนักเตะที่ถูก นิวยอร์ก ซิตี้ ดึงตัวเข้ามาเสริมทัพเมื่อช่วงปี 2015 แต่ทว่าก่อนหน้านั้นเขาถูก แมนฯ ซิตี้ ดึงตัวไปร่วมทีม เนื่องด้วยเจ้าของสโมสรคือกลุ่มทุนเดียวกันนั้นเอง

ส่วนชีวิตลูกหนังในดินแดนลุงแซม แลมพาร์ด ลงเล่นให้กับ นิวยอร์ก ซิตี้ ไปเพียง 31 นัดเท่านั้น เนื่องด้วยมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าจากจำนวนดังกล่าวเจ้าตัวสามารถถลุงประตูไปได้มากถึง 15 ตุง ถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับจำนวนที่ลงสนาม และกับบทบาทคือมิดฟิลด์ของทีม

ทั้งนี้ แลมพาร์ด ประกาศแขวนสตั๊ดกับทีมไปเมื่อปี 2016 ก่อนที่จะเดินหน้าในสายงานของกุนซือในอีก 2 ปี ให้หลัง ประเดิมเปิดซิงกับ ดาร์บี้ ก่อนต่อยอดไปคุมอดีตทีมเก่าอย่าง เชลซี และปัจจุบันทำงานให้กับ เอฟเวอร์ตัน ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

กาก้า

นักเตะดีกรีบัลลง ดอร์ ที่โยกย้ายมาหาความท้าทายในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ภายหลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ เอซี มิลาน จนถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกลูกหนัง

แต่ทว่าพลันที่ย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด กราฟชีวิตลูกหนังของเขาก็เหมือนจะค่อยๆ ชี้หัวลงเรื่อยๆ แม้จะมีช่วงที่ย้ายไปเล่นให้กับ มิลาน อีกครั้งช่วงสั้นๆ แต่ทว่าผลงานของเขาก็ไม่อาจเรียกมาตรฐานแบบเดิมกลับมาได้อีกเลย จนกระทั่งย้ายมาโชว์ฝีเท้ากับ ออร์แลนโด ซิตี้ ในปี 2014 แน่นอนถือว่าเป็นห้วงเวลาที่แฟนบอลตื่นเต้นมากพอสมควร

ช่วงเวลา 3 ปี กับทีม กาก้า ลงสนามไปมากถึง 78 นัด พร้อมทำไป 25 ประตู อีกทั้งยังติดทีม ออล สตาร์ 3 ครั้งรวดในปี 2015, 2016 และ 2017 ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดปิดฉากชีวิตลูกหนัง ซึ่งก็เป็น  ออร์แลนโด ซิตี้ นี่แหละคือสถานีปลายทางสุดท้ายของเขา

10 แข้งดังที่เคยโยกย้ายไปค้าแข้ง ณ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์

สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ภาพจำส่วนใหญ่ของ เจอร์ราร์ด ในฐานะนักฟุตบอลคงเป็นในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล แต่ทว่าท้ายที่สุดด้วยวิถีลูกหนัง หรืออะไรก็ตามแต่ ตำนานทีมชาติอังกฤษยุติอาชีพของเขาด้วยการสวมชุดสีขาวของ แอลเอ กาแล็กซี่

ย้อนกลับไปในห้วงเวลาดังกล่าว เจอร์ราร์ด กลายเป็นส่วนเกินของทัพ "หงส์แดง" ในยุคของ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส ทำให้ท้ายที่สุดเขาต้องโยกย้ายมาค้าแข้งช่วงปลายอาชีพกับ แอลเอ กาแล็กซี่ ซึ่งเจ้าตัวลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาล จัดการซัดไป 5 ประตู จาก 39 นัด ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดหลังจบซีซั่น 2016 แน่นอนนี่อาจไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นดาวเตะรายนี้สวมใส่ยูนิฟอร์มของทีมอื่นในวันที่อำลาสนาม

จากวันที่ประกาศหันหลังให้อาชีพนักฟุตบอลได้ราว 3 ปี เจ้าตัวก็หวนกลับมาทำงานในวงการอีกครั้งด้วยการเข้ารับตำแหน่งโค้ชของ ลิเวอร์พูล ชุดยู-18 และ ยู-19 อีก ก่อนที่หลังจากนั้นจะเทิร์นโปรคุมทีมอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับ เรนเจอร์ส ในลีกสกอตแลนด์ ก่อนที่กลับมาอังกฤษอีกครั้งเพื่อคุมทัพ แอสตัน วิลล่า

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

หนึ่งในนักเตะที่สร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังอเมริกาได้มากที่สุด นอกจากบทสัมภาษณ์มากมาย ยังจารึกประตูสวยๆ ในสีเสื้อของ แอลเอ กาแล็กซี่ ไว้ได้อย่างมากมายเช่นเดียวกัน

โดย ซลาตัน ย้ายมาร่วมทัพ แอลเอ กาแล็กซี เมื่อช่วงปี 2018 ภายหลังแยกทางกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งการย้ายมายังเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ เขาสามารถดึงดูดแฟนบอล และสร้างกระแสให้คนหันมาติดตามฟุตบอลที่อเมริกามากยิ่งขึ้นในช่วงที่เขายังคงอยู่กับทีม 

2 ฤดูกาลกับสโมสรเจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมด 58 นัด กระหน่ำไปได้ถึง 53 ประตู เรียกได้ว่าเป็นสถิติที่โคตรยอดเยี่ยมของกองหน้าจากสวีเดน และแน่นอนด้วยแพชชั่นที่ยังคงล้นเหลือเจ้าตัวเลือกที่จะกลับมาค้าแข้งในยุโรปอีกครั้งกับ เอซี มิลาน ก่อนกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญพาทีมเถลิงบัลลังก์แชมป์เซเรีย อา ในฤดูกาลล่าสุดมาครอง

10 แข้งดังที่เคยโยกย้ายไปค้าแข้ง ณ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์

เวย์น รูนี่ย์

ดาวซัลโวสูงสุดตลอดของทีมชาติอังกฤษกับการลองมาหาความแปลกใหม่ ณ เมเจอร์ลีก กับ ดีซี ยูไนเต็ด แน่นอนด้วยระดับฝีเท้า และความป๊อปสตาร์ของเขาช่วยให้ทั้งสโมสร และลีกฟุตบอลของอเมริกาได้รับความสนใจทวีคูณมากขึ้นไปอีก

ส่วนในตัวของ รูนี่ย์ เองก็ดูแฮปปี้ไม่น้อยกับชีวิตในอเมริกาหลังจากที่อยู่ภายใต้ความสนใจจากสื่อในอังกฤษมาตลอดเรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลาส่วนตัว ผิดกับที่แดนลุงแซมขาสนุกกับการไม่เปิดเผยตัวตน หรือการได้มีชีวิตส่วนตัวโดยไม่มีปาปารัสซี่คอยจับภาพว่าเขากำลังทำอะไร ที่ไหน หรือกับใคร

รูนี่ย์ ปิดฉากค้าแข้งกับ ดีซี ยูไนเต็ด 2 ฤดูกาล ลงสนามไปทั้งหมด 52 นัด ซัดไป 25 ประตู ก่อนกลับมาค้าแข้งในอังกฤษกับ ดาร์บี้ เคานตี้ ก่อนยกระดับขึ้นมาเป็นกุนซือของทีม พร้อมได้รับคำชื่นชมมากมายถึงแนวทาง และการปลุกใจกระตุ้นลูกทีมในสถานการณ์ของสโมสรที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

เธี่ยร์รี่ อองรี

หนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมไปถึงการโยกย้ายไปประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า ก่อนที่ย้ายมาค้าแข้งกับ นิวยอร์ก เร้ดบูลส์ ในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง

ในตอนนั้น นิวยอร์ก เร้ดบูลส์ เป็นฝ่ายที่ยื่นข้อเสนอไปให้กับ อองรี พิจารณาซึ่งดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสก็ทำการตอบรับมาสร้างสีสัน และยกระดับของฟุตบอลในอเมริกา

แน่นอนว่าการมาของเขาไม่ได้มาเล่นๆ เพียงโชว์ทักษะฟุตบอลเท่านั้น แต่ทว่าเจ้าตัวค้าแข้งอยู่นานถึง 5 ฤดูกาลระหว่างช่วงปี 2010-2014 จัดการกระหน่ำไปถึง 52 ประตู จากการลงสนาม 135 นัด พร้อมช่วยทีมคว้าแชมป์ Supporters' Shield มาครองได้ 1 สมัย และถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งแข้งยุคบุกเบิกในการเปิดตลาดนักเตะในอเมริกาอีกด้วย

10 แข้งดังที่เคยโยกย้ายไปค้าแข้ง ณ เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์

เดวิด เบ็คแฮม

เดินทางมาถึงคนสุดท้ายที่ต้องบอกว่าเป็นผู้เบิกทางนักเตะชื่อดังสู่เวทีเมเจอร์ลีกอย่างแท้จริง อย่างที่เราทราบกันว่า เบ็คแฮม ถือว่าเป็นซูปเปอร์สตาร์ของวงการลูกหนังอย่างแท้จริง และถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรที่เขาเลือกไปค้าแข้งในอเมริกา ทั้งที่ตอนนั้นวงการลูกหนังที่แดนลุงแซมยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก

เบ็คแฮม ลงเล่นกับ แอลเอ กาแล็กซี่ นานถึง 6 ฤดูกาล พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ MLS Cup มาครองได้ 2 สมัย ส่วนสถิติส่วนใหญ่ "เฮียเบ็ค" ลงสนามไปมากถึง 118 นัด ก่อนโยกย้ายไปปิดฉากชีวิตค้าแข้งกับ เปแอสเช เมื่อปี 2013

ส่วนปัจจุบันเจ้าตัวยังคงทำงานยกระดับฟุตบอลอเมริกาอย่างต่อเนื่องด้วยการนั่งแท่นเป็นเจ้าของสโมสร อินเตอร์ ไมอามี่ พร้อมดึงแข้งดังมากมายเข้าสู่ทีม เป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของ เมเจอร์ลีก ให้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline